บทที่4 ขายสมุนไพร
เสี่ยวหลันจื่อลงมาจากภูเขาในตอนบ่ายแก่ๆ แล้ว ด้านหลังมีตะกร้าสมุนไพรที่เก็บมา ในอ้อมแขนยังอุ้มเจ้าสัตว์ตัวเล็กสีแดงเพลิงที่นางพึ่งจะตั้งชื่อให้มันว่าเสี่ยวหง เพราะขนมันสีแดงทั้งตัวแม้กระทั่งตาของมันก็มีสีแดง
เสี่ยวหลันจื่อเปิดประตูเดินเข้าไปในลานบ้านวางตะกร้าลง
แม่เฒ่าสวีที่รอนางกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ ก็รีบเดินมาจับตัวนางหมุนไปหมุนมาเพื่อดูว่านางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
“ท่านยาย ข้าไม่มีที่ไหนในร่างกายที่บาดเจ็บหรอกนะเจ้าคะ ท่านจับข้าหมุนไปหมุนมาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ก็ยายเป็นห่วงเจ้าไม่ใช่หรือไงถึงได้ทำแบบนี้ เอาล่ะ กลับมาเหนื่อยๆ พักผ่อนซะหน่อย หิวหรือไม่ให้ยาย ทำอะไรให้กินสักหน่อยไหม”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่เหนื่อย อีกอย่างข้ากินซาลาเปาที่ท่านยายให้ข้าไปแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อบอกแม่เฒ่าสวีแล้วยิ้มอย่างประจบเอาใจ
“มาดูสมุนไพรที่ข้าเก็บมาดีกว่าเจ้าค่ะว่าสามารถขายได้หรือไม่” เสี่ยวหลันจื่อหยิบสมุนไพรหลายชนิดออกมาจากตะกร้า อาศัยช่วงที่แม่เฒ่าสวี มัวแต่ดูสมุนไพรหยิบเอาโสมออกมาจากไอเทมบ๊อกของนาง เสียงคุยกันของสองสตรี ดังไปถึงหลังบ้าน เฒ่าหลิวที่กำลังสานตะกร้าไม้ไผ่อยู่ถึงกับเดินออกมาดู ว่าพวกนางกำลังทำอะไรกัน
สองสามีภรรยาถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก เมื่อเห็นโสมภูเขาที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมานอนอยู่ก้นตะกร้า แม่เฒ่าสวีดีใจจนร้องไห้ออกมา ลูบหัวของเสี่ยวหลันจื่อแล้วเอาแต่พูดว่าเด็กดี เด็กดี
“เรื่องโสมนี่ต้องเก็บไว้เป็นความลับรู้หรือไม่ โดยเฉพาะแก ตาแก่ อย่าได้เที่ยวเอาไปพูดที่ไหนเชียว สิ่งของยิ่งมีค่ายิ่งอันตราย”
แม่เฒ่าสวีหันไปกำชับเสี่ยวหลันจื่อแล้วจึงหันไปกำชับสามีของตนที่ชอบออกไปคุยเล่นกับสหายชราหลังอาหารเย็นทุกวัน หนึ่งเด็กสาวหนึ่งชายชราพยักหน้าขึ้นลงซ้ำๆ พร้อมกัน อย่างกับไก่กำลังจิกข้าวสาร มองดูแล้วน่าขันนัก
แม่เฒ่าสวีถึงกับหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา นี่คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา เห็นนางสองสามีภรรยาเฒ่าไม่มีสายเลือดสืบสกุล จึงส่งเด็กสาวคนนี้มาให้พวกเขา แม่เฒ่าสวียกมือพนมแล้วพึมพำอามิตตาพุทธเบาๆ สายตาก็มองดู
เสี่ยวหลันจื่อที่กำลังแยกสมุนไพรอย่างอ่อนโยน
วันต่อมาสามคนบ้านผู้เฒ่าหลิวขี่เกวียนเข้าไปในอำเภอที่อยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ เสี่ยวหลันจือที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนฮำเพลงเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ เพราะวันนี้เป็นวันที่นางจะได้เงินแล้ว ในปากก็คาบยอดหญ้าหางกระรอกที่ดึงมาจากข้างทางชมนกชมไม้ไปเรื่อย เสี่ยวหงที่นั่งอยู่บนตักของนาง ก็เลียนแบบท่าทางการกระทำของเสี่ยวหลันจื่อเพียงแต่มันไม่ได้ฮำเพลงออกมาเท่านั้น หนึ่งคนหนึ่งสัตว์โยกหัวไปมาพร้อมกับฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี แม่เฒ่าสวีมองดูเสี่ยวหลันจื่อกับเสี่ยวหง แล้วสะกิดให้สามีเฒ่าของตนเองดูทั้งสองถึงกับยิ้มออกมาพร้อมกัน
เมื่อเกวียนมาถึงด้านหน้าทางเข้าของอำเภอหยู่เปิง ผู้เฒ่าหลิวจอดเกวียนไว้ด้านนอก จ่ายเงินให้คนดูแลวัวของตนจากนั้นทั้งสามคนก็เข้าไปด้านใน เสี่ยวหลันจื่อสังเกตรอบๆ ตลอดทางที่ผู้เฒ่าหลิวพาไป อำเภอหยู่เปิงเป็นอำเภอใหญ่ที่เป็นทางผ่านเข้าเมืองหลวง
ดังนั้นที่นี่จึงคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนและเหล่าพ่อค้าที่เดินทางผ่านไปมาเพื่อนำสินค้าไปขาย ทั้งนำเข้าไปขายในเมืองหลวงและนำออกไปขายยังเมืองต่างๆ เสี่ยวหลันจื่อฟังผู้เฒ่าหลิวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอำเภอหยูเปิงให้ฟังระหว่างเดินไปร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ และยังมีสาขามากมายกระจายไปตามอำเภอต่างๆ
เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้ารับผู้เฒ่าหลิวเป็นพักๆ เพื่อบ่งบอกว่านางกำลังตั้งใจฟังอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสามคนกำลังตกเป็นเป้าความสนใจของผู้คนรอบด้าน ถ้าจะให้เจาะจงคือคนที่พวกเขาสนใจคือเสียวหลันจื่อ แม้จะใส่เสื้อผ้าที่เก่าแถมยังมีรอยปะชุน แต่กลับไม่สามารถ บั่นทอนความงามของนางได้เลย ตลอดทางจนกระทั่งถึงร้านขายยา เริ่นโส่วถัง ผู้คนเอาแต่เหลียวมองนางเป็นตาเดียวกัน
“ถึงแล้วที่นี่แหละ ร้านขายยาที่ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอหยู่เปิง และข้ารับรองว่าที่นี่จะให้ราคายุติธรรมแน่นอน สมัยยังหนุ่มข้าเคยเอาโสมหัวเล็กๆ มาขายที่นี่ครั้งหนึ่ง ได้ตั้งยี่สิบตำลึงแนะ จำได้ไหมยายเฒ่า”
ผู้เฒ่าหลิวหันมาหาคู่ชีวิตเพื่อขอให้นางสนับสนุนคำพูดของตน
“พูดมากจริงเชียว” แม่เฒ่าหลิวหันไปเอ็ด สามีหนึ่งทีจากนั้นจึงควงแขนของเสี่ยวหลันจื่อเข้าไปข้างใน เริ่นโส่วถัง
“มาซื้อหรือมาขายยาสมุนไพรขอรับ” เด็กหนุ่มที่ดูแลหน้าร้านรีบกุลีกุจอเข้ามาถามแม่เฒ่าสวี ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู แอบเหลือบมองเสี่ยวหลันจื่อเป็นระยะ
“พวกเรามาขายสมุนไพร เจ้าช่วยตามผู้ดูแลมาได้หรือไม่” ทันทีที่เสี่ยวหลันจื่อเปล่งเสียงออกมา ร่างของเด็กหนุ่มที่มาทำหน้าที่ต้อนรับถึงกับแทบเหลวเป็นน้ำ เขาสามารถพูดได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ไพเราะขนาดนี้มาก่อน จากใบหน้าที่แดงก่ำอยู่แล้วของเด็กหนุ่มกลับยิ่งแดงเป็นกุ้งเผามากกว่าเดิม เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นเขายืนก้มหน้าไม่ได้ตอบรับคำพูดของตนจึงเดินเข้าใกล้กว่าเดิมเพราะคิดว่าเขาไม่ได้ยิน เด็กหนุ่มเห็นนางเดินมาใกล้ตนเองก็ได้สติกลับมา รีบลนลานวิ่งเข้าไปด้านในทันที
“เป็นอะไรของเขานะ รีบลนลานอะไรขนาดนั้น” เสี่ยวหลันจื่อที่อุ้มเสี่ยวหงอยู่ในอ้อมแขน ลูบขนมันเล่นไปมาหันไปหาแม่เฒ่าสวีเพื่อถามนาง แม่เฒ่าสวีสายหน้าเป็นเชิงบอกว่านางก็ไม่รู้เหมือนกัน
ไม่นานผู้ดูแลวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีก็เดินออกมาพร้อมเด็กหนุ่มคนเดิม ทันทีที่เขาเห็นหน้าของเสี่ยวหลันจื่อก็ชะงักงันไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ยกมือป้องปากกระแอมไอเบาๆ เป็นเพราะผ่านประสบการณ์มามากมายเขาจึงควบคุมสีหน้าได้เก่งกว่าเด็กหนุ่มคนนั้น
“ข้าคือผู้ดูแลของเริ่นโส่วถัง แซ่เฉิน มีนามว่าเฉินคุนเจ้าเรียกข้าว่าผู้ดูแลเฉินก็ได้ ไม่ทราบว่าแม่นาง.........มาขายสมุนไพรชนิดใด”
เสี่ยวหลันจื่อหันไปหาสองสามีภรรยาเฒ่าทันที ผู้เฒ่าหลิวรีบเดินขึ้นมาด้านหน้า
“ข้าน้อยแซ่หลิวนี่ภรรยาและหลานสาวของข้า เรานำสมุนไพรมาขายหลายชนิด รบกวนผู้ดูแลเฉินช่วยตีราคาให้สักหน่อย” ผู้ดูแลเฉินเหลือบมองเสี่ยวหลันจื่อเล็กน้อยจากนั้นจึงพยักหน้า
"ท่านทั้งสามตามข้ามาที่ห้องส่วนตัวด้านในเถอะ อาเป่า ยกน้ำชากับขนมมาให้ผู้เฒ่าทั้งสองกับแม่นางที” ผู้ดูแลเฉินหันมาสั่งเด็กหนุ่มคนเดิม
หลังจากเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้วสองผู้เฒ่าก็เอาแต่นั่งเกรงไม่กล้าดื่มชาหรือกินขนม ต่างจากเสี่ยวหลันจื่อกับเสี่ยวหงที่กินอย่างสบายๆ คล้ายกับอยู่บ้านตัวเอง ขนมดอกกุ้ยฮวานี่อร่อยจริงๆ ไม่กินเสียดายแย่ ของฟรีเชียวนะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่เคยได้กินของหวานเลยมีโอกาสต้องกอบโกยสักหน่อย เสี่ยวหลันจื่อคิดในใจ
ผู้ดูแลเฉินมองเสี่ยวหลันจื่อกินอย่างเอร็ดอร่อย กระพุ้งแก้มสองข้างพองออกมา ท่าทางเหมือกระรอกที่ซ่อนอาหารไว้กินยามหิว ดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก แล้วมองลงไปที่เจ้าสัตว์ตัวเล็กสีแดงเพลิงนี่อีกท่าทางไม่ต่างจากเจ้านายของมันจริงๆ ผู้ดูแลเฉินยกถ้วยชาขึ้นบังริมฝีปากของตนที่โค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ทราบว่าพวกท่านมีสมุนไพรอะไรมาขายให้เริ่นโส่วถังหรือ” ผู้ดูแลเฉินเปิดประเด็นหลังจากที่รอมานานพวกเขาก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะนำสมุนไพรออกมา เสี่ยวหลันจื่อเปิดผ้าที่คลุมตะกร้าออก หยิบเอาสมุนไพรหลายอย่างออกมาจนกระทั้งอย่างสุดท้ายที่ถูกห่อด้วยผ้า
ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาของผู้ดูแลเฉินเขาพอจะเดาได้ว่าสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าคืออะไรแต่ที่เขาตกตะลึงคือ มันใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เสี่ยวหลันจื่อแกะผ้าที่ห่อโสมออก
“ไม่ทราบว่าผู้ดูแลเฉิน จะให้ราคาโสมหัวนี้เท่าไหร่”
เสี่ยวหลันจื่อไม่อ้อมค้อม ถามเข้าประเด็นทันที ผู้ดูแลเฉินหยิบโสมนั้นออกมาดูอย่างเบามือ เขาถนอมมันยิ่งกว่าลูกในไส้เสียอีก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้ดูแลเฉินเสี่ยวหลันจื่อก็ยกยิ้มมุมปากบางๆ
หลังจากที่ดูจนพอใจผู้ดูแลเฉินก็ได้สติกลับมากเขากระแอมไอเบาเพื่อขับไล่ความเขินอายที่ตนเองเสียกิริยา “เรื่องนี้......พวกท่านรอสักครู่ได้หรือไม่เดี๋ยวข้ากลับมา”
ผู้ดูแลเฉินเดินออกไปจากห้องส่วนตัวทันที แต่ยังมิวายหันไปสั่งอาเป่าให้นำขนมดอกกุ้ยฮวาเข้ามาให้สามคนในห้องรับรองกิน