บทย่อ
เซียวอี้เหิงพยายามใช้ลมปราณเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ที่กำลังจะปะทุของตน เสียงสวบสาบก็ดังขึ้นทางด้านหลัง คราวนี้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าตนเองถูกวางยาแน่แล้ว น่าตายนักใจกล้าเหลือเกินเขาคงใจดีเกินไปสินะ ในสมองก็คิดอย่างหนึ่งแต่ร่างกายกลับไม่ฟัง เซียวอี้เหิงคว้าตัวอวี้ซูเหยาเข้าหาตนแล้วกระชากเสื้อผ้าของนางออกจนหมด จากนั้นไม่นานเสียงครวญครางก็ดังแว่วออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน จนกระทั่งรุ่งสางฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจึงหมดลง เซียวอี้เหิงลุกออกจากตัวของอวี้ซูเหยาอย่างรังเกียจ สายตาลึกล้ำดำมืดที่เหมือนคมมีดมองร่างเล็กที่หมดสติไปนานแล้ว เหมือนกับกำลังมองคนตาย
บทที่1 ตัวละครลับอะไร
เสียงหวอของรถกู้ภัยดังไม่ขาดสาย ร่างโปร่งแสงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนมองเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยเหลือหญิงสาวโชคร้ายที่ถูกลูกหลงจากการทะเลาะวิวาทของชายขี้เมาสองคน ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สี่ชั่วโมง เสี่ยวหลันจื่อเดินทางจากศูนย์เด็กเล็กที่เธอทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่มาที่ร้านอาหารในตัวอำเภอ
เธอทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่เพื่อหาค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาลของตาเธอที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เสี่ยวหลันจื่ออาศัยอยู่กับตายายของเธอตั้งแต่อายุสามขวบ เพราะพ่อกับแม่ของเธอหย่าร้างกันและต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่เป็นของตนเอง
ดังนั้นเธอจึงเป็นส่วนเกินของพ่อกับแม่ทันที มีเพียงตาและยายของเธอที่ยินดีรับเธอมาดูแล ดังนั้นทั้งชีวิตของเสี่ยวหลันจื่อจึงมีแค่ตากับยายที่เป็นผู้ปกครอง แต่ครอบครัวตายายก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรมีเพียงร้านขายของชำเล็กๆ ในหมู่บ้าน มีรายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและตั้งแต่ที่มาอยู่กับตายายก็ไร้การเหลียวแลจากพ่อและแม่ของเธอ
เสี่ยวหลันจื่อที่รู้ถึงความลำบากของตายาย เธอจึงขอเรียนแค่จบมัธยมปลายไม่เรียนต่อมหาลัย และการเรียนจบแค่มัธยมปลายของเธอเป็นผลให้การหางานยากลำบาก แต่เพราะท่านผอ. ที่ดูแลศูนย์เด็กเล็กเป็นเพื่อนเก่าของตาเสี่ยวหลันจื่อ ตาจึงบากหน้าไปขอร้องให้เธอได้ทำงานที่ศูนย์เด็กเล็กแห่งนั้น แล้วชีวิตการทำงานของเสี่ยวหลันจื่อก็เริ่มต้นขึ้นและเป็นอย่างนี้ทุกวันตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมอปลาย
เสี่ยวหลันจื่อมองทุกอย่างด้วยสายตาว่างเปล่าไร้อารมณ์ ความจริงเธอไม่ได้ยี่หระกับการมีชีวิตอยู่หรือตายสักเท่าไหร่เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน มันคล้ายกับว่าเธอไม่เข้าใจว่า อะไรคือเจ็บปวด อะไรคือความเศร้า อะไรคือความรัก อะไรคือความสุข เพราะไม่มีความฝัน ไม่มีความต้องการ ตั้งแต่ที่พ่อแม่ทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่ความรู้สึกต่างๆ ของเธอนั้นล้วนว่างเปล่า
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้ทำประกันชีวิตและยกผลประโยชน์ให้เป็นชื่อตายายเพื่อเป็นการตอบแทนที่ทั้งสองเลี้ยงดูเธอจนโต แต่ก็นะถ้าหากตายายรู้ว่าเธอตายจากไปคงจะเสียใจอย่างมาก และก่อนที่เสี่ยวหลันจื่อจะทันได้คิดอะไรต่อร่างโปร่งแสงของเธอก็คล้ายถูกอะไรบางอย่างดูดเข้าไปในหลุมดำ
ด้านในมืดสนิทมองไม่เห็นรอบข้าง จากนั้นไม่นานก็มีเสียง ติ๊ง ดังขึ้นข้างหูของเธอ แล้วร่างโปร่งแสงของเธอก็ถูกดูดไปอีกครั้งแต่ตอนนี้มีแสงสว่างทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ และมีเสียงพูดดังขึ้น
“ยินดีด้วยคุณคือผู้โชคดีหนึ่งในล้านที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวละครลับ”
เสี่ยวหลันจื่อหมุนตัวมองไปรอบๆ เพื่อหาที่มาของเสียง
“ไม่ต้องมองหาผมหรอกเพราะ ผมไม่มีตัวตนเป็นเพียงระบบอัจฉริยะที่ถูกติดตั้งในโปรแกรมตัวละครลับ”
.......... “ชื่อของคุณคืออวี้หลันจื่อ อายุยี่สิบสอง อาศัยอยู่กับตายายในหมู่บ้านเล็กๆ สาเหตุการตายคือถูกแทงเสียชีวิต”
เสี่ยวหลันจื่อกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เธอเคยอ่านนิยายแฟนตาซีแนวทะลุมิติมาไม่น้อย คิดว่ามันเป็นเพียงการจินตนาการไร้สาระของนักเขียนเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าตนเองต้องมาประสบด้วยตัวเอง
"คุณต้องการอะไร”
เสี่ยวหลันจื่อถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ใช่ เธอกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้ถึงเธอจะไม่กลัวคนแต่เธอก็กลัวผีนะ
“ตามที่บอกไปก่อนหน้านี้ คือคุณได้รับเลือกให้เป็นตัวละครลับ” เสี่ยวหลันจื่อไม่เข้าใจ ว่าตัวละครลับที่ระบบพูดถึงคืออะไร เหมือนเจ้าระบบจะรู้ความคิดของเธอ จึงเริ่มอธิบาย ช้าๆ
“หน้าที่ของคุณคือเอาชีวิตรอดจากนิยายเรื่องนี้ และทำให้นิยายเรื่องนี้สนุกมากกว่าเดิมโดยไม่ต้องสนใจเนื้อเรื่องเดิมว่าจะจบแบบไหน”
ฉันจะไปรู้ได้ยังไงละว่านิยายเรื่องนี้จบแบบไหนในเมื่อฉันไม่เคยอ่านมัน เสี่ยวหลันจื่อคิดในใจ
“นี่คือนิยายเล่มนั้น”
ทันทีที่เสี่ยวหลันจื่อคิดก็มีนิยายหนึ่งเล่มโผลออกมากลางอากาศ
“แสนรู้จริงๆ” เสี่ยวหลันจื่อบ่นพึมพำ
“เรื่องอ่านนิยายเอาไว้ทีหลัง คุณมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ”
สิ้นเสียงของระบบ ร่างของเสี่ยวหลันจื่อวูบไปอีกครั้งแต่ตอนี้สถานที่ที่เธอยืนอยู่คือลานโล่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง รอบด้านมืดมิดมีต้นไม้ขึ้นหนาทึบและมีภูเขาล้อมรอบ ฝนตกปรอยๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศ น่ากลัวกว่าเดิม ที่นี่น่าจะเป็นเชิงเขาของที่ไหนสักแห่ง
ก่อนที่เสี่ยวหลันจื่อจะถามระบบว่าพาเธอมาที่ไหนกันแน่ เสียงเดินของใครบางคนตรงมาทางที่เธอยืนอยู่ เสี่ยวหลันจื่อรีบนั่งลงอาศัยความมืดและใช้หญ้าที่ขึ้นสูงบังร่างตนเองเอาไว้ โดยที่ลืมไปว่าตัวเองคือวิญญาณร่างโปร่งแสง เธอสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายสองคนแต่งตัวด้วยชุดจีนโบราณที่เคยเห็นในซีรี่ส์ย้อนยุคกำลังแบกเสื่อที่ห่ออะไรบางอย่างเป็นแท่งยาวๆ โยนลงไปในหลุ่ม
ดวงตาของเสี่ยวหลันจื่อสว่างวาบขึ้นมาทันที ฆ่าตกรรม สามคำนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ เสี่ยวหลันจื่อยกมือขึ้นปิดปากของเธอด้วยกลัวว่าตัวเองจะส่งเสียงออกไป ไม่นานหลังจากที่ชายสองคนจากไป
เสี่ยวหลันจื่อก็ออกมาจากที่ซ่อนและตรงไปที่หลุมที่ชายสองคนโยนศพลงไป เสี่ยวหลันจื่อยกมือไหว้พนมพึมพำขอให้เขาไปสู่สุขติ เสียงของระบบก็ดังขึ้นพร้อมเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าและฝนก็เทกระหน่ำลงมาหนักกว่าเดิม
“เริ่มต้นการผสานวิญญาณกับร่างใหม่” สิ้นเสียงระบบ เสี่ยวหลันจื่อก็ร้อง อ๊า ขึ้นมาหนึ่งคำ
ร่างของเธอก็ถูกดูดลงไปในหลุมทันที
“เสร็จสิ้นการผสานวิญญาณ”
เสี่ยวหลันจื่อดิ้นขลุกขลักอยู่ในหลุมเป็นเวลานานเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากเสื่อที่พันธนาการร่างของเธออยู่ แถมตอนนี้ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากหลุดจากเสื่อห่อศพเสี่ยวหลันจื่อก็ปีนออกมาจากหลุมมรณะอย่างทุลักทุเล
“ให้ตายเถอะ ขอแบบธรรมดาไม่ได้หรือไง ไม่ใช่ว่าในนิยายนางเอกที่ทะลุมิติมาจะต้องเป็นคุณหนูลูกคนรวยรุ่นที่สามเสวยสุขอยู่บนกองเงินหรือไง ไม่ใช่ศพที่ถูกฆ่าตกรรมแบบนี้”
เสี่ยวหลันจื่อตะโกนออกมาอย่างเหลืออด เพราะตอนนี้เธอทั้งหนาวและเจ็บแผลที่หลังเป็นอย่างมาก
“ระบบเฮงซวย” เสี่ยวหลันจื่อยังไม่วายสบถพึมพำเบาๆ
ยังไม่ทันที่เสี่ยวหลันจื่อจะได้ทำรวจร่างกายใหม่ของตัวเองว่าบาดเจ็บมากแค่ไหน ตัวเธอก็วูบหายไปจากป่าแห่งนั้นทันที
เสี่ยวหลันจื่อลดมือที่ยกขึ้นบังดวงตาที่ถูกแสงสว่างกระทบลง
“นี่ระบบ จะทำแบบนี้อีกนานแค่ไหน ให้สัญญาณกันบ้างสิ ดูดเข้าดีดออกแบบนี้ได้หัวใจวายตายก่อนที่จะได้ทำภารกิจหรอกนะ”
เสี่ยวหลันจื่อบ่นระบบเบาๆ
ไม่มีเสียงตอบกลับมา เสี่ยวหลันจื่อหมุนตัวมองไปรอบๆ จากนั้นก็มีข้อความขึ้นมาที่ด้านหน้าของเธอ
กรุณาอ่านคู่มือ
“เอ๊ะ มีคู่มือด้วย ไหนดูซิว่าใช้ยังไง”
เสี่ยวหลันจื่อใช้มือกดไปที่หน้าจอที่ขึ้นตรงหน้าของเธอ
มีตัวหนังสือการใช้งานของระบบเปิดขึ้นมามากมายจนมองแล้วทำให้รู้สึกตาลาย
“นี่มันคู่มือหรือหนังสือขายดีเอาไว้อ่านยามว่างกันเนี่ย เยอะขนาดนี้เชียว นี่ระบบคู่มือนี่เอาไว้อาทีหลังได้หรือเปล่า”
เสี่ยวหลันจื่อมองไปที่หน้าต่างระบบที่มีแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมดด้วยความปวดหัว
เสี่ยวหลันจื่อกดออกจากหน้าต่างคูมือ มีช่องตารางที่มีตัวหนังสือปรากฏขึ้นมาคล้ายกับแอปพลิเคชั่นบนหน้าจอมือถือ
“นี่มันสุดยอดไปเลยแฮะ ช่องแรกเขียนว่า ไอเทมบ๊อก ช่องที่สอง สแกน สแกนหรือ สแกนอะไร”
เสี่ยวหลันจื่อมองที่ช่องสุดท้าย มีข้อความเขียนว่า ร้านค้าออนไลน์ ซึ่งดึงดูดความสนใจของเธอทันที
“นี่ระบบ ร้านค้าออนไลน์นี่ใช้ซื้อของได้จริงหรือเปล่า” ไร้เสียงตอบรับของระบบ
“ก็ได้ๆ อ่านคู่มือสินะ” เสี่ยวหลันจื่อคิดในใจ เคี่ยวจริงๆ
“แล้วนี่จะออกไปจากที่นี่ยังไงนะ ถ้าไม่ออกไปก็ทำภารกิจตัวละครลับไม่ได้หรอกนะ”
สิ้นเสียงของเธอเสี่ยวหลันจื่อก็ถูกดีดออกมาจากช่องว่างของระบบทันที เพราะเสี่ยวหลันจื่อมัวแต่มุ่งความสนใจไปที่ หน้าต่างระบบ จึงทำให้เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่ ตอนนี้พอออกมาจากช่องว่างของระบบจึงรู้สึกเจ็บระบมที่หลังเป็นอย่างมาก
“แล้งน้ำใจจริงๆ เจ้าระบบเฮงซวย”
เสี่ยวหลันจื่อลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากเพราะหลังของเธอเหมือนจะบาดเจ็บและมีแผลอยู่ ไม่น้อย
“ยังไงก็ออกไปจากป่านี่ให้ได้ก่อนแล้วกัน ถ้ามีแผนที่นำทางก็ดีนะสิ”
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อพูดจบหน้าต่างสเตตัสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ แล้วตรงหัวข้อหลักคือ สแกน ด้านล่างที่เป็นหัวข้อย่อยเขียนว่าแผนที่ เธอจึงเข้าใจทันที
“เจ้านี่ใช้คำสั่งเสียงได้สินะแล้วถ้าเป็นคำสั่งด้วยจิตละ” ปิดหน้าต่างสเตตัส หน้าต่างสเตตัสหายไปทันที
“เยี่ยมไปเลยแฮะแบบนี้ค่อยรู้สึกดีหน่อย อย่างน้อยก็ไม่เสี่ยงโดนจับได้”
“เปิดแผนที่” เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยเบาแต่ช่องสเตตัสของแผนที่ขึ้นสัญลักษณ์ตกใจสีแดงและมีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาว่า คุณยังไม่ได้ซื้อแผนที่ เสี่ยวหลันจื่ออยากจะเป็นลม ขนาดวิญญาณของเธอยังมาสิงร่างของคนอื่นแล้วจะไปเอาเงินมาจากที่ไหน เมื่อนึกขึ้นได้จึงลองใช้ระบบช่วยเหลืออื่นดู
“สแกนพื้นที่โดยรอบระยะห้าร้อยเมตร”
หลังจากสั่งงาน ระบบแสกนก็ถูกเปิดขึ้นทำให้เธอมองเห็นรอบๆ รวมถึงมีชีวิตน้อยใหญ่ที่อยู่ในระยะห้าร้อยเมตร
“เฉียบไปเลย เจ้าระบบสแกนนี่มันสุดยอดไปเลยนี่นา”
ถึงแม้ว่าแผนที่จะใช้ไม่ได้แต่ระบบแสกนยังใช้ได้ดี เสี่ยวหลันจื่อรู้สึกอุ่นใจที่อย่างน้อยมาอยู่ในที่ไม่รู้จักยังมีอุปกรณ์ช่วยปกป้องชีวิตตัวเอง