ทำให้พระนางตกหลุมรัก ๒
พวกนางต่างนั่งสมาธิสวดมนต์จนกระทั่งเวลาพลบค่ำ พวกนางสาวใช้จึงพากันจัดเตรียมที่นอนอุ่น ๆ ให้คุณหนูเตรียมหลับนอน โดยเสิ่นฟางหรูอาสาจะนอนกับคุณหนูเองในวันนี้
แต่ทว่าในคืนนี้ยังคงปกติดีไม่มีวี่แววพระเอกจะปรากฏตัวแต่อย่างใด เหมือนว่าจะยังไม่ใช่วันนี้สินะ
คืนที่สองผ่านไป คืนที่สามผ่านไปยังไม่พบพระเอกเลย เสิ่นฟางหรูรู้สึกห่อเหี่ยวใจยิ่งนัก เหลืออีกสองวันสุดท้ายแล้วถ้าพระเอกยังไม่ปรากฏตัวล่ะ นางจะทำอย่างไร?
จิ่นซินเห็นท่าทางห่อเหี่ยวของนางในวันนี้แล้ว จึงคิดว่าเพราะวันนี้นางเมื่อยล้าจากการต้องนั่งสมาธิเป็นเวลานานอย่างนางเป็นแน่จึงมีท่าทางเช่นนี้
“จูเหยา แม้ว่าเจ้าจะไม่อยากปฏิบัติธรรม ตอนนี้เจ้าอดทนเอาหน่อยประเดี๋ยวพวกเราก็ได้กลับจวนแล้วล่ะ”
“ฮะ เอ่อ...ข้าเพียงแค่รู้สึกขาชาอยู่บ้าง”
“เจ้าหายดีแล้วหรือไม่? อย่างไรพรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องไปนั่งสมาธิกับพวกข้าก็ได้”
จิ่นซินกล่าวด้วยความกังวล แม้ว่าจูเหยาจะเป็นสาวใช้มาก่อนพวกนางแต่พอยิ่งโตขึ้น นางยิ่งงดงามและบอบบางเหมือนกับว่านางไม่ใช่ลูกชาวบ้านธรรมดาอย่างนางและอี้หลันที่ถูกขายมาเป็นบ่าวรับใช้
แต่ถ้าหากจูเหยายังมีพ่อแม่จริง ๆ พวกเขาก็น่าจะตามหานางตั้งนานแล้ว
เสิ่นฟางหรูคิดออกในทันทีจากการพูดของจิ่นซิน แน่นอนว่านางควรจะออกตามหาพระเอกด้วยตัวเอง และพาเขามาเจอกับนางเอกและอ้างว่านางเอกเป็นคนช่วยเขาไว้
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะลองขอคุณหนูดูนะ ขอบคุณเจ้ามากจิ่นซิน”
จากนั้นพวกนางก็พากันนอน ส่วนคืนนี้อี้หลันนอนกับคุณหนูอยู่ห้องข้าง ๆ ทว่าพอผ่านไปกลางดึกกลับมีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น แต่เสิ่นฟางหรูในครานี้กลับนอนหลับเอาเป็นเอาตาย
มีเพียงจิ่นซินที่ลุกขึ้นทันทีหลังจากได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากข้างนอก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
จิ่นซินเปิดประตูออกไปข้างนอกพบกับชายสวมเครื่องแบบมือปราบเดินกันให้ขวัก
“พวกเรามาตามหาโจรป่า ถ้าหากพบเบาะแสรีบแจ้งพวกข้าทันที”
“โจรป่างั้นรึ คุณหนู!” จิ่นซินปิดประตูก่อนจะรีบเดินไปหาคุณหนูซึ่งกำลังให้ความร่วมมือกับมือปราบค้นห้องอยู่
แม้การกระทำของพวกเขาจะดูเสียมารยาท ถ้าหากมีโจรป่าซ่อนตัวอยู่จริง พวกนางต้องแย่แน่ ๆ
“ขอประทานอภัยคุณหนูท่านนี้ จริง ๆ ขอรับพวกข้าขอตัวก่อน” เหล่ามือปราบหันกายไปตรวจค้นห้องอื่น ก่อนจะมองไปยังอีกห้องซึ่งอยู่ติดกัน
“เอ ห้องนี้ข้ายังไม่ค้นนี่นา” เขารีบเดินอาด ๆ ไปยังห้องเสิ่นฟางหรูซึ่งกำลังหลับอุตุอยู่
“ท่านมือปราบห้องนี้มีเพียงสหายข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ อีกอย่างนางนอนหลับอยู่ไม่รู้เรื่อง” จิ่นซินรีบกล่าวท้วง
“เหอะ จะรู้ได้อย่างไรว่าในห้องนี้มีเพียงสหายของเจ้าอยู่” ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว
ชายที่อ้างตนว่าเป็นมือปราบที่แท้แล้วเป็นคนของเสนาบดีจางส่งมาสังหารเซียวเหวินหยาง ซึ่งเขากำลังเดินทางเข้ามาเมืองหลวง และหาหลักฐานการยักยอกเสบียงกองทัพอยู่ทำให้พวกเขาต้องรีบกำจัดเซียวเหวินหยางก่อนเขาจะกลับมาถึงเมืองหลวง
ที่จิ่นซินกล่าวออกไปเช่นนั้น เพราะกลัวว่าจะเห็นภาพไม่ดีไม่งามของสหาย เพราะเสิ่นฟางหรูนั้นนางดิ้นไม่น้อยเลย
ทันทีที่ชายคนนั้นเปิดประตูเข้าไป แต่พอส่องแสงเข้าไปในห้อง ทันทีที่เขาได้พบเห็นใบหน้าของเสิ่นฟางหรูเท่านั้นแหละเขาต้องร้องขึ้นมาในทันที เพราะใบหน้าสีเหลืองของนางนั่นเอง
“อ๊าก ผะ ผีหลอกก!”
ขณะนี้เสิ่นฟางหรูไม่ตื่นก็ต้องตื่นเพราะแสงคบไฟ อันเจิดจ้าแยงตานางอย่างจัง
“อะไรกันเนี่ย! คนจะนอนมาโวยวายทำบ้าอะไร!”
เสียงโอดครวญของเสิ่นฟางหรูทำให้เขาต้องเหลียวมามองใหม่อีกครั้งพบว่านางเป็นคน เขาถึงได้กลับมาสงบใจและคลายความหวาดกลัว
“ที่แท้ก็คนนี่เอง ทำไมนางถึงหน้าเหลืองได้น่ากลัวยิ่งนัก”
“มาเสียมารยาทกับข้าถึงที่นี่ ยังจะมาล้อเลียนหน้าข้าอีก!” เสิ่นฟางหรูรีบลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะถูกยื้อไว้ด้วยมือของใครบางคน ซึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มกับนาง
‘เฮ้ย นี่คงไม่ใช่คุณพระเอกหรอกใช่ไหม!’
นางจึงกลับไปนอนลงอีกครั้ง พลางตวาดไล่เขาออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
“ไสหัวไปจากห้องข้าได้แล้ว คนจะหลับจะนอน!”
ชายคนนั้นหลังจากเสียขวัญจากใบหน้าเหลือง ๆ ของนางจึงไม่คิดจะอยู่ต่ออีกพลางถลึงตาใส่นางอีกคราก่อนจะจากไป
ส่วนนางรีบเดินไปปิดประตู พลางมองไปยังบุคคลที่ซ่อนอยู่ข้างเตียงของนาง ในความมืดสลัวพบว่าน่าจะเป็นชายคนหนึ่งถ้าตามบทในนิยายเขาน่าจะเป็นพระเอกที่หลบคนร้ายมาที่ห้องของนาง แต่เขาควรจะไปที่ห้องนางเอกไม่ใช่หรอกหรือ?
แต่สิ่งที่เสิ่นฟางหรูไม่รู้ก็คือเขาได้ไปเยือนห้องนางเอกมาแล้ว แต่พบกับมือปราบปลอมกำลังจะค้นห้องของนาง เขาจึงรีบเข้ามาอีกห้องซึ่งนางกำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ทำให้เขาต้องมาหลบอยู่ที่นี่ แม้ว่าห้องนี้จะถูกค้นแต่เพราะใบหน้าของนางทำให้มือปราบปลอมคนนั้นต้องล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
นางรีบจุดไฟเพื่อให้มองเห็นคนเบื้องหน้าได้ชัดเจน นางแอบกลัวอยู่นิดหน่อยแม้ว่าจะมั่นใจว่าเป็นพระเอกของเรื่องก็ตาม “ท่านเป็นใคร?”
“ข้าไม่ใช่คนร้าย ตอนนี้ข้าถูกพิษบาดเจ็บสาหัส หวังว่าแม่นางจะให้ความช่วยเหลือ”
เซียวเหวินหยางกล่าวบอกแก่หญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แต่เมื่อนางโผล่หน้ามาใกล้ทำให้เขาต้องผงะไปด้วยความตกใจในใบหน้าสีเหลืองอ๋อยของนาง ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าทำไมชายคนนั้นถึงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกจนเขาแอบกลัวว่าตนจะถูกจับได้
แต่เคราะห์ดีที่นางมีใบหน้าเช่นนี้ทำให้ชายคนนั้นไม่ได้ค้นอย่างละเอียด