บทที่ 3 เริ่มเปลี่ยนแปลง
บทที่ 3 เริ่มเปลี่ยนแปลง
ซูเม่ยเดินออกมาจากห้องอย่างพอใจเธอเดินสำรวจแต่ละห้องอย่างใจเย็น ห้องด้านบนมีสี่ห้องด้วยกัน ถัดจากห้องของชิงเถาก็เป็นห้องว่างที่กว้างใหญ่เหมือนกันแต่เธอไม่เอาหรอกไม่อยากอยู่ใกล้ให้ปวดหัว อีกสองห้องฝั่งซ้ายเธอเดินดูด้านในหนึ่งห้องเป็นห้องของนายพลจิ่นเฉาจื่อผู้เป็นสามีของเธอ
‘เฮอะ!หากเป็นสามีภรรยาคู่อื่นคงได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่ทำไมซูเม่ยถึงได้อยู่ห้องข้างล่างนั้นนะ หรือว่าไม่ใช่แค่แม่สามีที่ไม่ชอบสามีของเธอก็ไม่ชอบเธอเหมือนกันเหรอะเนี่ย!! ช่างน่าปวดหัวเสียจริง แต่เอาล่ะอย่างไรเขาก็ไม่กลับมาง่าย ๆ คงยังไม่ต้องคิดหาทางรับมือ ตอนนี้ต้องรับมือกับแม่สามีให้ได้เสียก่อน’ ซูเม่ยเดินลงมาชั้นสองเดินสำรวจดูทุกห้องชั้นสองน่าจะเป็นห้องรับรองแขกเวลาที่มาเยี่ยมเยือน เธอเลยคิดว่าจะอยู่ที่ชั้นสองให้ไกลจากแม่สามีจะได้หลีกเลี่ยงการปะทะหน้ากัน เธอเห็นสาวใช้เดินผ่านมาพอดีจึงจะโกนเรียกให้สาวใช้ปัดกวาดเช็ดถูห้องนี้ให้เธอ
“นี่!! เธอเดินมาที่นี่พอดี ฉันมีเรื่องจะให้ทำให้หน่อย”
“เอ่อ...มีเรื่องอะไรให้ทำเหรอคะคุณนายเล็ก” สาวใช้ในบ้านเคยได้รับคำสั่งจากคุณนายใหญ่ไม่ให้ช่วยเหลืองานคุณนายเล็กไม่ว่าอะไรในบ้านนี้ให้เธอทำเองทุกอย่าง เห็นทุกอย่างรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านแต่ไม่สามารถพูดและช่วยได้ พวกสาวใช้เห็นใจคุณนายเล็กยิ่งนัก
“ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่ห้องนี้ช่วยเก็บกวาดให้ด้วย หลังจากเก็บกวาดเสร็จแล้วก็ไปยกเสื้อผ้าของฉันมาไว้ที่ห้องด้วยแล้วกัน จริงสิแล้วห้องของอ้ายเยว่อยู่ที่ไหน” สาวใช้มีสีหน้าลำบากใจเมื่อได้ยินคำสั่งของซูเม่ยสายตาล่อกแล่กสองมือกุมกันแน่นพอทำให้ซูเม่ยได้รู้ว่าสาวใช้คนนี้คงไม่กล้าขัดคำสั่งของชิงเถา
“เธอไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคุณนายใหญ่จัดการหรอกนะ ฉันจะจัดการเองถ้าคุณแม่มาว่าเธอ”
“ได้ค่ะ คุณนายเล็กส่วนห้องของคุณชายน้อยอยู่ด้านบนใกล้กับห้องของท่านนายพลค่ะ” ซูเม่ยคิดตามคงเป็นอีกห้องที่อยู่ใกล้ห้องสามีของเธอที่เธอไม่ได้เปิดไปดูสินะ
“รีบจัดการให้ฉันเถอะ อีกไม่นานจะมืดค่ำแล้วฉันจะลงไปเก็บของไว้รอ อ้อจริงสิเย็นนี้ฉันอยากกินเป็ดย่าง ช่วยบอกพ่อครัวด้วยแล้วก็อื้มช่วยนำกระดูกไปต้มซุปด้วยนะจะได้ซดน้ำ” ซูเม่ยคิดเมนูอาหารที่เธอคิดว่าในยุคนี้คงมีแต่คนรวย ๆ ที่จะได้กินครอบครัวนี้ก็รวยมากแค่กินเป็ดแค่นี้ขนหน้าแข้งคงไม่ล่วง
“ได้ค่ะคุณนายเล็ก” ซูเม่ยเดินลงมาชั้นล่างเข้าห้องเก็บของใช้ของตัวเองเสื้อผ้าก็ดูเก่า สีค่อนข้างซีดทั้ง ๆ ที่เป็นภรรยาของนายพลทำไมถึงได้ไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้ หรือว่าเพราะแม่สามีไม่ให้เงินเธอใช้กัน!! ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นซูเม่ยหันไปมองที่ประตูเห็นอ้ายเยว่เดินเข้ามาเธอยิ้มกว้างให้เด็กชายทันที
"คุณแม่คุณแม่ไม่ได้โดนคุณย่ารังแกใช่ไหมครับ" เด็กชายเดินเข้ามาใกล้พรางเอยถามด้วยความเป็นห่วง
ซูเม่ยวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ดึงกายของอ้ายเยว่เข้ามาโอบกอดแน่น
“แม่บอกแล้วอย่างไรว่าต่อจากนี้แม่จะไม่ยอมให้คุณย่ามาทำร้ายได้อีก จริงสิวันนี้แม่สั่งให้สาวรับใช้ทำอาหารเย็นรอแม่เก็บของเสร็จแล้วจะอาบน้ำให้ดีมั้ย”
“แล้วทำไมต้องเก็บของด้วย ไหนคุณแม่บอกว่าคุณย่าไม่ได้ทำอะไรหรือว่าคุณย่าขับไล่แม่ออกจากที่นี่ไม่เอาอ้ายเยว่ไม่ยอม คุณย่าทำเกินไปแล้ว"
“ไม่ใช่อย่างนั้น ที่แม่เก็บของเพราะจะย้ายขึ้นไปนอนบนชั้นสองต่างหาก” ซูเม่ยเห็นสีหน้าไม่ดีของเด็กชายที่คล้ายจะร้องไห้รีบอธิบายให้เขาฟังทันที
“จริงหรือครับ แม่นะหรือครับที่สามารถขอไปนอนชั้นบนได้ ไม่คิดเลยว่าแม่จะกล้าต่อเถียงกับคุณย่าจนชนะ” ดวงตาของอ้ายเยว่เต็มไปด้วยความตื้นตันที่เห็นแม่ของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
“แม่บอกแล้วไงว่าต่อจากนี้จะไม่ยอมให้ใครมารังแกได้” อ้ายเยว่โผล่เข้ากอดเธอแน่นด้วยความดีใจ เด็กชายเห็นแม่ตัวเองตั้งแต่จำความได้มักจะถูกคุณย่ารังแกมาโดยตลอดและแม่ไม่เคยจะตอบโต้ได้สักคราทำได้เพียงก้มหน้ารับฟังคำสั่งของย่า แม่เปลี่ยนไปแบบนี้เขาเองก็ชอบใจตอนนี้เขายังคงหวังเพียงอย่างเดียวทำอย่างไรคุณพ่อถึงจะกลับมาที่บ้านบ้าง เขาอยากให้ครอบครัวของตัวเองอยู่อย่างมีความสุขพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างที่เด็กคนหนึ่งต้องการ
ไม่นานดวงอาทิตย์เริ่มลับลาขอบฟ้าผู้คนเริ่มเดินทางกลับจากที่ทำงานกลับบ้านของตัวเองเพื่อพักผ่อน เสียงผู้คนเดินขวักไขว่กันมากมาย ซูเม่ยเธอเก็บของเสร็จพาอ้ายเยว่มาเดินเล่นหน้าบ้านที่เป็นสวนหย่อมตกแต่งด้วยต้นไม้มงคลมากมาย เธอเข้ามาในทศวรรษ 1987 เป็นยุคที่มีความเจริญมากกว่าสมัยก่อนมากมาย มีโรงงานนายทุนจากต่างประเทศมาเปิดทำให้ชาวบ้านที่กำลังเติบโตเป็นวัยรุ่นเข้าสู่วัยทำงานมีงานทำ เงินเดือนที่นี้ตอนนี้หากเป็นโรงงานจะได้ 50 หยวนต่อเดือนนับว่ามากพอที่จะดำรงชีวิต การจราจรส่วนใหญ่จะเดินกันหากบ้านไหนพอมีฐานะก็มีรถจักรยานที่ใช้ในการเดินทาง และครอบครัวที่ร่ำรวยก็มีรถยนต์เป็นของตัวเองแต่น้อยนักที่จะมี การเดินทางส่วนใหญ่หากไปที่ไกล ๆ ยังคงใช้รถไฟในการเดินทางอยู่ ดวงอาทิตย์สีส้มประกายทองเริ่มค่อย ๆ เลือนลางกลับกลายเป็นความมืดปกคลุม เสียงของสาวใช้ได้เดินมาเรียกทั้งสองให้ไปกินข้าวที่ห้องอาหาร
“คุณนายเล็กตอนนี้อาหารที่คุณนายเล็กให้ทำเสร็จแล้วค่ะ ส่วนของฉันได้เก็บไปไว้บนห้องให้เรียบร้อยแล้ว” สาวใช้คนเดิมที่ซูเม่ยเรียกใช้ได้เดินมาบอก
“ดี ๆ ฉันกำลังหิวเลย อ้ายเยว่ไปกินข้าวเย็นกันเถอะวันนี้ก่อนนอนแม่จะอ่านหนังสือให้ฟังเอามั้ย” ซูเม่ยคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าพร้อมยื่นมือไปให้อ้ายเยว่จับเพื่อเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน
“จริงหรือครับ ผมดีใจจังเลยที่คูณแม่มีเวลาให้ แต่ว่าจะไม่เป็นอะไรหรือครับเพราะปกติคุณแม่มักจะถูกคุณย่าใช้เก็บถ้วยเก็บชามไปล้าง” จู่ ๆ อ้ายเยว่ใบหน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้แม่ของเขากลับมาแข็งแรงคุณย่าจะต้องใช้งานคุณแม่อีกแน่ ๆ ซู่เม่ยใช้มือขยี้หัวของอ้ายเยว่อย่างเอ็นดู
“ต่อจากนี้แม่จะอ่านนิทานให้อ้ายเยว่ฟังทุกคืนก่อนนอน และงานบ้านทุกอย่างแม่จะไม่ทำอีก ในเมื่อเรามีคนใช้ทำไมไม่ให้เขาทำไปล่ะ อย่างนั้นจะจ้างมาทำไมใช่มั้ย ไปกันเถอะท้องแม่ร้องหิวข้าวแล้วล่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กชายยิ้มกว้างพร้อมพูดออกมาเสียงดัง
“เย้ ๆ อ้ายเยว่ดีใจที่สุดเลยวันนี้อ้ายเยว่คงนอนหลับฝันดีกว่าวันไหน ๆ ” ทั้งสองพากันเดินเข้าบ้านสาวใช้ได้เดินตามหลังมาจ้องมองทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่น หากคุณนายเล็กถูกปฏิบัติเป็นอย่างดีมาโดยตลอดบ้านหลังนี้คงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม