บทที่ 2 ฉันไม่ทน
บทที่ 2 ฉันไม่ทน
เมื่อหมิงลู่ได้ยินเรื่องราวของเจ้าของร่างเดิม ยิ่งรู้สึกสงสารทั้งเธอและลูกชายทำไมชีวิตของทั้งสองถึงได้รันทดอย่างนี้ แต่งงานเข้ามาในบ้านของนายทหารแต่ทว่าทั้งสองไม่ได้แต่งกันด้วยความรัก อีกทั้งแม่สามียังคอยรังแกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา และที่เธอนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ได้สติมาหลายวันเพราะแม่สามีใช้งานเธอทั้งที่ฝนตกลงมากระหน่ำแต่ไม่ยอมให้เธอเข้าร่ม ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนอ่อนแอจนทนไม่ไหว เป็นลมท่ามกลางสายฝน เมื่ออ้ายเยว่ไม่เห็นแม่ของตัวเองทั้งที่ฝนตกกระโชกแรงจึงออกตามหาเห็นแม่ของตัวเองหมดสติกลางสายฝน เขาตกใจรีบเรียกให้คนมาช่วยเหลือ เวลาล่วงเลยจนมาถึงวันนี้วันที่ 3 อ้ายเยว่ดีใจมากที่เธอฟื้นขึ้นมา หมิงลู่ได้ฟังถึงกับรับไม่ได้ส่วนนายหทารผู้เป็นสามีหลังจากคืนแต่งงานเขาไม่เคยสนใจตัวเธอด้วยซ้ำ มีเพียงแม่ของเขาที่โทรเลขไปเล่าเรื่องของเธอให้สามีฟังแถมยังใส่ไฟให้สามีเกลียดเธอมากกว่าเดิม
“ฮึ ฮึ อะไรกันทำไมถึงได้หูเบาเชื่อฟังแต่แม่ตัวเองไม่สนใจลูกเมีย เอาล่ะในเมื่อสวรรค์ส่งฉันมาอยู่ในร่างนี้ฉันจะทำทุกวิถีทางไม่ให้แม่สามีมารังแกได้อีก เป็นถึงภรรยาของท่านนายพลแต่กลับใช้งานยิ่งกว่าสาวรับใช้ในบ้านอีกด้วยซ้ำ ไม่ยุติธรรมกับซูเม่ยสักนิดว่าแต่ทำไมเขาถึงไม่หย่ากันล่ะในเมื่อไม่ได้มีความรักให้กัน เอ๊ะ! เดี๋ยวสิแล้วมีเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยนี่ได้ยังไงกันนะ” หมิงลู่คิดในใจพลางจ้องมองใบหน้าของเด็กชายที่ยิ้มระเรื่อให้เธออยู่
“เอาล่ะ อ้ายเยว่ตอนนี้แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ร่างกายของแม่เป็นปกติดีต่อจากนี้แม่จะไม่ยอมอยู่เหมือนเดิมอีกต่อไปในเมื่อลูกบอกว่าแม่เป็นภรรยาของนายพลพ่อของลูกทำไมห้องนี้ถึงได้ทรุดโทรมแถมยังไม่มีของใช้อีกต่างหากไม่สมฐานะเลย ไม่ได้ฉันจะต้องเริ่มจากตรงนี้ ไปกันเถอะไปหาคุณย่าของลูกกัน” หมิงลู่ลุกขึ้นจากเตียงยื่นมือไปจับมือเล็ก ๆ ของเด็กชายก่อนจะให้เขาพาตนเองไปหาแม่สามี วันนี้หมิงลู่จะทำให้เห็นว่าซูเม่ยคนใหม่จะไม่ยอมทนอีกต่อไป รอรับมือจากเธอได้เลยหากรับไม่ได้ก็หย่าให้เธอไปซ่ะ
ทันทีที่อ้ายเยว่พาเธอเดินออกมาจากห้องสายตาของเธอกวาดมองไปทั่ว ในห้องที่เธออยู่เป็นด้านล่างของตัวบ้าน บ้านหลังนี้ใหญ่โตสมฐานะของนายพลผู้ยิ่งใหญ่ อ้ายเยว่พาเดินขึ้นบันไดจนถึงชั้นที่ 3 ก่อนจะพาเดินไปฝั่งขวามือเธอเห็นห้องที่เหมือนจะใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้หากไม่บอกเธอก็เดาถูกแน่ ๆ ว่าห้องนี้คงเป็นห้องของแม่สามี
“นั่นใช่มั้ยห้องของคุณย่า” เด็กชายพยักหน้าตอบกลับคนเป็นแม่
“ครับ… เวลานี้เป็นเวลานอนกลางวันของคุณย่าคงกำลังให้สาวใช้นวดหลังให้อยู่ครับ”
“อื้ม ...อย่างนั้นอ้ายเยว่ไปทำอะไรที่ลูกอยากทำเถอะนะ ไม่งั้นก็ไปรอแม่อยู่ด้านล่างเมื่อแม่เข้าหาคุณย่าเสร็จแล้วจะลงไปหาลูกเข้าใจมั้ย”
“เอ่อ....อ้ายเยว่ขอเข้าไปด้วยไม่ได้เหรอครับ ผมกลัวคุณย่าจะทำร้ายคุณแม่”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเพราะตอนนี้แม่เปลี่ยนไปแล้วซูเม่ยนางมารร้ายได้ถือกำเนิด ไปเถอะไปรอแม่อยู่ด้านล่าง” อ้ายเยว่แม้จะเป็นห่วงแม่แค่ไหนแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้และยอมลงไปด้านล่างตามคำสั่ง
เมื่อหมิงลู่เห็นอ้ายเยว่เดินลงไปข้างล่างเธอค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปก้าวเท้าเข้าไปอย่างเบา ๆ ใช้สายตากวาดมองในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามตามประสาของผู้หญิงที่มีอายุ ของใช้ครบครันต่างจากห้องของซูเม่ยที่เป็นลูกสะใภ้อย่างมากมาย ยิ่งเห็นหมิงลู่ยิ่งไม่พอใจในการกระทำของแม่สามีคนนี้ยิ่งนัก เธอจะแก้เผ็ดให้หายโมโหเลย
เธอเดินเข้ามาเห็นสาวใช้กำลังนวดหลังให้แม่สามีอยู่อย่างที่อ้ายเยว่บอกไว้ไม่มีผิด หมิงลู่หันไปสบตากับสาวใช้ก่อนจะใช้มือปัดให้เธอลุกขึ้นเดินออกไป เธอจะเป็นคนนวดหลังให้แม่สามีเอง สาวใช้คิดว่าคุณนายเรียกให้ลูกสะใภ้ขึ้นมานวดเธอจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเบาเสียงเพราะตอนนี้ ชิงเถาหรือว่าคุณนายแม่ของนายพลกำลังเคลิ้มหลับ เธอเดินขึ้นไปนั่งที่เตียงก่อนจะกดมือทั้งสองข้างบีบนวดที่บ่าด้วยแรงทั้งหมดที่มีทำเอาคนที่โดนนวดถึงกับสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด
"โอ๊ย!! นี่แกตั้งใจหรือยังไง ทำไมถึงได้บีบจนฉันเจ็บอย่างนี้ต้องโดนหักเงินเดือน " เสียงแผดร้องของชิงเถาดังไปทั่งห้อง ซูเม่ยถูกใจจริง ๆ ที่ได้แก้เผ็ดแม่สามีอย่างเธอ
"เจ็บเป็นด้วยหรือคะคุณแม่สามี" ทันทีที่ได้ยินเสียงของซูเม่ยชิงเถารีบหันขวับมองทันที
"นี่แก มาอยู่ที่นี่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โอ๊ย!!" ชิงเถาตกใจที่เป็นลูกสะใภ้ของตัวเองมานวดให้เธอ เธอรีบลุกขึ้นแต่ทว่าจู่ ๆ หลังของเธอเจ็บจี้ดขึ้นมา
“ไม่ต้องลุกก็ได้ค่ะ ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยด้วยเห็นแม่สามีกำลังเพลิดเพลินกับการนวดหลัง ฉันลูกสะใภ้ที่ดีจึงอยากนวดให้ไม่คิดว่าจะทำให้เแม่สามีตื่นขึ้นมา สงสัยมือฉันจะหนักไปหน่อย”
“แกมีเรื่องอะไรอีก ไหนอ้ายเยว่บอกว่าแกหมดสติไม่สบายหลายวันหรือว่าที่ผ่านมาแกแสร้งทำเป็นไม่สบายเพราะขี้เกียจอย่างนั้นหรือ ร้ายกาจจริง ๆ เรื่องนี้ฉันจะต้องบอกกับจิ่นเฉาจื่อให้ได้รู้ถึงนิสัยที่แท้จริงของเธอ”
“เฮอะ! หากคุณแม่สามีว่าฉันแกล้ง ลองไปนั่งตากฝนดูมั้ยคะจะได้รู้ว่าฉันแกล้งทำหรือเปล่า? ที่ฉันมาหาคุณแม่ที่ห้องเพราะมีเรื่องที่ฉันไม่สามารถทนได้อีกต้องเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมของฉัน” ชิงเถาจ้องมองซูเม่ยอย่างสงสัยตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยกล้าที่จะเดินขึ้นมาชั้นบนด้วยซ้ำ วันนี้เกิดอะไรขึ้นทำให้เธอกล้าเสนอหน้ามาที่นี่กัน
“เรื่องอะไรที่เธอจะมาเรียกร้องว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยจะเรียกร้องอะไรด้วยซ้ำ”
“เมื่อก่อนอาจจะใช่แต่ต่อจากนี้ฉันจะไม่ยอมอีกต่อไป ฉันเป็นลูกสะใภ้เป็นภรรยาของท่านนายพลคุณแม่ให้ฉันไปอยู่ห้องด้านล่างที่เก่าทรุดโทรมยิ่งกว่าห้องของสาวใช้อย่างนี้เหมาะสมแล้วหรือคะ อีกอย่างของใช้ที่ฉันควรจะมีก็ไม่มี ต่อจากนี้ฉันจะย้ายขึ้นมาอยู่ชั้นบน และฉันจะซื้อของใช้ทุกอย่างที่ฉันไม่มีไว้ในห้องให้หมดและอีกเรื่องคือต่อจากนี้ฉันจะไม่มีทางทำงานบ้านอีกต่อไป ดูสิเล็บมือของคุณนายภรรยานายพลทั้งดำทั้งฉีกขาดจากการทำงานบ้าน ไหนมือที่หยาบกร้านนี่อีก เฮ้อ! ไม่ได้การล่ะฉันจะต้องออกไปเสริมสวยสักหน่อยแล้ว ที่ฉันมาบอกไม่ใช่มาขอนะคะ แค่มาแจ้งให้ทราบเท่านั้น อ้อ ..จริงสิส่วนเรื่องที่คุณแม่สามีจะโทรหาสามีฉันฝากบอกเขาด้วยนะคะว่าฉันคิดถึงเขามาก ๆ มีเรื่องมากมายที่จะต้องคุยกับเขาเยอะมาก ๆ ว่าง ๆ ช่วยกลับมาที่บ้านเสียบ้าง อีกเรื่องนะคะหากคุณแม่ไม่ยอมให้ฉันทำตามใจฉันเองก็ไม่ยอมเช่นกัน เรื่องนี้อาจจะเผยแพร่ออกไปด้านนอกคนอื่นได้ยินเข้าจะคิดอย่างไรที่แม่สามีกับท่านนายพลปฏิบัติกับสะใภ้อย่างไร ไปก่อนนะคะจะได้เดินเลือกดูห้องที่จะย้ายเข้ามานอนในคืนนี้" ซูเม่ยโบกมือลาพร้อมแสยะยิ้มบนใบหน้าเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ทั้งโมโหทั้งเจ็บใจแต่ไม่สามารถโต้ตอบได้เลย