ตอนที่ 3 บุรุษแปลกหน้า
อาหยงเมื่อรู้ว่ามิใช่สัตว์ร้ายก็กล้าที่จะวิ่งเข้าไปหาคุณหนูตามคำสั่ง พวกนางพบว่าเป็นเพียงบุรุษหนุ่มคนหนึ่งที่ราวกับวิ่งหนีจากการถูกตามล่ามา
ร่างกายบาดเจ็บสะบักสะบอมจนแทบจะจำหน้าเดิมไม่ได้ ผมเผ้ารุงรังแต่หากดูจากการแต่งตัวและเครื่องประดับ มองดูก็พอจะรู้ว่าฐานะเขาคงไม่ธรรมดา
“เหตุใดคนผู้นี้….ว๊าย!! คุณหนูเขาจะทำร้ายท่าน”
ร่างหนาล้มลงที่อกไป๋ซูเม่ยทันทีเมื่อนางดึงปลายลูกธนูออกมาจากอกของเขา
“เขาไม่มีแรงทำร้ายผู้ใดหรอก ดูท่าคงจะพยายามดึงลูกธนูนี้ออกด้วยตัวเองแต่คงหมดแรงเสียก่อน เจ้ามานี่มาช่วยข้าพาเขากลับไปที่กระท่อม”
“คุณหนู…แต่ว่า…”
“เร็วเข้าช่วยคนสำคัญกว่า”
“เจ้าค่ะ”
พวกนางพาเขากลับไปอย่างลำบากด้วยเพราะบุรุษผู้นี้ทั้งตัวใหญ่และชุดที่สวมก็ดูมีราคาที่แพง เมื่อมาถึงกระท่อมแล้วไป๋ซูเม่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาชุดเปลี่ยนให้เขา
นางจึงให้อาหยงลงเขาไปซื้อชุดบุรุษมาเปลี่ยนให้ ระหว่างนี้นางก็พยายามทำแผลให้เขา เช็ดตัวและห่มผ้าเอาไว้
“ผ่านมาสองวันแล้วยังไม่ฟื้น คุณหนูเราคงจะไม่เสียเงินซื้อของไปเปล่า ๆ หรอกกระมังเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ลมหายใจเขานิ่งและคงที่ เป็นคนมีวิชายุทธ์สูง คงแค่พลาดท่าเท่านั้น ไม่ตายหรอก”
“แคก..แคก”
“คุณหนู!! เขาน่าจะ…”
“เจ้าอย่าเข้าไป อยู่ตรงนี้ก่อนหากว่าข้าไม่เรียกก็อย่าพึ่งเข้าไปเป็นอันขาด”
“แต่ข้าไม่อยากให้ท่านไปคนเดียว”
“ไม่ต้องห่วง ข้าเอาตัวรอดได้แต่หากมีเจ้าอีกคนข้าจะไม่สะดวก”
“เจ้าค่ะ”
อาหยงยอมทำตามคำสั่งเพราะนางเองก็รู้สึกเช่นกันว่าคุณหนูแปลกไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ครั้งนี้เป็นเวลาที่นานที่สุดที่นางออกมาจากจวนสกุลไป๋
“ท่านฟื้นแล้วหรือ”
“นะ…นะ….”
“ข้าจะรินน้ำให้”
ซูเม่ยรินน้ำและเดินไป เขาค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมารับน้ำจากนาง ใบหน้าของเขาเมื่อฟื้นแล้วกลับดูคลับคล้ายคลับคลาอย่างน่าประหลาด ทั้งใบหน้าและรูปร่างที่กำยำของบุรุษหนุ่มตรงหน้าทำให้ซูเม่ยคิดบางอย่างในใจ
“แม่นาง….เจ้า…ช่วยข้าไว้งั้นหรือ”
“ใช่ ท่านดื่มน้ำก่อนข้าจะให้อาหยงต้มยามาให้ ท่านต้องดื่มเสียหน่อยจะได้ช่วยบำรุงอวัยวะภายในไม่ให้บอบช้ำ ต้องโทษตัวท่านเองที่หลับไปถึงสองวันก็เลยไม่ได้ดื่มยา”
“สอง…สองวันงั้นหรือ ที่นี่คือ….”
“ดื่มน้ำให้หมดก่อนข้าจะไปเอายามาให้ กินอะไรเสียหน่อยแล้วค่อยคุยกันเถอะ”
นางเดินออกไปเอายาที่ต้มเอาไว้ให้เขา ที่จริงยานี้เคี่ยวมาเรื่อย ๆ ได้สองวันแล้วรอเพียงเขาฟื้นเท่านั้น เมื่อนางเดินเข้ามาในห้องก็พบว่าเขาไม่อยู่ที่เตียงแล้ว เมื่อเดินและเอายาไปวางที่โต๊ะ ดาบเงินปลายแหลมก็พาดมาที่คอของนางในทันที
“เจ้า…เป็นผู้ใดกันแน่”
นางยังคงนิ่งและไม่หวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อยจนเขานึกระแวงมากยิ่งขึ้น จะมีสตรีใจกล้าสักกี่คนที่อยู่ในป่าลึกได้เช่นนี้ หากว่านี่เป็นแผนการเขาจะต้องฆ่านางทิ้งก่อน
“ท่านวางดาบลงเถอะ กินยาให้ดีขึ้นก่อนคิดจะฆ่าข้าก็ยังไม่สายหรอก สภาพท่านในเวลานี้….สู้ข้าไม่ได้หรอกเพราะฉะนั้นอย่าให้ข้าเสียดายเงินที่นำไปซื้อชุดใหม่มาเพื่อช่วยท่าน ดื่มยา!!”
ดาบในมือค่อย ๆ ลดระดับลงไปเมื่อถูกนางข่มขู่
“รีบดื่มเถอะหากว่าพวกที่ตามฆ่าท่านมาพบเข้าตอนนี้ ข้าคงไม่มีกำลังมากพอที่จะช่วยชีวิตท่านอีกครั้ง อย่างน้อยหากท่านดีขึ้นกระท่อมของข้าคงจะไม่พังมากไปกว่าเดิม”
เขารีบยกยาขึ้นดื่ม ไม่นานเมื่อเขาดื่มเสร็จอาหยงก็เดินเข้ามาพร้อมกับข้าวต้มและอาหารง่าย ๆ ที่ซูเม่ยสั่งให้ทำและนางก็มีข่าวอื่นมาบอก บุรุษหนุ่มกำดาบในมืออีกครั้งเมื่ออาหยงเดินเข้ามา
“นางเป็นสาวใช้ของข้า คนที่ต้มยาและทำอาหารให้ท่าน หากฆ่านางท่านก็อดข้าว ข้าทำอาหารไม่เป็นหากท่านอยากตายก็ลงมือได้เลย”
“ข้า….มันเคยชินต้องขออภัยด้วย”
“อาหยงเดินไปคุยด้านนอกเถอะ”
“ไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ มีคนมาถามหา…เอ่อ..คุณชายอยู่ด้านนอก ข้าก็บอกไปแล้วว่าไม่รู้แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เชื่อเจ้าค่ะ ข้าก็เลยมาเรียกคุณหนูออกไป…”
นางหันไปมองคนป่วยที่ทำสีหน้าตกใจ
“เจ้าอยู่กับเขาที่นี่ ห้ามออกไปเด็ดขาด”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านก็ด้วย อยู่นิ่ง ๆ ทำตัวดี ๆ เดี๋ยวข้ารีบกลับมา”
ซูเม่ยเดินออกมาจากห้องของเขาแล้วและเดินออกมาพบกับองครักษ์ในชุดสีดำตรงหน้าสองคน เมื่อพวกเขาพบนางก็รู้สึกแปลกใจว่ากระท่อมกลางป่าเหตุใดจึงมีสตรีงดงามเช่นนี้อยู่เพียงลำพัง
“พวกท่าน…มีธุระอะไรที่นี่งั้นหรือ”
“แม่นาง ขออภัยที่ต้องรบกวนเวลาของท่าน เพียงแต่ว่าพวกเรามาตามหาคน คุณชายของพวกเราบาดเจ็บอยู่แนวเขาด้านตะวันตก พวกเราตามหาเขามาร่วมสามวันแล้วยังไม่พบ ไม่ทราบว่าท่านพอจะ….พบเห็นคนแปลกหน้าบ้างหรือไม่”
“คุณชายของพวกท่านมีหน้าตาเช่นไรและมีสิ่งใดที่พอจะเป็นที่สังเกตได้หรือไม่ แต่ข้าอยู่บนเขานี้มานานยังไม่เคยพบผู้อื่นเลย อ้อจริงสิพวกท่านคงตามหาคนมาเหนื่อยแล้ว ท่านพักดื่มชาเสียหน่อยเถอะเดี๋ยวข้าจะมาคุยด้วยจะได้ช่วยกันอีกแรง พื้นที่บนภูเขานี้ข้าคุ้นเคยดี”
“เช่นนั้น..ต้องฟขอรบกวนแล้ว”
“ต้าหมิน แต่เราต้องรีบตาม….”
พวกเขาชะงักไปนิดหน่อยเพื่อมิให้พูดออกมา จังหวะที่เดินสวนพวกเขา ไป๋ซูเม่ยดึงหยกประดับที่เอวขององครักษ์อีกคนที่หันไปห้ามปรามคนข้าง ๆ เอาไว้ได้ นางเก็บป้ายหยกและเดินถือกาน้ำชาออกไปและเดินไปยังด้านหลังทันที
“อาหยงเจ้าเอาชาไปให้พวกเขาที่ห้องก่อนเร็วเข้าอย่าให้พวกเขาสงสัยได้”
“เจ้าค่ะ”
อาหยงเดินออกไปแล้วนางจึงดึงป้ายหยกประดับออกมาจากแขนเสื้อ เมื่อบุรุษหนุ่มเห็นจึงได้เบิกตากว้างทันที
“นี่เจ้า!! ได้ป้ายหยกนี้…”
“ข้านึกสงสัยเพราะเห็นป้ายหยกคล้าย ๆ กันจากกายของท่านตอนที่พาท่านกลับมา ท่านกับคนข้างนอกน่าจะเป็นพวกเดียวกันหรือไม่”
“ต้าหมิน…ป้ายหยกนี่น่าจะเป็นของต้าหมินไม่ผิดแน่”
นางเองก็ทบทวนสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้เช่นกัน องครักษ์อีกคนที่ห้ามปรามเขาก็เรียกคนผู้นั้นว่า “ต้าหมิน” เช่นกัน
“ตกลงว่าท่าน…รู้จักพวกเขาใช่หรือไม่”
“ไม่ผิดแน่หากว่าเขาให้ป้ายหยกนี้เจ้ามา”
“เปล่า เขามิได้ให้ข้า”
“เช่นนั้น…เจ้า…”
“ข้าขโมยมาจากเอวของเขา”
“เจ้า!!…ทำได้เช่นไร ต้าหมินเป็นองครักษ์ที่…”
“เรื่องนั้นช่างเถอะ ข้าเองก็ได้ยินอีกคนที่มาด้วยเรียกเขาด้วยชื่อนี้เช่นกัน ดูท่าแล้วสวรรค์คงพอจะเมตตาท่าน (เช่นเดียวกับที่ให้โอกาสข้าได้กลับมาอีกครั้ง) เอาล่ะ ข้าจะพาพวกเขามาพบท่านที่นี่”
“ขอบใจแม่นาง….เอ่อ…”
“พบกันเพียงชั่วครู่ไม่จำเป็นต้องรู้นาม รออยู่ที่นี่ข้าจะพาพวกเขามาพบกับท่าน”
“ขอบคุณ”
ไม่นานซูเม่ยก็พาองครักษ์ทั้งสองเดินเข้ามาต้าหมินรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที
“คุณชาย!! ท่านปลอดภัยหรือไม่ขอรับ”
“เอาล่ะ พวกท่านคงต้องการเวลาข้าขอตัวก่อน”
ซูเม่ยเดินออกมาไม่ทันที่จะปิดประตู องครักษ์อีกคนของเขาก็พูดขึ้นมา
“ครั้งนี้โชคดีที่คุณชายไม่บาดเจ็บมาก ดูเหมือนครั้งนี้พวกองค์ชายเหล่านั้นจะไม่ยินดีที่ซื่อจื่อจะไปเยือนเมืองหลวงเท่าใดนะขอรับ”
ซูเม่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะปิดประตูห้องของพวกเขาและเดินออกไปด้านนอก
“ที่แท้เขาคือซื่อจื่อแห่งเมืองหยางโจวงั้นหรือ”