บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ข้าไม่ใจร้ายกับคนป่วยหรอก

พวกเขาเดินออกมาจากนั้นไม่นาน องครักษ์คนหนึ่งของบุรุษหนุ่มที่นางได้ช่วยเหลือเดินมาเชิญนางไปที่ห้อง

“แม่นาง คุณชายขอเชิญท่านไปที่ห้องขอรับ”

“อืม ได้สิ”

“คุณหนูเจ้าคะ พวกเขา….”

“ไม่มีอะไรพวกเขามิใช่ศัตรูหรอกไม่ต้องห่วง”

“เจ้าค่ะ”

ไป๋ซูเม่ยเดินตามองครักษ์หนุ่มไปทันที เมื่อเข้าไปในห้องที่เขานั่งอยู่และมีองครักษ์อีกคนที่คอยทำแผลให้เขาอยู่

“แม่นาง คุณชายมีเรื่องจะคุยกับท่านขอรับ”

“เขาพักอยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะหาย พวกท่านไม่ต้องห่วงเขาหรอกเพียงแต่ช่วงที่พวกท่านมาพบเขาที่นี่อย่านำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกข้าก็พอแล้ว”

“ท่านรู้!! ว่าพวกเรา…”

“คุณชายของเจ้าบาดเจ็บเคลื่อนไหวยังไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงลงจากเขาเลย แม้แต่เดินลงจากเตียงก็ยังไม่มีแรงมากพอหรอก เจ้าคงไม่คิดว่าจะแบกเขาลงเขาไปได้หรอกกระมัง”

“คุณหนู ท่านเข้าใจถูกต้องแล้วขอรับข้าน้อยจึงอยากขอร้องท่าน....”

“ได้สิไม่มีปัญหา ข้าไม่ใจร้ายกับคนป่วยหรอก”

“ส่วนเรื่องค่ารักษา…”

“คุณหนูข้ามิได้เดือดร้อนเรื่องเงิน นางเป็นถึงบุตรสาวของหมอหลวงไป๋เหลียน ไม่ได้ต้องการเงินมากขนาดนั้นพวกท่านทำตามที่นางพูดก็พอ”

“อาหยง…”

บุรุษหนุ่มมองหน้านางในทันทีเมื่อทราบว่านางคือผู้ใด เดิมทีคิดเอาไว้ว่านางต้องมิใช่คนธรรมดาอยู่แล้วเพราะท่าทางและความชำนาญเช่นนี้แม้จะบอกว่าเป็นท่านหมอเทวดาเขาก็คงเชื่อ แต่สตรีที่เก่งกาจและสามารถอยู่เพียงลำพังในป่ากับสาวใช้เพียงสองคนจะมีสักกี่คนที่ทำได้

“ที่แท้ก็คุณหนูไป๋บุตรีท่านหมอไป๋นี่เอง ล่วงเกินเจ้าแล้ว”

“ช่างเถอะ ข้ามิได้พูดในฐานะนั้นกับท่าน ข้าพูดในฐานะหมอที่รักษาคนหากว่าท่านหายแล้วพวกเราต่างคนก็ต่างไป”

“ขอบคุณ ข้าจะอยู่กับคุณชายที่นี่…”

“ไม่ต้อง…”

“ดีเลยเจ้าอยู่ก็ช่วยได้มาก อย่างน้อยช่วงนี้ที่คุณชายพวกเจ้ายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เจ้าก็ดูแลไปก็แล้วกันข้าจะให้อาหยงนำยามาให้ตามเวลา หากว่ามีอาการอื่นที่มากกว่านี้ก็เรียกข้าได้ ส่วนเจ้าหากว่าจะลงเขาให้เดินลัดออกไปอีกทาง ข้าจะให้อาหยงเดินไปส่งเจ้า เส้นทางนั้นจะถึงในเมืองเร็วกว่าและจะไม่มีผู้ใดพบเห็นเจ้าแน่นอน”

“ขอบคุณคุณหนูไป๋ขอรับ”

“อืม อาหยงรีบพาเขาไป”

“เจ้าค่ะ”

พวกเขาเดินออกไปหมดแล้วเหลือเพียงนางและบุรุษหนุ่มตรงหน้า ไป๋ซูเม่ยมองเห็นชามข้าวที่เขากินจนหมดนางจึงเก็บของใส่ถาด

“เช่นนั้น…ก่อนหน้านี้ผู้ที่เปลี่ยนชุดให้ข้า…”

“ใช่ ข้าเป็นคนเปลี่ยนให้ท่านเอง มีอะไรงั้นหรือ”

“ข้า…เจ้า….แคก ๆ เอ่อ…”

“หึ หากท่านอายตอนนี้คิดว่าไม่ทันแล้วกระมัง ส่วนหากว่าท่านจะถามข้า ข้าก็จะตอบว่าข้าเป็นหมอ หน้าที่รักษาท่านให้หายเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำเช่นกัน”

“เช่นนั้น….ก็ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว”

“ข้าจะไปยกยามาให้ท่านรอสักครู่”

“แม่นางไป๋”

“มีสิ่งใดอีกงั้นหรือ….องค์ซื่อจื่อ”

“เจ้า…ได้ยินงั้นหรือ”

“แม้ว่าจะไม่อยากได้ยินแต่กระท่อมไม้แห่งนี้มิใช่ที่ที่ควรจะพูดคุยเรื่องลับ ๆ นักหรอกท่านว่าหรือไม่ อย่าห่วงเลยไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ใดต่อให้เป็นองค์ชายข้าก็มิได้สนใจ”

“ข้า…ไม่ได้คิดจะโกหกเจ้า”

“ข้าเข้าใจ หากเป็นข้า…จนจากกันไปแล้วข้าก็ไม่คิดจะพูดหรอก เอาล่ะข้าจะยกชามไปเก็บท่านก็นอนพักดี ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน”

นางเดินถือถาดอาหารออกไปแล้วเขาจึงนึกขำกับท่าทางนั้นของนาง แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบเห็นบุตรของท่านหมอหลวงมาก่อนแต่คำร่ำลือต่าง ๆ เกี่ยวกับนางทั้งด้านความชำนาญศาสตร์ทั้งสี่ ความรู้ทางการแพทย์และยังรูปโฉมที่งดงามล่มบ้านล่มเมืองนั่นเมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเขาพบว่าที่รำลือกันนั่น ยังน้อยกว่านั้นมากนัก

“เย็นชาชะมัด หึ”

เขาเคยนึกดูแคลนสตรีเช่นนางมาก่อนเพราะเขาเป็นองค์ซื่อจื่อ เป็นทายาทเพียงคนเดียวของท่านอ๋องแห่ง หยางโจวที่จะขึ้นสืบทอดอำนาจและปกครองเมืองหยางโจว

เขาเป็นรองเพียงเหล่าองค์ชายไม่กี่พระองค์เท่านั้น และแน่นอนว่าหลาย ๆ พระองค์ก็เป็นคู่อริเก่ากับเขาและไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อแย่งอำนาจในเมืองหลวง

“ท่านดื่มยานี้แล้วจะรู้สึกง่วงแต่ยานี้จะช่วยฟื้นฟูภายในได้ดีกว่า ท่านมีวิชายุทธ์พลังปราณของท่านจะฟื้นตัวเร็วขึ้นหากมีแรงก็…”

“คุณชาย…”

ต้าหมินเดินเข้ามาพอดีที่เขากำลังฟังนางพูด เมื่อเห็นว่าองครักษ์ของเขาเข้ามาแล้วนางจึงหันไปมองและหยุดพูดทันที

“เช่นนั้นพวกท่านก็พักผ่อนเถอะ ข้าจะให้อาหยงนำเครื่องนอนมาเพิ่มให้ข้าขอตัวก่อน”

แม้ว่าอยากจะคุยต่ออีกสักหน่อยแต่นางก็เดินออกไปแล้ว “เว่ยเฟิงหรง” ซื่อจื่อหนุ่มหันมามองค้อนให้กับองครักษ์อย่างเสียมิได้

“คุณชาย เหตุใดท่านมองข้าเช่นนั้นขอรับ”

“เจ้ามันไม่รู้ความจริง ๆ”

“ข้าน้อย…ทำสิ่งใดผิดหรือขอรับ”

“ช่างเถอะ ให้คนตามสืบหรือยังว่าเป็นฝีมือผู้ใดกันแน่ ข้าเพียงแค่ก้าวขาออกจากหยางโจวก็ถูกลอบทำร้ายที่ชายแดนจนระเห็จมาถึงที่นี่ หากไม่ได้นางช่วยไว้ละก็ข้าคงเป็นอาหารของเสือไปแล้ว”

“เรื่องนี้มีผู้ต้องสงสัยอยู่เพียงสองคนขอรับ องค์ชายสี่เสวียนอวี่และองค์ชายหกเสวียนฟง”

“หึ พระโอรสของฮองเฮาดูเหมือนว่าจะเกรงกลัวข้าที่เป็นเพียงพระนัดดา (หลานชาย) ของฝ่าบาทมากกว่าเหล่าองค์ชายที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขาเสียอีก”

“มีผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าคุณชายเป็นขุนศึกที่มีความสามารถและเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าส่งข่าวไปในวังหลวงให้หานลั่วหรือยัง”

“ส่งไปแล้วขอรับ องค์ชายสามก็ส่งจดหมายกลับมาแล้วว่าหากว่าพบตัวท่านแล้วให้ซ่อนตัวก่อน หากพวกเขาไม่พบท่านพวกนั้นคงไม่มีทางหยุดแน่”

“เราอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานแล้ว มิเช่นนั้นพวกนางจะเดือดร้อนไปด้วย”

“คุณชาย ท่านเป็นห่วงคุณหนูไป๋หรือขอรับ”

“ว่าแต่ว่า เหตุใดบุตรสาวของท่านหมอไป๋ถึงมาปลีกวิเวกอยู่ที่นี่คนเดียวเล่า นางมิได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีอันดับหนึ่งของเมืองหยางโจวในตอนนี้หรอกหรือ”

“ใช่ขอรับ แต่เห็นว่านางทะเลาะกับท่านหมอเรื่อง…เอ่อ ที่ท่านอ๋องประทานอนุไปให้และบุตรสาวของอนุผู้นั้นทำให้นางเสียโฉม”

“เสียโฉมงั้นหรือ ข้าไม่เห็นว่านางจะมีรอยแผลใด ๆ เลยนี่ เจ้าเองก็เห็นรูปโฉมที่งดงามนั่นมิใช่หรือ”

“คุณชายท่านลืมไปหรือไม่ว่านางเป็นหมอนะขอรับ”

“อ่อ…นั่นสินะ”

ห้าวันถัดมา

เว่ยเฟิงหรงพักฟื้นจนหายดีแล้ว ตอนนี้เขาเริ่มกลับมาฝึกวิชาดาบแล้ว ช่วงเวลาที่พักอยู่ที่นี่เขาพบกับไป๋ซูเม่ยเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น นางจะแวะมาตรวจเขาเพียงแค่สองวันหนึ่งครั้งและหากไม่มีอาการอื่น ๆ เขาก็แทบจะไม่เห็นนางเลย

จนเมื่อกลางดึกคืนนี้ที่เขาเดินออกมารับลมด้านนอกและเดินไปยังเชิงเขาใกล้ ๆ เพราะได้ยินเสียงต้นไม้ไหวและบางอย่างระเบิด เขาจึงเดินเข้าไปอย่างใคร่รู้และพบกับนางอยู่ที่นั่น

“นอกจากวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว วรยุทธ์นางร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ”

ราวกับนางได้ยินเพราะไม่นานลมและกิ่งไผ่ตรงหน้าก็ถูกนางพัดและโจมตีเขา เว่ยเฟิงหรงม้วนตัวเพื่อหลบกิ่งไม้นั้นและไปยืนตรงหน้านาง ไป๋ซูเม่ยถอยหลังและตั้งท่าเพื่อต่อสู้แต่เมื่อนางเห็นว่าเป็นเขาจึงได้หยุด

“ท่านมาทำอะไรที่นี่”

“ข้าเคยได้ยินมาว่าเจ้ามีความชำนาญด้านศาสตร์ทั้งสี่ กลอนหมากอักษรและวาดภาพแต่นึกไม่ถึงว่าจะมีวรยุทธ์ที่เก่งกาจด้วย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel