บทที่ 2 กดให้ลึกสุดใจ
บทที่ 2 กดให้ลึกสุดใจ
เมื่อมาถึงฝั่งได้ชายหนุ่มหน้าตาขึงขัง ก็แทบจะทุ่มเรือทิ้งอย่างเร่งรีบ ทะนงรีบเดินนำไปยังที่ดินผืนนั้น ตามรูปที่เจ้านายของตนหยิบเอามาด้วย มันเป็นเพียงที่ดินผืนเล็ก ๆ แต่เพราะมันอยู่ติดกันกับที่ดินผืนใหญ่ที่เขาต้องการ เลยคิดว่ามันควรแก่การที่เขาจะซื้อเอาไว้ด้วย ใบหน้าถมึงทึงจ้องมองไปข้างหน้าขณะกำลังสาวเท้ายาว ๆ ของตนตามลูกน้องไป
“นายหัวบอกได้มั้ยครับว่ามีเรื่องอะไร ทำไมถึงอยากมาหาเจ้าของที่ดินผืนนี้หรือครับ”
“แค่คนเคยรู้จัก บอกมาว่าไปต่อทางไหน ฉันจะไปเองคนเดียว ส่วนนายไปตามสืบเรื่องที่ดินผืนนี้ว่ามีคนอื่นนอกจากเราสนใจจะซื้อบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็หาราคามาให้ได้แล้วโทรบอกฉันทันที”
เขาออกคำสั่งน้ำเสียงเด็ดขาด แม้จะไม่รู้เหตุผล แต่ในฐานะลูกน้อง ทะนงมีแต่ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น
“เดี๋ยวนายหัวเดินไปจนสุดทางนะครับ จากนั้นเลี้ยวซ้ายจะเจอที่ดินที่เราต้องการ ส่วนที่ดินตรงที่นายหัวจะไปก็อยู่ติดกันเลยครับ”
“โอเค นายไปได้แล้ว”
ทะนงแยกตัวไปอีกทาง สหรัฐจึงไปต่อคนเดียวตามเส้นทางที่อีกฝ่ายบอก มือใหญ่กำรูปภาพที่คว้ามาด้วยแน่น ในอกร้อนรุ่มราวกับว่าบาดแผลและความเจ็บปวดในวันนั้นถาโถมกลับเข้ามาอีกครั้ง
อันที่จริงมันไม่เคยจางหายไปเลยต่างหาก เพียงแต่เขาแค่พยายามกดเก็บมันไว้ลึก....จนสุดใจ
ร่างสูงเดินมาจนถึงที่ดินเปล่าตามรูปภาพ มีบ้านหลังเล็ก ๆ คล้ายกับที่อยู่ชั่วคราวที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นไม่นาน เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางคนกำลังเดินออกมาสหรัฐจึงรีบหลบ ก่อนจะถูกคนที่ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นมองเห็นเขาเข้า
‘พิมพ์พธู’ ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อยก้มลงใส่รองเท้า สิ่งเดียวในตัวของหญิงสาวที่แปลกไปคือเธอไม่มีแบรนด์เนมติดตัวเลยสักชิ้นเดียว
จำได้ว่าครอบครัวของเธอเป็นคนมีเงิน ทว่าทำไมตอนนี้...
“เดี๋ยวพิมพ์ออกไปซื้อของมาทำมื้อเย็นก่อนนะคะพ่อ”
เสียงหวานที่ยังคงคุ้นหู เอ่ยบอกชายที่นั่งอยู่ด้านในเพิงที่เรียกว่าบ้าน
“ระวังตัวด้วยนะลูก”
เสียงจากคนในบ้านตะโกนตอบกลับมา คาดว่าจะเป็นบิดาของเธอ
คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่นครุ่นคิด แค่ไปซื้อกับข้าวทำไมถึงต้องบอกให้เธอระวังตัวด้วย เขารอจนกระทั่งหญิงสาวเดินออกมา และตรงไปทางตลาด สหรัฐจึงแอบเดินตามไปห่าง ๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว
พอพิจารณาดูดี ๆ แล้วพิมพ์พธูดูผอมซูบลงกว่าเมื่อก่อนไปเล็กน้อย แค่ออกไปตลาดใกล้บ้านแต่กลับใส่กางเกยีนและรองเท้าผ้าใบราวกับจะไปไหนไกล ๆ ทั้งที่ใส่แค่รองเท้าแตะก็ได้
ทำไมกันนะ?
เขาเก็บความสงสัยนั้นไว้แล้วเดินตามเธอต่อไปจนถึงตลาด ร่างเล็กเน้นซื้อแต่ของราคาถูกอย่างพวกเศษเนื้อหมู เนื้อไก่ และผักที่เริ่มเหี่ยวเฉาที่ถูกนำมาลดราคา แสดงให้เห็นว่าพิมพ์พธูในตอนนี้อยู่ในสถานะเงินทองไม่คล่องมือเหมือนแต่ก่อน เกิดอะไรขึ้นหลังจากเลิกกันไปแล้วกันแน่
“อ้าวแม่หนู มาอีกแล้วเหรอ? ”
“จ้ะป้า วันนี้หนูขอไข่ไก่สองฟองนะจ๊ะ”
เธอหยิบเงินส่งให้พร้อมรับไข่ไก่ฟองเล็กมาจากแม่ค้า ก่อนจะหันมองไปเรื่อยเพื่อดูว่ามีอะไรน่าซื้ออีกหรือไม่ สหรัฐกลัวเธอจะมองเห็น จึงรีบคว้าเอาหนังสือพิมพ์ของคนขายปลาแผงตรงหน้ามาทำทีเป็นถืออ่านเพื่อซ่อนตนเองจากเธอ
เจ้าของหนังสือพิมพ์มองเขาอย่างแปลกใจ
เมื่อหญิงสาวซื้อของเสร็จแล้วเดินต่อ เขาจึงคืนหนังสือพิมพ์ให้กับพ่อค้าตามเดิม
“พอดี...มีข่าวน่าสนใจเยอะเกินไปหน่อย”
“ร้านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโน้น ไปซื้อสิพ่อหนุ่ม”
เขาพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกมาเพื่อตามพิมพ์พธูต่อ เธอแวะเข้าไปในร้านตัดเย็บร้านใหญ่ในละแวกนี้ก่อนกลับออกมาพร้อมถุงผ้าขนาดใหญ่
ครืด ๆ ครืด ๆ
ขณะกำลังสะกดรอยตามหญิงสาวอย่างไม่ลดละ สายเรียกเข้าจากทะนงก็ดังขึ้น ขณะที่สองเท้ายังคงเร่งตามเธอไปเรื่อย ๆ อย่างระวังตัว
พิมพ์พธูดูเหมือนจะซื้อของเสร็จหมดแล้วและกำลังจะกลับบ้าน เธอใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปแต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่แปลกไป
“ว่าไง”
[ได้เรื่องแล้วครับนาย ที่ดินผืนนั้นเป็นมรดกตกทอดรุ่นต่อรุ่นครับ และเจ้าของคนล่าสุดคือนายพศิน ได้ยินมาว่าเขาเร่ขายที่ดินผืนนี้ให้กับเศรษฐีในจังหวัดมาเยอะมากแล้วครับ แต่ยังไม่มีคนสนใจเพราะเป็นที่ดินแปลงเล็กเอามาทำอะไรก็ไม่ได้]
มือใหญ่ลูบคางอย่างใช้ความคิด มองแผ่นหลังของพิมพ์พธูที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังถูกเขาตามอยู่ด้วยความสงสัย
ทำไมถึงต้องการขายที่ดินมากขนาดนั้น?
“เหตุผลที่อยากขายล่ะ? ”
[ได้ยินมาว่าเป็นหนี้ก้อนโตครับ หลักสิบล้านเลยทีเดียว]
“สิบล้านเหรอ? ”
เงินจำนวนมากมายขนาดนั้นแค่ที่ดินที่มีไม่พอใช้หนี้แน่ ทว่ายังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากกว่านั้น คนที่เขาแอบตามก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะโยนทุกสิ่งทุกอย่างในมือทิ้งลงพื้นแล้วรีบวิ่งไปยังบ้านของตนทันที
ดวงตาคมมองตามไปก่อนจะเห็นว่าที่นอกบ้านมีชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวหลายคนยืนอยู่เต็มไปหมด ตรงกลางวงล้อมมีชายสูงวัยอีกคนล้มกองอยู่บนพื้นในสภาพชัดเจนว่าถูกซ้อม หญิงสาวปรี่เข้าไปโอบกอดชายคนนั้นเอาไว้ราวกับต้องการจะป้องกันเขาจากอันตราย
“อย่าทำอะไรพ่อฉันนะ!”
“ถ้าไม่อยากให้ทำอะไรก็จ่ายเงินมาสิเว้ย! รู้มั้ยว่าการต้องเที่ยวตามหาพวกแกสองคนพ่อลูกไปทั่วประเทศมันลำบากขนาดไหน วันนี้ถ้าแกไม่จ่าย ฉันจะจับลูกสาวแกส่งขายซ่องชายแดนซะ ส่วนแก...ถึงจะแก่ไปหน่อยแต่อวัยวะอื่น ๆ คงยังพอใช้การได้”
ผู้ชายที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม บิดาของเธอรีบยกมือไหว้ขอร้องเสียงสั่น
“ได้โปรดเถอะครับ อย่าทำอะไรลูกสาวผมเลย อีกเดี๋ยวผมจะขายที่พื้นนี้ได้ ผมจะรีบเอาเงินให้ทันทีที่ขายได้เลยครับ”
“ที่ดินเท่าบ้านหมาแบบนี้มันจะได้สักเท่าไหร่กันเชียว! หนี้ที่พวกแกติดฉันอยู่มันคือสิบล้านนะโว้ย”
“ถ้าอย่างนั้นเอาผมไปครับ ผมยอมให้เอาอวัยวะผมไป แต่ได้โปรดปล่อยลูกสาวผมไปเถอะ”
“ไม่นะพ่อ อย่าพูดอย่างนี้สิจ๊ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าไม่ยอม แม้จะหวาดกลัวหากแต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด
“เฮ้ย จับอีนังนั่นมา ให้ไปรับลูกค้าแถวปอยเปตสักเดือนสองเดือนคงพอได้ทุนคืนบ้าง”
“ครับลูกพี่”
บรรดาลูกน้องรับคำสั่งแล้วรีบปรี่เข้ามาแยกพิมพ์พธูออกจากบิดา เธอพยายามดีดดิ้นเพื่อหาทางหนีแต่ไม่อาจสู้แรงของพวกมันได้
“สิบล้าน!”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลังของทุกคน เรียกความสนใจจากพวกเจ้าหนี้รวมถึงหญิงสาวและบิดาของเธอให้หันไปมอง ร่างสูงของสหรัฐเดินเข้ามาในวงล้อมท่ามกลางความตกใจของพิมพ์พธู
“แกหมายถึงอะไร”
“ที่ดินผืนนี้...ฉันจะซื้อมันในราคาสิบล้าน”
เขาตอบคำถามของพวกมัน ก่อนจะปรายสายตาคมกร้าวไปยังชายสูงวัย และหยุดสายตาไว้ที่หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเบิกตาโพลงจ้องมองมาที่เขา