บทที่ 2 คนที่ไม่เคยลืม 1
หลังจากได้ยินประโยคปฏิเสธจากคนตรงหน้า บุรุษในชุดดำทั้งกายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ร่างสูงขยับเข้าไปแก้เชือกที่มัดขานางไว้ออกให้ จากนั้นก็ช้อนอุ้มนางออกไปจากกรงไม้ขนาดเท่ากรงขังหมูโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใดสักคำ ซ้ำยังไม่ยอมให้องครักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ ช่วยด้วย
“อะ...เอ่อ คุณชาย ท่าน ท่านปล่อยข้าลงเถอะ” สวีถีหลันเอ่ยบอกอย่างตะกุกตะกัก ด้วยยังงงงวยกับการกระทำของอีกฝ่าย
“เงียบซะ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นคำเดียว แล้วเดินหน้าต่อ
คนในชุดดำพานางเดินมายังริมลำธารที่อยู่ไกลออกมาจากจุดเดิมเกือบๆ ครึ่งลี้ โดยด้านหลังของพวกเขามีชายชุดดำเดินตามมาอีกสี่คน
“อะ...เอ่อ คือว่า”
“ข้าบอกให้เงียบ เจ้ามิได้ยินหรอกหรือ?” เสิ่นจ้านหรือหมินเซียนเฉิงฮ่องเต้เอ่ยขึ้นดุๆ จากนั้นร่างสูงก็วางร่างบอบบางที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เติบโตขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อนนี้เท่าไหร่นักลงบนโขดหินข้างลำธาร มือใหญ่จัดการวักน้ำมาล้างเท้าเรียวสองข้างของนางให้ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจแต่ไร้สุ้มเสียงของบรรดาทหารองครักษ์
“นี่ท่าน!..ท่านทำอันใดของท่าน? หยุดนะ!” สวีถีหลันร้องขึ้นอย่างตกใจพลางชักสองเท้าหนี
“กล้าสั่งเจิ้นหรือ?”
“...?” ร่างเล็กชะงักพร้อมกับปากที่อ้าไว้จนขากรรไกรค้าง
“เจิ้นจะล้างเท้าให้...หากกล้าพูดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว เจิ้นจะจับเจ้าเปลือยกายแล้วโยนลงน้ำซะเดี๋ยวนี้”
เสิ่นจ้านได้ทีขู่ซ้ำ เมื่อเห็นสตรีร่างเล็กตกใจจนทำอันใดไม่ถูก แข็งค้างตั้งแต่สองตาลามไปถึงขากรรไกร ไล่ลงไปทั่วทั้งตัว
“...?”
“ดูสิ ข้อเท้าแดงขนาดนี้ยังจะทำเก่งอยู่อีก มีแผลด้วย มิรู้สึกเจ็บเลยหรือ?” เสิ่นจ้านล้างเท้าคนงามไปพูดไป ในขณะที่สวีถีหลันใจลอยกลับต้าตงไปแล้ว...
ถ้าท่านยายรู้ว่านางให้บุรุษเห็นขาเห็นเท้า...นางต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่ๆ เลย!
เสิ่นจ้าน...เจอท่านทีไรเหตุใดจึงมีแต่เรื่องนะ!
“เอ๊ะ?” หญิงสาวอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ ร่างของนางก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นอีกครั้ง “ท่าน...อุ้มข้าทำไม?”
“กลัวเจ้าหนี...หากเจ้าหนีหายไปอีกครั้ง ครานี้ข้าคงได้กลายเป็นคนวิปลาสเป็นแน่แท้”
หญิงสาวฟังแล้วก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ในหัวของนางตอนนี้ใคร่ครวญคิดตามคำพูดของคนที่อุ้มตนเองไม่ค่อยจะทันเท่าไหร่นัก
อะไรคืออุ้มเพราะกลัวนางหนี?
แล้วเหตุใดเขาต้องกลายเป็นคนวิปลาสด้วยเล่า?
ในขณะฯที่กำลังตกอยู่ในสภาวะงุนงงอย่างหนัก สวีถีหลันก็ถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นไปนั่งบนหลังม้า จากนั้นร่างสูงใหญ่ของเขาก็ดีดกายขึ้นไปนั่งบนหลังตาม สองมือของเขาเอื้อมมาจับบังเหียนก่อนจะกระตุกเบาๆ ให้อาชาสีดำตัวใหญ่เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“เจ้าถูกโจรกระจอกพวกนั้นจับตัวมาได้อย่างไร?” เสิ่นจ้านเอ่ยถามขึ้นเบาๆ
“ข้า...เอ่อ หม่อมฉันถูกจับเพราะสะกดรอยตามพวกมันมา ในตอนแรกโจรพวกนั้นจับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งมา หม่อมฉันตามมาช่วยพวกนาง...”
“แล้วก็ถูกพวกมันจับตัวเอาไว้แทน...ใช่อย่างนั้นหรือไม่?”
หญิงสาวพยักหน้ารับตามที่คนที่อยู่ข้างหลังเอ่ยแทรกขึ้นในขณะที่นางกำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง
“แล้วคนของจวนโหย่วจงโหวไปไหน? ไยจึงมีเพียงเจ้าคนเดียว ไหนจะคนของสำนักเมฆาครามอีก?”
สวีถีหลันเม้มปากอย่างยากจะให้คำตอบกับคนข้างหลัง ความจริงข้อนี้นางเองก็อยากจะรู้เช่นเดียวกัน เกือบจะครบวันที่นางตามขบวนของพวกโจรมาแต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนของสำนักเมฆาคราม มีเพียงลูกน้องสองคนที่ตามนางมาทันในวันที่สี่เท่านั้นที่เข้ามาช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที