บทที่ 6 คัดเลือกพระสนม
บทที่ 6 คัดเลือกพระสนม
หลัวเฉิงเยียนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็เริ่มลนลานขึ้นมาเสียแล้ว นั่นเป็นแหวนหยกปานจื่อที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานและหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง แต่เหตุใดจึงตัดใจยอมมอบให้สตรีไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นนั้นได้เล่า!!!
"ฝ่าบาท!!! นั่นมันแหวนที่พระองค์ทรงหวงแหนนะพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดจึงมอบให้นางได้เล่า!!!"
"แล้วอย่างไรเล่า?"
เจิ้งหยางเจี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสำคัญเท่าใดนัก ใบหน้าหล่อเหลากลับมาเย็นชาและเงียบขรึมเช่นเดิม ต่างจากตอนที่พูดจากับฟางเพ่ยเพ่ยราวกับเป็นคนละคน
"นั่นมันแหวนหยกปานจื่อนะพ่ะย่ะค่ะ!"
"ก็แค่แหวนเพียงวงเดียวเท่านั้น"
"ฝ่าบาท!!! หากนางหนีหายไปเล่าพ่ะย่ะค่ะ หากนางเป็นสตรีที่โลภมาก นำแหวนหยกปานจื่อไปขาย แล้วหนีไป จะมิแย่หรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ!!!"
เจิ้งหยางเจี๋ยที่ได้ยินหลัวเฉิงเยียนเอ่ยเช่นนั้น ก็ส่งเสียงหัวเราะ หึหึ ออกมาคราหนึ่ง ดวงตาเย็นชาหันไปจ้องมองหลัวเฉิงเยียนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"นางจะต้องมา ข้าเชื่อ ว่านางจะมา"
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะมุ่งหน้ากลับวังหลวงทันที
แหวนหยกปานจื่อ เป็นแหวนที่เขาโปรดปรานและหวงแหนเป็นอย่างมาก ในสายตาคนทั่วไปมันอาจจะเป็นเพียงแหวนหยกเนื้อดีวงหนึ่งที่ดูงดงามมีราคา แต่สำหรับเขามันไม่ใช่เพียงแค่ความงดงามดั่งเช่นที่คนทั่วไปมองเห็น
แท้จริงแล้วแหวนหยกปานจื่อของเขานั้น เสด็จพ่อเป็นผู้มอบให้เขาตั้งแต่เขายังเยาว์วัย เสด็จพ่อบอกว่า แหวนหยกปานจื่อวงนี้ มีรากเหง้ามาจาก 'เส้อ' มันเป็นเครื่องมือสำหรับการยิงธนู เสด็จพ่อเคยตรัสว่า มันทำมาจากงาช้างเผือกในป่า ใช้สวมใส่ที่นิ้วโป้ง เพื่อป้องกันนิ้วสีกันระหว่างที่ยิงธนู อีกทั้งยังทำให้การยิงธนูของเขาว่องไวมากขึ้นอีกด้วย
เหมือนเช่นที่เขาใช้ธนูเพียงดอกเดียวก็สามารถสังหารฉู่อ๋องให้ตกตายได้ในคราเดียวอย่างไรเล่า!
แน่นอนว่ามันสำคัญมากสำหรับเขา
แต่เขาก็เชื่อเช่นกันว่านางจะต้องนำของสำคัญสิ่งนี้มาคืนเขาด้วยตนเอง
สามวันต่อมา เสิ่นไทเฮาก็มีรับสั่งให้เหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ที่มีอายุครบสิบห้าปี เข้าวังมาคัดเลือกเป็นพระสนม และหนึ่งในสตรีสูงศักดิ์นางนั้น ก็มี ฟางหลินหลิน เข้าร่วมการคัดเลือกในครานี้ด้วย
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฟาง มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าบุตรสาวของตนจะต้องได้รับเลือกเข้ามาเป็นนางสนมอย่างแน่นอน เมื่อถึงวันนั้น หากฟางหลินหลินได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ตระกูลฟางย่อมต้องมีหน้ามีตาขึ้นมาอีกหลายส่วน
ฟางหลินหลินเองก็ทุ่มเทกับการเข้ารับคัดเลือกในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง นางปรายตามองเหล่าสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายที่เข้ารับการคัดเลือกเหล่านั้น ก่อนจะลอบบิดเบ้มุมปากด้วยสายตาดูแคลน
หึ!!! อย่างไรเสียนางก็งดงามกว่าสตรีเหล่านั้นหลายเท่านัก
การคัดเลือกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเสิ่นไทเฮาก็ได้สตรีที่เหมาะสมจะเข้ามาเป็นพระสนม นั่นก็คือฟางหลินหลิน บุตรสาวจากจวนตระกูลฟาง ให้รั้งตำแหน่งพระสนมกุ้ยเฟย
ส่วนสตรีอีกหนึ่งนาง นามว่า เฉียวเหลียนอวี้ ให้รั้งตำแหน่งพระสนมซูเฟย
ส่วนตำแหน่งฮองเฮาที่ว่างเอาไว้นั้น คงต้องรอสตรีที่เหมาะสมเสียก่อน เสิ่นไทเฮาเองก็มิอยากจะบังคับเจิ้งหยางเจี๋ยเกินไปนัก นางรู้ขอบเขตอารมณ์ของเจิ้งหยางเจี๋ยเป็นอย่างดี หากบีบบังคับมากเกินไป เจิ้งหยางเจี๋ยจะต้องต่อต้านนางและลงมือทำร้ายคนเป็นแน่
พระโอรสของนางผู้นี้ เรื่องใดก็ดีไปเสียหมด ยกเว้นกับเรื่องอารมณ์ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายรักษาเท่าใดก็มิมีทางหาย!
เมื่อคัดเลือกสตรีที่เหมาะสมได้แล้ว เสิ่นไทเฮาจึงสั่งให้เหล่านางกำนัล ตระเตรียมตำหนักให้พระสนมทั้งสอง และยังคัดเลือกนางกำนัลไว้คอยปรนนิบัติอีกด้วย
ฟางหลินหลินรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง นางได้เป็นถึงกุ้ยเฟย พระสนมกุ้ยเฟยที่เป็นรองเพียงแค่ฮองเฮาเท่านั้น อย่างไรเสีย นางจะต้องเอาใจฝ่าบาทให้เขาหลงใหลนาง จนแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮาให้ได้
ด้านเฉียวเหลียนอวี้นั้น นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดีกรมพิธีการจากตระกูลเฉียว ด้วยเพราะหลงใหลในภาพวาดพระพักตร์ของเจิ้งหยางเจี๋ย นางจึงเข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ด้วย
แม้จะได้เป็นเพียงซูเฟย แต่อย่างไรเสียนางจะต้องหาทางขึ้นเป็นฮองเฮาให้ได้ในสักวัน
ยามซวี (19.00-20.59)
"ฝ่าบาท เสิ่นไทเฮาส่งคนมากราบทูลว่า วันนี้ต้องเปิดป้ายเพื่อสั่งให้พระสนมมาปรนนิบัติพ่ะย่ะค่ะ"
เจิ้งหยางเจี๋ยในยามนี้เขากำลังนั่งอ่านตำราบุปผาสวรรค์อยู่บนเตียงอย่างไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้น เมื่อได้ยินเสียงของราชเลขาเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ยังคงตั้งใจอ่านตำราในมือต่อไป ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ เขาจึงค่อย ๆ เงยหน้าไปมองราชเลขา และขันทีใหญ่ที่กำลังยืนรอคำตอบจากเขาอยู่
"ฝ่าบาท"
"ราชเลขา หากเจ้าเรียกข้าอีกแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะสั่งให้ทหารลากเจ้าออกไปโบยเสีย!!!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ราชเลขาชราจึงรีบก้มหน้างุดทันที ขันทีใหญ่เองก็มิกล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดเช่นกัน
เจิ้งหยางเจี๋ยก้มหน้าก้มตาอ่านตำราบุปผาสวรรค์อีกคราอย่างสนใจ นี่เป็นเล่มใหม่ล่าสุดที่หลัวเฉิงเยียนได้มาจากร้านหนังสือร้านหนึ่ง
มันเป็นตำราร่วมรักระหว่างชายหญิง
เขาเองก็ไม่เคยหลับนอนกับสตรีเลยสักครา จึงอยากจะลองศึกษาดูสักครั้ง
เขาจะนำไปใช้กับอาเพ่ยเทพธิดาของเขา
โอววว ท่านี้ดียิ่งนัก เขาต้องจับนางนอนห้อยหัวลงไปที่หน้าต่าง แล้วค่อย ๆ กระแทกนาง
ไม่ดีสิ! เกิดนางไส้ไหลลงไปกองที่คอขึ้นมาเล่า!!!
น่ากลัวยิ่งนัก!!!
โอววว ท่านี้ เขาต้องจับนางมัดมือมัดเท้าให้หมด แล้วค่อย ๆ กระแทก
ไม่ดีสิ!!! เดี๋ยวนางเจ็บ
เหตุใดจึงมีแต่ท่าบัดซบเช่นนี้!!! หลัวเฉิงเยียน องครักษ์ต่ำช้า ข้าจะสั่งตัดของลับเจ้า!!!
ไม่ได้!!! ข้าต้องหาที่ระบายอารมณ์ มิเช่นนั้นข้าคงคลุ้มคลั่งเป็นแน่!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงโยนตำราบุปผาสวรรค์ทิ้งไปเสีย ก่อนจะเอ่ยกับราชเลขาและขันทีใหญ่
"เอาป้ายมาให้ข้าเลือก"