บทที่ 7 อากุ้ย
บทที่ 7 อากุ้ย
ขันทีใหญ่และราชเลขาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบนำป้ายชื่อของพระสนมทั้งสองมามอบให้เจิ้งหยางเจี๋ยทันที ในใจนึกปีติยินดีไม่น้อย ยามนี้ฝ่าบาทมีสตรีข้างกายแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะได้เห็นองค์ชายน้อยองค์หญิงน้อย วิ่งเล่นรอบวังหลวงแล้วเป็นแน่
เจิ้งหยางเจี๋ยหยิบป้ายชื่อมาเปิดอย่างส่ง ๆ ก่อนจะมองดูชื่อพระสนมในป้ายนั้นอย่างครุ่นคิด
ฟางหลินหลิน
เจิ้งหยางเจี๋ยยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์
ชื่อเพราะดีนี่คงจะงามมิใช่น้อย!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงหันไปเอ่ยกับราชเลขาทันที
"ไปพาตัวนางมา และนำอากุ้ยของข้ามาด้วย"
"เอ๋ ฝ่าบาท จะทรงนำอากุ้ยมาด้วยเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"หุบปาก! ข้าสั่งให้เจ้าเอามา ก็จงเอามา!!! ไสหัวไปเร็วเข้า"
ราชเลขาและขันทีใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบเร่งออกไปจากตำหนักด้วยความลนลาน พวกเขาต่างแบ่งหน้าที่กันไปทำงานอย่างรีบเร่ง ขันทีใหญ่ไปรับตัวฟางหลินหลินมาที่ตำหนักมังกรสวรรค์ ส่วนราชเลขาก็ไปนำตัวอากุ้ยมุ่งหน้าไปที่ตำหนักมังกรสวรรค์เช่นเดียวกัน
ฟางหลินหลินที่ได้ยินเสียงขันทีมาแจ้งที่ด้านหน้าตำหนัก ว่าฝ่าบาททรงเรียกหานางให้ไปปรนนิบัติที่ตำหนักมังกรสวรรค์ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบบ้าคลั่ง ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างชัดเจน ขับให้นางดูงดงามราวบุปผาแรกแย้ม
"ทูลเชิญพระสนม"
"อืม"
ฟางหลินหลินขึ้นเกี้ยวอ่อนมุ่งหน้าไปที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที เมื่อไปถึงนางก็รีบเร่งเดินไปที่ด้านหน้าตำหนัก จนกระทั่งขันทีใหญ่กราบทูลต่อฝ่าบาทว่านางมาถึงแล้ว นางจึงจะสามารถเข้าไปได้
เมื่อเข้ามาในตำหนักมังกรสวรรค์ ฟางหลินหลินก็แอบชำเลืองมองภายในตำหนักคราหนึ่ง ก่อนจะลอบยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ภายในตำหนักประดับประดาด้วยเตียงที่ทำมาจากทองคำทั้งหลัง เสาค้ำตำหนัก รวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ภายในตำหนักล้วนทำมาจากทองคำทั้งสิ้น
ไม่ต้องบอกนางก็รู้แล้ว ว่าฝ่าบาทของนางนั้นร่ำรวยมากมายเพียงใด
"ถวายพระพรฝ่าบาท หม่อมฉันฟางหลินหลินมาแล้วเพคะ"
"อืม เงยหน้าขึ้นมาสิ"
ฟางหลินหลินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะต้องตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ฝ่าบาท ช่างหล่อเหลากว่าที่นางคิดเอาไว้ยิ่งนัก ช่างรูปงามสมคำร่ำลือเสียจริงเชียว
แต่ทว่านั่นคือสิ่งใดกัน?
มันคือห่านใช่หรือไม่?
ฟางหลินหลินขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองห่านขาวตัวใหญ่ ที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเจิ้งหยางเจี๋ยด้วยความสงสัย แต่นางเองก็มิกล้าเอ่ยถามสิ่งใดให้มากความนัก
เจิ้งหยางเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น เขาอารมณ์ไม่ดีเรื่องที่หลัวเฉิงเยียนนำตำราบุปผาสวรรค์บัดซบนั่นมาให้เขาอ่าน จึงอยากหาทางระบายอารมณ์เสียหน่อย ยิ่งได้เห็นแววตายั่วยวนอย่างไม่ปิดบังของฟางหลินหลิน โทสะของเขาก็ยิ่งคุกรุ่น
เขามิชอบให้สตรีใดมายั่วยวนเขา หากเขาชอบสตรีนางใด เขาจะเป็นคนยั่วยวนนางเอง!!!
เกิดมาหล่อเหลานี่มันน่ารำคาญเสียจริง!!!
หึ!!! สตรีนางนี้มีใบหน้างดงาม แต่ดู ๆ ไปแล้ว คล้ายกับสตรีเจ้าเล่ห์มากมารยา และยังดูดัดจริตอีกด้วย
เสด็จแม่คัดเลือกนางสนมเช่นไรกัน รู้ทั้งรู้ว่าเขามิชอบสตรีมากเล่ห์เช่นนี้ยังเลือกเข้ามาเป็นสนมของเขาอีก!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงจ้องมองฟางหลินหลินด้วยแววตาที่เย็นชา ฟางหลินหลินเองไม่กล้ามองเขาเท่าใดนักด้วยเพราะมัวแต่เขินอายในความหล่อเหลาของเจิ้งหยางเจี๋ย
"จะยืนบิดกายอีกนานหรือไม่?"
"เอ่อ ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันปรนนิบัตินะเพคะ"
"หยุดอยู่ตรงนั้น!!! อย่าเสนอหน้าเข้ามา ถ้าข้ายังไม่มีคำสั่ง"
ฟางหลินหลินชะงักไปทันทีที่ได้ยินเจิ้งหยางเจี๋ยเอ่ยเช่นนี้ เจิ้งหยางเจี๋ยคร้านจะใส่ใจนางแล้ว เขาอยากดูเรื่องสนุก ๆ แล้วจะได้ไล่นางออกไปเสีย
"ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ ไม่ได้ให้มาปรนนิบัติข้า แต่จะให้มาเล่นกับอากุ้ยของข้าต่างหากเล่า"
"เอ๋?"
"ห่านน้อยของข้าน่ะ ชื่นชอบสตรีเป็นที่สุด ดู ๆ ไปแล้ว มันน่าจะชอบเจ้าไม่น้อย"
ฟางหลินหลินที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองไปที่ห่านตัวนั้นอย่างไม่ลดละ
เจิ้งหยางเจี๋ยฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบไม่ร้อน
"เรามาพนันกันดีหรือไม่?"
"พนันสิ่งใดหรือเพคะ?"
"หากเจ้าทำให้อากุ้ยของข้ายอมสยบให้เจ้าได้ ข้าจะให้เจ้าได้ขึ้นเป็นฮองเฮา แต่ถ้าหากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะลดขั้นเจ้าไปเป็นเพียงพระสนมขั้นผินดีหรือไม่?"
เจิ้งหยางเจี๋ยเอ่ยถามฟางหลินหลินด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ แววตาเย็นชาฉายแววความสนุกขึ้นมาวูบหนึ่ง
ฟางหลินหลินที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ลอบยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
ก็แค่ห่านเพียงตัวเดียว นางย่อมปราบมันได้อยู่แล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฝ่าบาทจะใช้เรื่องเช่นนี้มาท้าพนันกับนาง ดู ๆ ไปแล้วฝ่าบาทก็คงจะพึงพอใจในตัวนางมิใช่น้อย จึงอยากหาเรื่องสนุก ๆ มาชวนนางเล่นสิท่า
แต่เอาเถิด! นางเองก็จะเล่นกับเขาเสียหน่อย ห่านเพียงตัวเดียว นางย่อมทำได้ คอยดูเถิด นางจะต้องได้ขึ้นเป็นฮองเฮาแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฟางหลินหลินจึงยิ้มให้เจิ้งหยางเจี๋ยอย่างยั่วยวน
"เพคะ หม่อมฉันรับคำท้า หากหม่อมฉันทำได้ ฝ่าบาทต้องทรงมอบตำแหน่งฮองเฮาให้หม่อมฉันตามที่พนันกันไว้นะเพคะ"
"แน่นอน ฮ่า ๆๆๆๆ"
ดัดจริตไปเถิด!!! ข้าจะคอยดูจุดจบของเจ้า
เมื่อได้ยินฟางหลินหลินเอ่ยเช่นนี้แล้ว เจิ้งหยางเจี๋ยก็ไม่รอช้า เขากระซิบบางอย่างกับอากุ้ย ห่านเพศผู้ตัวสีขาว ไม่นานนักอากุ้ยก็พุ่งทะยานเข้าใส่ฟางหลินหลินทันที
พึ่บพั่บ
"อ๊าส์!!! ฝ่าบาท ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ!!!"
ฟางหลินหลินยังมิทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ อากุ้ยก็พุ่งทะยานเข้ามาใส่นางทันที พร้อมกับกระโดดตีนางไม่ยอมหยุด เจิ้งหยางเจี๋ยที่ได้เห็นเช่นนั้น ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
"ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ ดี ดียิ่งนัก เพิ่มแรงอีกอากุ้ย ตีนางอีก!!!"
เสียงหัวเราะราวกับปีศาจของเจิ้งหยางเจี๋ยก้องกังวานไปทั่วทั้งตำหนักมังกรสวรรค์ ราชเลขาและขันทีใหญ่ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ฝ่าบาททรงทำสิ่งใดอยู่กันแน่!!!
หรือชมชอบเสพสมด้วยความรุนแรง?
แต่ทว่าฝ่าบาทยังมิเคยหลับนอนกับสตรีใดเลยนี่นา เหตุใดจึงรุนแรงปานนี้ได้เล่า?
ผ่านไปไม่นานสภาพของฟางหลินหลินก็ยับเยินไม่มีชิ้นดี ผมเผ้าขาดร่วง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างน่าเวทนา นางทำได้เพียงร่ำไห้อย่างน่าอนาถอยู่บนพื้นเท่านั้น
เจิ้งหยางเจี๋ยฉีกยิ้มกว้าง เขาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขยิ่งนัก
"ข้าลืมบอกเจ้าไป ว่าอากุ้ยของข้าน่ะ มิชอบสตรีดัดจริตและยั่วยวนเป็นที่สุด!!!"
ฟางหลินหลิน "..."
"ราชเลขา ขันทีใหญ่ เข้ามา!!!"
เมื่อได้ยินเสียงเรียก ราชเลขาและขันทีใหญ่จึงรีบเร่งเข้ามาทันที ภาพที่เห็นทำเอาพวกเขาตกใจจนอยากจะวิ่งหนีออกไปเสีย
ให้ตายเถิด!!! ในตำหนักของฝ่าบาทมีผีผมฟูด้วยหรือ!!!
ฝะ ฝ่าบาท!!!
เจิ้งหยางเจี๋ยอุ้มอากุ้ยมากอดเอาไว้เช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยกับราชเลขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ
"พระสนมฟางกุ้ยเฟยไร้ความสามารถ มิอาจปรนนิบัติข้าให้พอใจได้ อีกทั้งยังรังแกอากุ้ยของข้าอีกด้วย ให้ลดขั้นนางเป็นเพียงพระสนมขั้นผิน แล้วอย่าเสนอหน้ามาให้ข้าเห็นอีก"
"ฝ่าบาท!!!"
"หุบปากแล้วไสหัวออกไปให้หมด ข้าจะนอนแล้ว"
เมื่อได้ระบายอารมณ์จนสาแก่ใจแล้ว เจิ้งหยางเจี๋ยก็มีความสุขยิ่งนัก ยามที่หลับตาลงก็ยังคงเห็นใบหน้างดงามของฟางเพ่ยเพ่ยอยู่ตลอดทั้งคืน
ยามเช้าของวันต่อมา เรื่องที่ฟางหลินหลินถูกปลดลงไปเป็นพระสนมขั้นผิน เพราะรังแกห่านของเจิ้งหยางเจี๋ยก็มาถึงหูของเสิ่นไทเฮา
นางถอนหายใจออกมาอย่างสุดกลั้น คิดว่านางไม่รู้หรือ ห่านตัวนั้นน่ะมันดุร้ายเพียงใด นางสนมตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งน่ะหรือจะกล้ารังแกมัน
คงเป็นเพราะพระโอรสจิตไม่ปกติของนางเป็นแน่ที่วางแผนการเอาไว้!!!
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งปวดหัวเกินจะทน ทำได้เพียงครุ่นคิดในใจด้วยความกลัดกลุ้ม
ยามที่นางประสูติเจิ้งหยางเจี๋ยนั้น จะต้องมีผีพุ่งไต้จากทิศใดทิศหนึ่งมาสิงร่างพระโอรสของตนเป็นแน่แท้ เจิ้งหยางเจี๋ยจึงกลายเป็นคนเช่นนี้!!!
ตอนทำนางกับอดีตฮ่องเต้ก็ตั้งใจทำนี่นา
เอ๋!!! หรือว่าจะเป็นท่านั้น ท่าที่นางยกขาพาดบ่าอดีตฮ่องเต้ แล้วไม่นานก็ตั้งครรภ์เจิ้งหยางเจี๋ยขึ้นมา!!!
สวรรค์!!! สวรรค์ต้องลงโทษนางเป็นแน่ นางทำให้อดีตฮ่องเต้ทรงปวดบ่าอย่างแสนสาหัส สวรรค์จึงลงทัณฑ์นาง!!! เจิ้งหยางเจี๋ยจึงกลายเป็นเช่นนี้!!!