บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เทพธิดาของข้า

บทที่ 4 เทพธิดาของข้า

เจิ้งหยางเจี๋ย มุ่งหน้าไปที่ตำหนักของไทเฮาหลังจากประชุมยามเช้าเสร็จสิ้นแล้ว ในทุก ๆ วันเขาจะต้องไปทำความเคารพผู้เป็นมารดา นี่ถือเป็นธรรมเนียมที่พึงปฏิบัติในวังหลวงมาช้านาน

เมื่อเข้ามาด้านในตำหนัก เขาก็พบกับเสิ่นไทเฮา ที่ยามนี้กำลังนั่งจิบชาร้อนอย่างสบายอารมณ์อยู่ในตำหนัก

เสิ่นไทเฮา เดิมทีมาจากตระกูลเสิ่น ตระกูลท่านแม่ทัพที่ทำความดีความชอบให้ราชสำนักมายาวนาน บุตรชายตระกูลเสิ่นล้วนมีความชอบทางการทหารแทบทั้งสิ้น

"ถวายพระพรเสด็จแม่"

เมื่อได้เห็นว่าพระโอรสมาถึงแล้ว เสิ่นไทเฮาจึงวางถ้วยชาในมือลง และสั่งให้เหล่านางกำนัลออกไปจนหมด ก่อนจะกวักมือเรียกเจิ้งหยางเจี๋ยให้เข้าไปนั่งใกล้ ๆ กับตน

นางเป็นฮองเฮาของอดีตฮ่องเต้ นอกจากนางแล้ว ในยามนี้เหล่าสนมคนอื่นของอดีตฮ่องเต้ต่างถูกส่งออกไปนอกวังหลวงหมดแล้ว เหลือเพียงนางเท่านั้นที่รั้งตำแหน่งไทเฮาอยู่ในวังหลัง เสิ่นไทเฮามีเจิ้งหยางเจี๋ยเป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวเท่านั้น

นอกจากเจิ้งหยางเจี๋ยแล้ว ยังมีพระโอรสที่เกิดจากกุ้ยเฟยที่สิ้นชีวิตไปแล้วเมื่อสองปีก่อนอีกหนึ่งพระองค์ ยามนี้เขามีตำแหน่งเป็นถึงชินอ๋อง และพำนักอยู่นอกวังหลวง นามว่า เจิ้งจงซวี่

"อาหยางลูกรัก แม่คัดเลือกสตรีเข้าวังหลวงมามากมายนัก พวกนางล้วนมีชาติกำเนิดที่สูงส่ง หากมีเวลาว่าง เจ้าตามแม่ไปดูพวกนางเสียหน่อยดีหรือไม่ หากถูกใจพวกนางคนใดคนหนึ่งขึ้นมา ก็แต่งตั้งเป็นสนมไว้คอยรับใช้เจ้า ดีหรือไม่?"

เสิ่นไทเฮาเอ่ยถามบุตรชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เจิ้งหยางเจี๋ยไม่ได้แสดงท่าทีใดใดออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงพยักหน้ารับคำอย่างส่ง ๆ ไปเท่านั้น

เสิ่นไทเฮาย่อมรู้ทันความคิดของบุตรชายตนเป็นอย่างดี จึงรีบเอ่ยขึ้นมา

"อาหยาง เจ้าควรหาสตรีเข้าวังมาคอยรับใช้ได้แล้ว มิใช่ปล่อยเรี่ยราดเช่นนี้"

เจิ้งหยางเจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที

"ปล่อยสิ่งใดเรี่ยราดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

"หึ!!! อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าเจ้าน่ะเป็นโรคติดมือตนเองเสียแล้ว มิยอมมีสตรีเคียงข้าง แต่กลับใช้มือรูดชักแทนเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน!!!"

เสิ่นไทเฮาเอ่ยด้วยท่าทีขึงขัง เจิ้งหยางเจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง

เขาเพียงชักยามว่างเท่านั้น!!! ก็แค่ ยามเช้า และก่อนนอน!!!

เสด็จแม่รู้ได้เช่นไรกัน!!! ต้องเป็นขันทีใหญ่บัดซบผู้นั้นแน่ ๆ ที่เข้ามาทูลเสด็จแม่!!!

กลับตำหนักเมื่อใดข้าจะสั่งตอนของลับที่เหลือเพียงตอของมันเสีย!!! ตอนซ้ำ ๆ!!! ตอนจนไม่เหลือให้ตอนอีก!!!

เสิ่นไทเฮาที่ได้เห็นท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของเจิ้งหยางเจี๋ยก็รู้ได้ทันทีว่าบุตรชายกำลังโกรธใครสักคนเป็นแน่ จึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้นมาทันที

"เฮ้อ เจ้านี่นะ เป็นแม่เอง แม่เองที่เห็นกับตา!!!"

"เสด็จแม่เห็นหรือพ่ะย่ะค่ะ!!!"

"ใช่สิ!!! แม่เองที่ไปเช็ดลูก ๆ ของเจ้าบนพื้นจนสะอาด ดูสิ!!! มันเลอะเทอะเต็มตำหนักไปหมด เฮ้อ อาหยางแม่แก่แล้ว คงตามเช็ดให้เจ้ามิไหวอีกแล้ว"

"แล้วผู้ใดให้เสด็จแม่ไปทำเล่า!!!"

"แม่เห็นแล้วก็อดมิได้ สงสารหลาน ๆ จึงอยากส่งพวกเขาไปสวรรค์"

เจิ้งหยางเจี๋ยอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เสียตรงนั้น ให้ตายเถิด!!! เสด็จแม่นี่ช่าง!!!

"อาหยาง เจ้าเลือกสนมสักคนเถิด"

"เสด็จแม่ชอบสตรีตระกูลใดก็เลือกมาสักคนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ลูกเหนื่อยแล้ว อยากพักพ่ะย่ะค่ะ"

"ไปเถิด พักกายด้วยเล่า ที่สำคัญพักมือเสียหน่อย อย่าใช้งานมากไปนะลูกแม่"

เจิ้งหยางเจี๋ยถอนหายใจออกมาอย่างสุดจะทน ก่อนจะรีบกลับตำหนักของตนไปทันที

ด้านฟางเพ่ยเพ่ยในยามนี้นั้น นางกำลังครุ่นคิด ว่าจะทำเช่นไรดีจึงจะสามารถหาเงินมาเพิ่มได้ แม้จะยังพอมีอาหารเก็บตุนเอาไว้พอมีชีวิตให้รอดพ้นจากสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้ไปได้ แต่อย่างไรเสียการหามาเผื่อก็ย่อมดีกว่า

เมื่อสองวันก่อน ทางการมาแจกจ่ายเสบียงและเครื่องนุ่งห่ม จึงพอทำให้นางอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง

แม้เหล่าชาวบ้านจะเอ่ยเล่าลือกันว่า ฮ่องเต้ต้าเจิ้งพระองค์นี้จะใจดำอำมหิต ไม่ใส่ใจความเป็นอยู่ของราษฎร แต่ทว่าเท่าที่นางเห็นก็ไม่ใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว

แต่ก็ช่างเถิด นางเป็นเพียงคุณหนูผู้ตกอับ จะใส่ใจเรื่องของผู้สูงศักดิ์ไปเพื่อเหตุใดกัน!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว นางจึงทิ้งกายลงนอนบนเตียงไม้ที่แข็งเสียจนแทบปวดหลัง อย่างไรเสียก็ต้องอดทนไปก่อน ยามเช้าของอีกวันนางจึงจะออกไปหางานทำที่เมืองหลวงต้าเจิ้งเสียหน่อย

เมื่อยามเช้ามาเยือน ฟางเพ่ยเพ่ยจึงเดินทางมายังเมืองหลวงต้าเจิ้งแต่เช้าตรู่ นางตระเวนหางานทำอยู่เกือบครึ่งวัน แต่ก็ยังไม่สามารถหางานได้เลยแม้สักที่เดียว

ด้วยความเหนื่อยล้าอีกทั้งยังหนาวมากอีกด้วย ฟางเพ่ยเพ่ยจึงเข้าไปนั่งในร้านน้ำชาร้านหนึ่ง ก่อนจะสั่งชาร้อนมาดื่มเพื่อดับกระหายและคลายความหนาวลงไปได้บ้าง

ยามนี้ทั่วทุกหนแห่งมีเพียงหิมะสีขาวโพลนที่กองทับถมกันจนหนาตา ฟางเพ่ยเพ่ยเปิดผ้าคลุมหน้าออก ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มอีกคราหนึ่ง แต่ทว่าสายตาของนางก็ไปสบประสานกับคนผู้หนึ่งเข้า

ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพสวรรค์ อีกทั้งยังงดงามราวกับสตรี ตั้งแต่เกิดมานางยังมิเคยพบเห็นบุรุษใดมีใบหน้าสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อนเลย

เพียงมองแค่ไม่นาน ฟางเพ่ยเพ่ยก็รู้ได้ทันทีว่า บุรุษผู้นั้นจะต้องมาจากตระกูลสูงศักดิ์เป็นแน่

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงละสายตาจากเขาเสีย แต่ทว่าราวกับนางถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องอย่างไม่ลดละ

เจิ้งหยางเจี๋ยที่ยามนี้เขาออกมาจากวังหลวง เพื่อตรวจตราความเป็นอยู่ของราษฎร เมื่อสองวันก่อน เขามีรับสั่งให้เหล่าขุนนางนำราชโองการไปติดประกาศเอาไว้ที่ศาลาว่าการ ในราชโองการฉบับนั้น มีเนื้อหาว่า เหล่าบุรุษและสตรีที่มีฐานะยากจนและฐานะสูงศักดิ์ สามารถเข้ามาสมัครเป็นนางกำนัลและทหารรับใช้ได้ โดยไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น เขาต้องการปรับเปลี่ยนระบบราชการใหม่ทั้งหมด และจะทำลายเส้นสายต่ำทรามที่หวังผลักดันบุตรหลานของตนให้เป็นใหญ่ออกไปจากต้าเจิ้งให้หมดเสียที

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงออกมาดูกับตาตนเอง ว่าขุนนางเหล่านั้น ทำงานตามรับสั่งที่เขามอบหมายด้วยความสัตย์ซื่อหรือไม่

หากไม่ทำก็เตรียมตัวรับโทษประหารทั้งตระกูลได้เลย!!!

แต่ทว่าการที่เขาออกจากวังหลวงในวันนี้ ทำให้เขาได้พบกับสตรีนางนั้นอีกครา

เป็นนางจริง ๆ ด้วย!!! เทพธิดาของข้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel