ตอนที่ 3
“เรื่องของชาวบ้านนี่งานเสือกของมึงเลยนะ” ผมด่ามันกลับไปอย่างไม่จริงจัง
“เออน่า~ บอกกูหน่อยเดี๋ยวกูนอนไม่หลับ”
“มึงอยากจะรู้อะไรบ้างล่ะ กูพร้อมให้สัมภาษณ์” เมื่อผมพูดแบบนั้นมันก็ยิ้มกว้างพร้อมกับขยับเข้ามาชิดตัวผม ถ้าสิงได้มันก็คงจะสิงแล้วล่ะ
“ที่มึงเคยบอกกูว่าแม่ใหม่มึงมีลูกติดอ่ะ น่ารักป่ะวะ” หึ! ที่แท้แมร่งก็อยากจะให้ผมหาแฟนให้นี่เอง
“ไม่น่ารักว่ะ” ผมพูดออกไปตามความจริง สมองก็พลันนึกถึงหน้ามัน ตายห่าละ! คำว่าน่ารักคงไม่เหมาะที่จะไปประดับบนหนังหน้ามันหรอก
“กูไม่เชื่อ! ก็มึงบอกว่าแม่ใหม่มึงอ่ะสวยฉิบหาย ลูกออกมาก็ต้องสวยหรือไม่ก็น่ารักดิวะ อย่าโกหกเพื่อน หรือมึงจะเก็บไว้แดกเอง” คิวมันชี้หน้าผม สายตาก็จ้องมองผมเขม็ง
ผลั่วะ!
“แดกพ่อมึงสิ ที่กูบอกว่าไม่สวยอ่ะลูกน้าอรเป็นผู้ชาย หรือมึงจะเอาห๊ะ!” ผมว่าออกมาหลังจากตบหัวมันเสร็จ แต่ก็ไม่ได้ตบแรงมากนักอาจจะสะเทือนถึงลำไส้ใหญ่นิดหน่อยแค่นั้นเอง
“งั้นมึงก็เก็บไว้แดกเองเหอะว่ะ กูยังไม่อยากเป็นยอดชาย” ไอ้คิวลูบหัวตัวเองป้อย ๆ ใบหน้าคมเข้มนั้นก็แสดงสีหน้าเซ็ง ๆ ของตัวเองอย่างไม่ปิดบัง
“แล้วนี่ไอ้บิวกับไอ้ธีไปไหนวะ” ผมถามหาเพื่อนสนิทของผมอีกสองคน
“เห็นมันบอกกูว่าพวกรุ่นพี่เรียกประชุมน่ะ”
“ทำไมคณะเราไม่เห็นมีประชุมเลยวะ” ก็มันจริง เปิดเทอมวันแรกไม่เห็นมีอะไรตื่นเต้นอย่างที่ผมคิดเลย เรียกได้ว่าเงียบกริบจนได้ยินเสียงจิ้งเหลนร้อง
“มึงดูคณะเรากับคณะพวกมันด้วย ว่าเหมือนกันซะที่ไหน” นี่ก็จริงอีก ผมกับไอ้คิวเรียนสถาปัตย์ ส่วนไอ้บิวกับไอ้ธีเรียนวิศวกรรมฯ ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ มันก็ย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา
“เออว่ะ แล้วนี่เรามีเรียนกันกี่โมงวะ” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมกับใช้สายตาส่องขาขาว ๆ ของสาว ๆ ที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะสะดุดเข้ากับสายตาของบุรุษสตรีนางหนึ่งที่ทาปากแดงแจ้ด ที่กำลังส่งสายตาหวานเยิ้มพร้อมกับขยิบตามาให้ผมอย่างเชิญชวน ผมจึงรีบหันหน้าหนีทันทีอย่างนึกสยอง
ที่ผมเห็นนั่นคนใช่มั้ย...ไม่ใช่ปอบแน่นะช่วยบอกผมที
“11 โมง” มันตอบเสียงอู้อี้ขณะนอนฟุบหน้าไปกับโต๊ะ
“เหี้ยนี่มันพึ่งแปดโมงครึ่งแล้วมึงจะรีบโทรตามกูทำไมเนี่ย” ผมบ่นอย่างหัวเสีย ก็เมื่อคืนเต้นมันส์ไปหน่อยเลยเล่นซะเพลียเลย นี่ถ้าไอ้บ้านั่นไม่มาขัดผมก็คงเต้นยันเช้าเลยล่ะ เวลามามหา’ลัยก็คงต้องเดินขาเป๋มาแต่ไกล
“เหอะน่า ตื่นเช้า ๆ จะได้สดชื่น” บอกคนอื่นว่าจะได้สดชื่นแต่มึงดันเหมือนคนติดยาซะเอง เมื่อไม่มีเรื่องอะไรจะคุยแล้ว ผมจึงหยิบมือถืออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อเล่นฆ่าเวลาไปก่อน
20 นาทีผ่านไป
“หวัดดีพวกมึง มาทำไรกันแต่เช้าวะไหนไอ้คิวบอกมีเรียน 11 โมง” ไอ้บิวหนุ่มหน้าหวานทักพวกผมขึ้น เมื่อมันกับไอ้ธีหน้าหล่อที่กำลังแสดงสีหน้าบึ้งตึงเดินเข้ามานั่งกับพวกผมเรียบร้อยแล้ว
“ถามเหี้ยคิวดูดิว่ามาทำไม” ผมตอบมันอย่างเซ็ง ๆ
“ตื่นเช้า ๆ จะได้สดชื่นไงมึง” และนี่ก็คือสิ่งที่เหี้ยคิวมันตอบเหมือนเดิม มันเลิกนอนฟุบหน้าไปกับโต๊ะ แล้วนั่งตรง ๆ
“แดกข้าวเช้ากันมายังอ่ะกูหิว” ไอ้ธีที่หน้ายังคงบึ้งตึงพูดออกมาบ้าง
“ป่ะดิกูก็หิวละ ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะเข้าเรียน” เมื่อพูดถึงของกินผมก็รีบตอบตกลงทันทีโดยกลืนคำถามที่จะถามไอ้ธีลงคอไปให้หมด กองทัพต้องเดินด้วยท้องเว้ย ขืนถามไอ้ธีตอนที่ตัวเองยังไม่มีแรงแบบนี้เผื่อโดนมันพาลเตะปากมาจะได้สู้ได้ ถึงตัวผมจะเล็กกว่ามัน (อยู่มาก) ก็เถอะ
โรงอาหาร
“มึงเป็นไรวะไอ้ธี กูเห็นมึงหน้าบึ้งมาตลอดเลยเนี่ย เมื่อเช้าลืมขี้มาหรือไงวะ” ผมอดถามไอ้ธีไม่ได้เมื่อยืนสั่งข้าวอยู่กับมันสองคน ส่วนไอ้คิวกับไอ้บิวก็ไปสั่งข้าวอีกร้านหนึ่งด้วยกัน
เพื่อนกันเขาคงไม่พาลใส่กันถึงขนาดเตะปากเพื่อนหรอกวะ (มั้ง) ...
“กูมีปัญหากับพี่ว๊ากนิดหน่อยว่ะ” มันตอบออกมานิ่ง ๆ แบบไม่ทุกข์ร้อนแต่สีหน้าก็ยังคงบึ้งตึงไม่หาย
“จริงเหรอวะ!!” ผมถามมันเสียงดังจนแม่ค้าที่กำลงตักข้าวอยู่สะดุ้งทำทัพพีล่วงลงพื้น ทำล่วงผมไม่ว่าแต่อย่าเอาทัพพีอันนั้นมาตักข้าวให้ผมเชียวนะ
“กูจะโกหกมึงทำไมล่ะ” มันหันมามองหน้าผม
“แล้วมีปัญหากับพี่ว๊ากแค่นั้นใช่ป่ะวะ” ผมถามต่อ
“เออ” มันตอบผมสั้น ๆ
“เออดีละที่มึงมีปัญหากับแค่พี่ว๊ากน่ะ ขืนมีกับเฮดว๊ากกูว่ามึงไม่น่ารอด” ผมตบไหล่มันเบา ๆ อย่างดีใจด้วย ก็อย่างที่ทุกคนรู้ คณะวิศวกรรมคนที่น่ากลัวที่สุดในยามรับน้องแบบนี้ก็คือเฮดว๊ากนั่นแหละ รู้สึกดีใจที่ผมเลือกสถาปัตย์ เพราะมหา’ลัยผมคงมีแต่คณะวิศวกรรมที่รับน้องแบบระบบ SOTUS และโหดกว่าที่มหา’ลัยอื่น ๆ จนเป็นที่เลื่องลือแต่ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ เพราะผู้ใหญ่คอยเล็งกันไว้อยู่ตลอด (อันนี้ก็ได้ยินมาอีกที)
