บท
ตั้งค่า

2 หมาหยอกไก่ (2)

“ก็อย่างเช่นพาแฟนมาบ้านอะไรอย่างเนี้ยไง บอกพี่เขาไปเลยนะว่าไม่ต้องเกรงใจ จะทำอะไรก็ทำไปเลย”

“กังวลไม่เข้าเรื่อง” ปฐพีส่ายหน้ายิ้มๆ

“พี่เขาไม่เคยพาสาวมานอนที่นี่เลยเหรอ” ต่อมเผือกเริ่มทำงานทำให้ปฐมาถามพี่ชายอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ก็มีบ้าง แต่ไม่ค่อยมีรายไหนได้มารอบที่สองสักที”

“ทำไมคะ”

“อยากรู้ ไปถามเจ้าตัวเองเลยไป” ว่าแล้วปฐพีก็ลากน้องสาวให้มายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของบ้าน แล้วเอ่ยแนะนำทั้งสองให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ “พี่ติณณ์ครับ แป๋มน้องสาวผม ยายแป๋มนี่พี่ติณณ์เจ้าของบ้าน”

“สวัสดีค่ะ ขอรบกวนด้วยนะคะ ไว้หาห้องเช่าได้เมื่อไหร่...” ปฐมาพูดยังไม่ทันจะจบ ติณณ์ก็เอ่ยแทรก “สมกับเป็นพี่น้อง พูดเหมือนกันเปะ เอาเป็นว่าถ้าสะดวกก็อยู่ที่นี่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ พี่จะได้มีคนช่วยแชร์ค่าน้ำค่าไฟค่าผ่อนบ้าน”

“รู้สึกค่าบ้านจะผ่อนหมดแล้วไม่ใช่เหรอพี่” ปฐพีพูดดักคอด้วยน้ำเสียงขบขัน

“เอ้อ ก็ถือซะว่าช่วยค่าเหล้า ค่ายา ค่าเปย์หญิงละกัน” ติณณ์มองค้อนคนรู้ทัน ก่อนจะยอมรับความจริงออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ขอบคุณมากนะคะ” ปฐมายกมือไหว้เจ้าของบ้านหนุ่มอีกครั้งอย่างซึ้งในน้ำใจแม้หน้าตาที่รกไปด้วยเคราจะดูดุ แต่ในความเป็นจริงชายหนุ่มกลับใจดีอย่างไม่น่าเชื่อ

“ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรมาก อยู่กันอย่างครอบครัว ช่วยกันดูแลทำความสะอาดอะไรพวกนี้แหละ ส่วนกุญแจบ้านก็ให้ไอ้ป้อมไปจัดการหามาให้ละกัน” เขาหมายถึงไปหยิบพวกกุญแจสักพวกที่พวกเพื่อนๆ เขาเคยปั๊มทิ้งเอาไว้ สมัยยังพักอยู่ที่นี่มาให้หญิงสาวได้ใช้

“ครับ” ปฐพีรับคำแล้วเดินไปหยิบห่อข้าวหมูแดงในถุงมายื่นให้เจ้าของบ้านที่ยังนั่งหัวฟูและให้น้องสาวคนละห่อ “สายมากแล้วมากินข้าวก่อน ค่อยไปจัดห้องต่อ”

“มันเหลือเยอะอยู่นะคะ พวกพี่กินไปก่อนละกัน” ปฐมาตอบอย่างไม่อยากจะเสียเวลา และอีกอย่างกลัวหยุดทำแล้วมันจะยาวพานขี้เกียจเอาได้

“แต่นี่มันสายมากแล้วนะ ตั้งแต่เช้าแกยังไม่ได้กินอะไรเลย เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก ตัวยิ่งผอมๆ อยู่ ถามจริงเถอะ วันๆ กินอะไรบ้างหรือเปล่าเนี่ย” ปฐพีถามอย่างอดไม่ได้ เจอกันทีไรทำไมเขารู้สึกว่าน้องสาวเขาตัวเล็กลงๆ ทุกวัน

“ก็กิน...” ปฐมาตอบเสียงแผ่ว แล้วรีบหยิบห่อข้าวแกะใส่จานมานั่งกินอย่างกลัวว่าพี่ชายจะเซ้าซี้ เรื่องอาหารการกินของเธอที่ต้องยอมรับเลยว่ากลัวอ้วนจนไม่กล้าจะกินเยอะทั้งที่บางทีมันเป็นของที่ชอบ

“ชอบไม่ใช่เหรอ กินให้หมดด้วย”

“แต่มันเยอะ”

“ตรงไหน!” สองหนุ่มถามขึ้นพร้อมกัน เพราะข้าวที่ว่าเยอะของหญิงสาวนั้นมันแค่หยิบมือเดียว ถ้าพวกเขากินให้อิ่มคงต้องเบิ้ลกันสามสี่ห่อโน้นแหละ

“แกเป็นโรคคลั่งผอมปะเนี่ย อย่าบอกนะว่ากินแล้วไปล้วงคออ้วก” ปฐพีเริ่มไต่สวนน้องสาวเสียงเข้มอย่างเป็นกังวล

“ใช่ที่ไหนกันเล่า” ปฐมารีบปฏิเสธ “แค่กินไม่ค่อยเยอะเท่านั้นเอง” ว่าพลางใช้ช้อนเขี่ยข้าวโดยไม่ยอมสบตาพี่ชาย

“แล้วอิ่มไหม” ปฐพีถามด้วยสีหน้าจริงจัง เห็นทีคราวนี้เขาคงต้องปฏิวัติการกินของน้องสาวใหม่เสียแล้ว

“ไม่ค่อยค่ะ” ปฐมาก้มหน้าสารภาพความจริงเสียงแผ่ว

นั่นทำให้ปฐพีถึงกับถอนหายใจ ติณณ์หัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าเขาไม่เข้าใจว่าหุ่นผอมแห้งแบบนี้มันสวยตรงไหน มันต้องมีน้ำมีนวลสิมันถึงจะน่าดู

“งั้นจากนี้ไปเรื่องอาหารการกินของแกพี่จะดูแลเอง”

“แต่...” ปฐมาเงยหน้าขึ้นจะเอ่ยแย้ง แต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อพี่ชายชี้หน้าพร้อมกับคาดโทษ

“ห้ามขัด ไม่งั้นพี่จะส่งแกไปให้หมอฉีดยาบำรุงสักเข็มสองเข็ม แล้วนี่ก็กินให้หมด ถ้าไม่หมดห้ามลุกด้วย กิน” สั่งเสร็จปฐพีก็กินข้าวในจานของตัวเองสลับกับส่งสายตาพิฆาตใส่น้องสาวเป็นระยะๆ

“เชื่อสิ กินหมดนี่ไม่ทำให้อ้วนขึ้นมาได้หรอก” ติณณ์เอ่ยเสริมเมื่อเห็นปฐมากินข้าวไปหน้าบึ้งไป

“แล้วถ้าทำอย่างที่พี่ป้อมต้องการแป๋มเกิดอ้วนขึ้นมาล่ะคะ” ปฐมาถามพลางมองค้อนพี่ชายที่นั่งลอยหน้าลอยตา

“พี่รับผิดชอบเอง” ติณณ์รับคำง่ายๆ

“แน่นะคะ” ปฐมาถามกลับยิ้มๆ อย่างไม่คิดอะไรมาก ผิดกับคนเป็นพี่ชายที่ถือช้อนแกว่งไปมาขณะที่สายตานั้นหรี่มองเจ้าของบ้านอย่างจับผิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกินข้าวต่อโดยไม่พูดอะไร จนกระทั่ง...

“หมดแล้ว” ไม่เพียงแค่พูดปฐมายังเลื่อนจานเปล่าที่ไม่เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ดไปตรงหน้าพี่ชาย ก่อนจะเดินถือมันไปล้าง แล้วเดินกลับมา “แป๋มขอขึ้นไปจัดของต่อนะ ถ้าพี่ติณณ์มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะคะ” ตอนท้ายเธอหันไปพูดกับเจ้าของบ้านหนุ่ม ที่เธอรู้สึกว่าเมื่อได้พูดคุยกับเขาแล้วเหมือนจะเข้ากันได้มากกว่าที่คิด

“งั้นช่วย...” ติณณ์ลากเสียงยาว เหล่ตามองปฐพีอย่างมีเลศนัย แล้วหันมายิ้มกรุ้มกริ่มกะลิ้มกะเลี่ยนให้กับปฐมา

“พี่ติณณ์ น้องสาวผมหนีร้อนมาพึ่งเย็นนะครับ ไม่ใช่หนีเสือเพื่อมาปะจระเข้” ปฐพีวางช้อนแล้วรีบกันน้องสาวออกห่าง เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแค่พูดเล่นหรืออะไรกันแน่

“รู้น่า เด็กขนาดนี้ไม่ใช่สเปกหรอก” ติณณ์ปฏิเสธเสียงกลั้วหัวเราะแล้วกินข้าวของตัวเองต่อ เลิกสนใจสองพี่น้องราวกับเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไรชวนให้คิดไปในทางที่ไม่ดี

“เพื่อนพี่คนนี้ไว้ใจได้แน่นะคะ ดูหน้าตาและคำพูดเมื่อกี้แล้ว...” ปฐมาถามพี่ชายทันทีที่เดินผละออกมา จากตอนแรกรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีมีน้ำใจแต่ตอนนี้กลับรู้สึกเริ่มไม่ไว้วางใจขึ้นมานิดๆ แล้วสิ

“พี่เขาพูดเล่นไปงั้นแหละ ถึงหน้าตาจะโหดออกไปทางมหาโจรแต่จริงๆ แล้วใจดี เรื่องบังคับขืนใจผู้หญิงน่ะไม่มีหรอก เชื่อใจได้ อายุปูนนี้แล้ว” ปฐพีเอ่ยปลอบน้องสาว แม้ในใจจะรู้สึกตงิดๆ กับการแสดงออกและการพูดจาคล้ายกับทำเป็นหมาหยอกไก่ของอีกฝ่าย

“อายุปูนนี้...พูดอย่างกับพี่เขาแก่” ถึงอีกฝ่ายจะมีหนวดเฟิ้มดูรกรุงรังไปหน่อยแต่ในสายตาของเธอก็ยังไม่คิดว่าเขาแก่นะ ดูรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ชายของเธอด้วยซ้ำ อีกทั้งยังแอบคิดว่าถ้าเขาเอาพวกมันออกคงทำให้เขาน่ามองมากกว่านี้

“นั่นสินะ สามสิบปลายๆ นี่เขาเรียกแก่ได้ไหมนะ” ปฐพีถามลอยๆ เพราะสำหรับตัวเองเขาคิดว่าผู้ชายที่มีอายุยังอยู่ในหลักสามนี่เรียกว่าเป็นหนุ่มเต็มตัวมากกว่าที่จะเรียกว่าแก่นะ

“สามสิบปลายๆ แล้วมันปลายแค่ไหมล่ะคะ”

“สามหกสามเจ็ดนี่แหละมั้ง ถ้าจำไม่ผิดน่ะนะ”

“สามหก สามเจ็ดเหรอ...” ปฐมาครางพลางคิดคำนวณแล้วตาโต “ห่างจากแป๋มตั้งสิบสี่สิบห้าปีแน่ะ แก่แล้ว...” ก่อนจะยืนยันความคิดของตัวเองเสียงสูง

“สำหรับแก ใครที่อายุมากกว่าเกินสี่ห้าปี ก็แก่หมดนั่นแหละ” ปฐพีส่ายหน้าให้กับความช่างเลือกผู้ชายของน้องสาว อายุน้อยกว่าก็ไม่เอา มากกว่าเกินไปก็ไม่ได้ ต้องพอดีๆ ห่างสักสี่ห้าปีนี่คือสเปก แล้วชาตินี้จะมีผัวกับเขาไหมล่ะนั่น

“ก็แก่จริงๆ นี่คะ” ปฐมาย่นจมูกใส่พี่ชาย

“จ้าๆ แก่ก็แก่ รีบจัดของให้เสร็จนะ พี่จะออกไปซื้อของมาทำอะไรกินเย็นนี้กัน”

“รับทราบค่ะ” ปฐมารับคำแล้วเดินเข้าห้องไปจัดของต่อให้เสร็จ เพื่อที่พี่ชายกลับมาจะได้ไปช่วยงานทางนั้นต่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel