บทที่ 5 เตรียมออกรบ
ชินอ๋องเฉิงอี้เลื่อนตัวหมากไปทางขวา ตรงจุดที่จำลองเอาไว้ว่าเป็นหน้าผาที่มีช่องแคบที่แคบมากเสียจนทหารเพียงสามนายเดินเรียงแถวหน้ากระดานยังเกือบจะไม่รอด ไม่ต้องพูดถึงอาวุธที่ต้องลำเลียงผ่านไปตามเส้นทางนี้ เขาจำต้องคิดหาทางอื่นในการเดินทัพ แต่ทว่าเมื่อมองดูฝั่งแม่น้ำ เขาก็ต้องทอดถอนใจ
ชนกลุ่มน้อยอันเป็นปัญหายืดเยื้อฟื้นคืนจากการปราบปรามเมื่อสามปีก่อนได้อย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าสงสัยว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากชนกลุ่มอื่นเพื่อรวมตัวกันแข็งข้อ แล้วเรียกร้องหาผลประโยชน์ทีหลัง หรือไม่อย่างนั้นก็แคว้นข้างเคียงที่จ้องแต่จะแทงข้างหลัง หากไม่ปราบปรามให้สิ้นซากเสียตั้งแต่ตอนนี้ อาจกลายเป็นเสี้ยนหนามสำคัญที่สั่นคลอนความมั่นคงของแคว้นได้
“การขนส่งอาวุธผ่านทางน้ำย่อมทำได้ยากกว่าทางช่องแคบ” กุนซือเอ่ยเตือน
“แต่หากทำได้ก็จะเร็วกว่ามาก เพราะเป็นทางที่ตัดตรงโดยไม่ต้องอ้อมภูเขา” เขาคิดถึงเครื่องมือหลายชนิดที่น่าจะเอามาใช้ในกรณีนี้ได้ “แม่น้ำสายนี้ไม่ได้เชี่ยวกราก ทั้งยังลึกไม่มากนัก มีส่วนปลายน้ำที่เป็นลำธารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดตั้งค่ายจุดแรก อีกประการหนึ่ง การเดินทัพใกล้แหล่งน้ำจะทำให้เราหาเสบียงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะน้ำดื่ม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ”
“ข้าเองก็มองเห็นความจริงข้อนั้นเช่นกัน แต่หากเกิดข้อผิดพลาด เครื่องมือบางชนิดเมื่อเปียกแล้วจะใช้การไม่ได้ การเดินทวนกระแสน้ำทำให้ทหารเหนื่อยง่าย ตัวเปียก ๆ อาจทำให้พวกเขาเกิดโรคจากความเปียกชื้นนะท่านแม่ทัพใหญ่”
เซียวซีขัดด้วยความนุ่มนวล เขารู้ว่าเฉิงอี้ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นเสมอ แต่การจะเปลี่ยนใจใคร ใช้ไม้แข็งคงไม่ดีนัก และหลายครั้งหลายครา เมื่อไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจท่านอ๋องได้ ก็มีแต่องค์ชายอย่างตนเท่านั้นที่จะทำให้เขายอมรับฟัง
“พวกท่านมีความเห็นว่าอย่างไร”
“ข้าน้อยเห็นด้วยกับท่านแม่ทัพใหญ่นะขอรับ แต่ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่ชัด เราต้องไปดูก่อนว่าพอจะมีเครื่องทุ่นแรงอะไรที่จะนำมาใช้ได้บ้าง”
เซียวซีพยักหน้าเห็นด้วย “หากเครื่องทุ่นแรงเหล่านั้นใช้กับทางน้ำได้ดีกว่า เราก็จะดำเนินการตามวิธีของท่าน แต่ถ้าไม่ เราก็จะใช้วิธีอื่น”
“เช่นนั้นแบ่งคนไปดูเรื่องนี้ด้วย” เฉิงอี้พอใจในคำตอบของทุกคน เขาประชุมในหัวข้อถัดไป ว่าด้วยกลยุทธ์การตั้งทัพหลังจากเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว “ชนกลุ่มน้อยไม่ได้มีปราการที่แข็งแกร่งนัก กองกำลังก็ไม่ได้มากเสียจนกล้าที่จะเข้าโจมตีเราโดยตรง เป็นไปได้ว่าพวกมันจะวางแผนการโจมตีโดยใช้กับดักล่อ หรืออาศัยภูมิประเทศที่ได้เปรียบกว่า”
“เช่นนั้นเห็นจะมีอยู่สองที่ที่น่าจะเป็นไปได้ คือป่าด้านนี้ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มาก” ลี่หยาง รองแม่ทัพ พ่วงด้วยตำแหน่งสหายคนสนิทของท่านอ๋องจิ้มลงไปบนจุดที่ใช้แทนป่าไม้รกครึ้มทางทิศประจิม แล้วเลื่อนนิ้วไปยังจุดถัดไป “และอีกที่หนึ่งคือในหุบเขาอันแห้งแล้งราวกับกำแพงล้อมกรอบทั้งสี่ด้าน”
“หากเป็นหุบเขา พวกมันอาจจะขึ้นไปรอด้านบนแล้วระดมอาวุธสาดเข้าใส่เรา”
“ชนเผ่าใกล้ทะเลทราย ชอบน้ำหรือหุบเขามากกว่ากัน” เฉิงอี้เอ่ยยิ้ม ๆ ด้วยรู้ว่าศึกครั้งนี้ไม่ได้ยากเข็ญนัก เขาจะไม่ประมาท แต่ก็ไม่วิตกจนเสียงานเช่นกัน
“พวกมันจะชอบน้ำ แต่ถนัดในการเดินทัพในที่แห้งแล้ง”
“แล้วพวกมันประเมินเราไว้อย่างไร โง่เขลาถึงขนาดจะเดินเข้าไปในกับดัก หรือพวกมันฉลาดทันแผน รีบแบ่งกำลังออกเป็นสองกอง เพราะรู้ว่าเราจะคาดการณ์การเดินทัพของมันว่ามีสองทางแน่ หรือข้อสาม มันอยากจะตลบหลังเราด้วยการทำสิ่งที่ไม่ถนัด เพื่อจะให้เราแปลกใจและตั้งรับไม่ทัน”
“ข้าคิดว่าควรตัดเรื่องแบ่งกำลังเป็นสองกองออกไป เพราะกำลังพลของพวกมันไม่ได้มีมากขนาดนั้น” เซียวซีหยิบหุ่นที่ใช้แทนข้าศึกออกจากแผนที่มาถือเอาไว้ในมือ
หลายคนในที่นั้นทำเสียงเห็นด้วย
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปทางหุบเขา” เฉิงอี้สรุป เป็นข้อสรุปที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก สายตาทุกคู่จ้องมองมาอย่างกังขา จะมีก็แต่เซียวซีและลี่หยางที่พยายามจะตามให้ทัน
“ขอถามท่านแม่ทัพใหญ่ได้หรือไม่ ว่าเพราะเหตุใดจึงเลือกทางนี้ขอรัับ”
“โดยธรรมชาติของมนุษย์มักจะเย่อหยิ่ง ประเมินตัวเองไว้สูงและคิดว่าผู้อื่นด้อยกว่า จึงมีความเป็นไปได้ว่าข้าศึกคิดว่าเราจะเดินทื่อ ๆ เข้าไปทางนั้น แต่หากมันรู้จักกองทัพหลวง มันจะคิดว่าไม่มีทางเสียหรอกที่พวกแม่ทัพจะไร้เล่ห์เหลี่ยม ปล่อยให้ทหารเดินเข้าหากับดัก มันจึงไปดักอีกทาง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกเราก็จะเดินข้ามหุบเขาอย่างง่ายดาย”
“แต่ท่านกล่าวว่าหากมันรู้จักกองทัพหลวง รู้แสนยานุภาพของกองทัพเรา มันก็น่าจะไม่เสี่ยงสู้รบในภูมิประเทศไม่คุ้นเคย และขอสู้ในพื้นที่ที่ตนเองถนัดแทนหรอกหรือ”
“ก็นั่นอย่างไรเล่า มันจะไปในที่ที่มันคุ้นเคย เราจึงจะตลบหลังมัน โดยการเคลื่อนพลผ่านทางแนวป่า ซึ่งเป็นทางเลือกที่สาม และข้าจะส่งตัวหลอกมุ่งหน้าไปทางหุบเขา เพื่อสร้างร่องรอยของการเดินทัพให้พวกมันตายใจ จากนั้น จะแบ่งการเคลื่อนพลออกเป็นหลาย ๆ หน่วย หากสายสืบของพวกมันดีพอ มันจะเห็นว่าเราแบ่งกำลังพลออก มันจึงจำต้องแยกกำลังพลของตัวเองออกมาเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้น เราจะเข้าโจมตีกองทัพของพวกมันได้อย่างง่ายดาย”