บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 สินค้าพรีเมียม

กันต์วาดลำแขนล่ำสันขึ้นมาวางบนขอบสระเพื่อพยุงกายในน้ำไว้กลายๆ ก่อนจะแหงนศีรษะขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังมืดมิด คืนนี้ฟ้าเปิด ดวงดาวทยอยเปล่งแสงอวดโฉม มันไม่ใช่วันที่แย่หรอก เขาแค่เสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเพียง 2-3 ชั่วโมง หลังจากนั้นเวลาก็กลับมาเป็นของเขา

กลิ่นอายทะเลเป็นกลิ่นเฉพาะ มันช่วยบำบัดความเหนื่อยล้าและผ่อนคลายความตึงเครียดได้เสมอ การได้ใช้เวลาอยู่กับทะเลและท้องฟ้าตามลำพัง สำหรับเขานั้นมันเป็นวิธีเติมพลังที่ดีที่สุด

แกร๊ก!...โครม!

“ว้าย! อุ๊ย!”

เสียงโครมครามดังใกล้ๆ ชายหนุ่มหันขวับไปมองอย่างตื่นตัว แล้วเห็นเงาตะคุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณโต๊ะใกล้สระน้ำ เขามองเห็นเธอไม่ยาก เพราะเธออยู่ในเครื่องแต่งกายสีสว่าง

ลำแขนล่ำสันยันขอบสระเพื่อยกกายเพรียวแกร่งขึ้นมา ก่อนเขาจะเดินไปหาแหล่งเสียงนั้นอย่างว่องไว

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้าง”

เห็นคนนอนเค้เก้อยู่ข้างโต๊ะ เขาก็อดห่วงไม่ได้ เขาไม่ได้เปิดไฟบริเวณนี้ไว้ หากไม่คุ้นเคยแล้วเดินสะเปะสะปะเข้ามาก็เสี่ยงที่จะเป็นแบบหญิงสาว

“เจ็บเข่า เมื่อกี้ฉันล้ม”

ธัญรดีกัดฟันข่มความเจ็บแปลบตรงหัวเข่า เมื่อสักครู่เธอเหยียบผ้าใบหรืออะไรสักอย่างจนลื่นล้ม วินาทีนั้นคิดว่าตนพยุงขอบโต๊ะไว้ได้ทันแล้วเชียว แต่สุดท้ายเธอก็ล้มลงจนได้

“ลุกขึ้นไหวไหม”

“ไหว...ฉันไหว”

ธัญรดีพยายามยันกาย แต่แค่ขยับสะโพกขึ้นได้นิดเดียว เธอก็ต้องกลับมานั่งแหมะบนพื้นเรือดังเดิม

“แน่ใจหรือ”

ไม่เห็นสีหน้าของคนถาม แต่เธอจับกระแสเสียงได้ว่าเขากำลังขำ...เขาขำ ในขณะที่เธอกำลังเจ็บจนแทบน้ำตาเล็ด!

คนไม่มีมารยาท!

“ดูท่าคงไม่ไหว”

เสียงห้าวทุ้มยังดังตามมา ธัญรดีกัดฟันกรอดในขณะที่ยังหอบหายใจ เมื่อสักครู่เธอแค่จะยันกายลุกขึ้นยืน แต่มันก็ทำให้เธอเหนื่อยหอบได้ถึงขนาดนี้

“ฉันขอนั่งตรงนี้สักแป๊บ เดี๋ยวก็หายเอง แต่ตอนนี้มันยังเจ็บแปลบๆ”

เหมือนมีเข็มสักพันเล่มทิ่มแทงที่หัวเข่าพร้อมกัน ถ้าอยู่ตามลำพัง เธอคงแหกปากร้องไห้ระบายความเจ็บออกมาแล้ว

ขณะที่หญิงสาวทอดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ด้วยหวังว่าวิธีนี้จะควบคุมความเจ็บได้ เสียงจากคนที่นั่งยองๆ อยู่ใกล้ๆ ก็ดังขึ้นมาอีก

“แก่แล้ว ข้อเข่าไม่ดี ทีหลังต้องระวัง”

“นี่คุณหาว่าฉันแก่หรือ” ยอมรับว่าเหวอไปเลย เพราะไม่เคยมีใครว่าเธออย่างนี้มาก่อน

“ปีนี้อายุเท่าไรล่ะ”

อยากโต้กลับว่าเธออายุเท่าเขานั่นแหละ ถ้าเขาหาว่าเธอแก่ เขาก็แก่ไม่ต่างกัน หากธัญรดีก็เลือกที่จะปิดปากไว้ เพราะไม่อยากหาเรื่องเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเขา

“แล้วคุณออกมาตรงนี้ทำไม หรือว่าต้องการอะไร”

“ปะ เปล่า” ธัญรดีรีบปฏิเสธคำถามท้าย แต่เมื่อนึกถึงสาเหตุที่พาตัวเองมาล้มแหมะลงตรงนี้ เธอก็ไม่อยากอมพะนำเอาไว้อีก เวลานี้เธอต้องดูแลตัวเอง

“เรือลำนี้มีคนอื่นอีกไหมคะ”

“แล้วคุณเห็นใครหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่มี...ฉันไม่เห็นใคร” ตั้งแต่ขึ้นเรือมา เธอก็เห็นมีแต่เขานี่แหละ ก่อนจะถามเขาเพื่อยืนยันความเข้าใจของตัวเอง “บนเรือลำนี้ไม่มีใครใช่ไหมคะ”

“ไม่มี”

“ไม่มี!? คุณขับเรือเองหรือ”

“ใช่”

“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณล่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นกับผม? หมายความว่ายังไง”

“ไม่...ฉันแค่รู้สึกว่ามันน่ากลัว”

“คุณออกมาเพื่อจะพูดเท่านี้ใช่ไหม”

มันเป็นคำถามที่คนถามคงไม่อยากได้คำตอบ...หญิงสาวตัดสินใจเงียบเสียงลง เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร เวลานี้เก็บปากสงบคำไว้น่าจะดีที่สุด

แน่นอนว่าเธอรู้จักกันต์มาก่อน แต่ไม่ได้คุ้นเคยจนรู้ถึงตัวตนกันและกัน เมื่อจับพลัดจับผลูมาอยู่บนเรือของเขาตามลำพัง เธอก็ยังไม่อาจไว้วางใจเขาได้เต็มร้อย

“จริงๆ คุณห่วงตัวเอง”

เขาพูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะเปลี่ยนอิริยาบถจากการนั่งยองๆ เป็นการเบี่ยงกายไปด้านหนึ่งแล้วนั่งบนพื้นเรือ เขากำลังหันหน้าไปทางทะเล จากมุมนี้เธอจึงเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา...โครงหน้าเด่นชัดของหนุ่มลูกครึ่งย่อมได้เปรียบกว่าหนุ่มเอเชียทั่วไป

เมื่อกวาดสายตามองรูปกายของเขา แม้อยู่ท่ามกลางความมืดสลัว แต่ภาพที่เห็นในระยะใกล้ก็ทำให้ธัญรดีหน้าร้อนผ่าว นึกขอบคุณความมืดที่ช่วยพรางทุกความรู้สึกที่ปรากฏอยู่บนดวงหน้าของเธอ

“แล้วมันผิดอะไรล่ะ ถ้าฉันจะห่วงตัวเอง”

“แปลก”

“อะไรแปลก”

“แปลกที่คุณนึกห่วงตัวเองเอาตอนนี้ ที่ผ่านมาตั้งหลายปี ทำไมไม่เคยห่วง”

“คุณพูดให้ฉันเข้าใจมากกว่านี้ได้ไหม”

เพราะไม่อยากอยู่กับความคลุมเครือ หลังจากผ่านเรื่องชวนช็อกจากนัทธีมาตั้งแต่ตอนเย็น เธอจึงไม่อยากให้คำพูดของกันต์เข้ามาติดค้างอยู่ในหัวอีก

“ถ้าเข้าฝั่งได้แล้ว คุณจะไปไหนต่อ”

“ฉันต้องกลับ…” กำลังจะบอกว่ากลับบ้าน แต่พอนึกว่าบ้านที่เธออาศัยนั้นเป็นบ้านของนัทธี...หญิงสาวจึงเปลี่ยนคำพูดเสีย

“กลับกรุงเทพฯ”

ไม่ว่าอย่างไร เมืองใหญ่แห่งนั้นก็เป็นที่ที่เธออาศัยมาตั้งแต่จำความได้จนถึงเวลานี้

กันต์เหลือบมองคนตัวบางที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ท่าทีของเธออ่านง่าย อาจเพราะเธอกำลังสับสนและจนหนทาง จึงไม่ทันได้กลบเกลื่อนความคิดของตัวเอง

“ผมไม่ได้รับขายฝากบ้านของเขา”

กันต์รู้ว่าธัญรดีอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น เพราะเขาได้ยินตอนที่เธอโต้เถียงกับนัทธี แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาไม่แตะต้องมันหรอก

“ความจริงคุณไม่ต้องบอกฉันหรอก บ้านหลังนั้นเป็นของพี่นัท ฉันแค่อาศัยเขาอยู่ชั่วคราว”

ธัญรดีอ้ำอึ้งบอก ระหว่างเธอกับนัทธีไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะจากสิ่งที่เขาทำกับเธอวันนี้ มันบอกให้รู้ว่าเธอไม่ควรกลับไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นอีก

“คุณไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำวันนี้หรือ”

“รู้สึกอะไรคะ”

ธัญรดีย้อนถามโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ตีรวนหรือกวนเขา แต่เพราะเธอเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองเช่นกันว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้

ถ้ามันเป็นความผิดหวัง…แล้วเธอเคยคาดหวังสิ่งใดจากนัทธี

ถ้าเป็นความเศร้า...ก่อนนี้ความสุขของเธอผูกโยงกับเขาไหม

ถ้าเป็นความเสียใจ...แล้วความดีใจของเธอเกิดจากเขาสักกี่ครั้ง

หญิงสาวเพิ่งได้ตั้งคำถามกับตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel