บทย่อ
'ลูกหน้าตาเหมือนผมหรือครับ?' 'เหมือนอย่างกับแกะ คุณดูจมูกแกสิ แล้วผิวก็แดงไปทั้งตัว โตขึ้นมาเจ้าด้าคงมีผิวขาวเป็นฝรั่งมากกว่าจะมีผิวสีน้ำผึ้งเนียนอย่างแม่เขา' กันต์ตั้งใจมองมากขึ้นเมื่อป้ารพีบอกว่าลูกหน้าตาเหมือนเขา ขณะเดียวกันก็ปรายตามองแม่ของลูกที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาอยากกอดเธอให้สมกับความคิดถึง แต่ติดที่ป้ารพียังประกบเขาอยู่ตลอด ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างทารกน้อย เขาโน้มตัวไปมองแกใกล้ๆ แล้วยิ้มชอบใจ แปลกดีแฮะ มองไปมองมา เจ้าก้อนในห่อผ้านี่ก็น่ารักเหมือนกัน ป้ารพีมองการพบกันครั้งแรกของพ่ออยู่อย่างขำระคนเอ็นดู ส่วนคนเป็นแม่ที่นอนอยู่ไม่ห่างกลับรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไปทั้งตัว ดีนะที่ป้ารพียังอยู่ตรงนี้ด้วย... * นิยายชุด ปาป๊าตามหารัก * 1. ติรยาคว้ารัก (คุณธาม+ปลากริม) 2. ต้านรักธัญรดี (คุณกันต์+หนูดี) 3. นิวราปรารถนาเพียงเธอ (คุณเจตน์+มะนาว)
บทที่ 1 เธอคนนั้นที่เขา (ไม่) เคยคิดจะรัก
เมื่อคนจนตรอก แล้วจะปล่อยธาตุแท้ออกมาเอง...
กันต์กำลังมองผู้ชายร่างสันทัดผิวสีแทนที่ช่วยดึงแขนผู้หญิงจากเรือเร็วให้ขึ้นมาบนเรือสำราญ ท่าทีลุกลี้ลุกลนของฝ่ายชายมันช่างน่าขัน หลุดมาดสุขุมจนไม่เหลือ
ส่วนผู้หญิงนั้น ภาพจำครั้งสุดท้ายที่ยังพิมพ์อยู่ในหัวกับที่เขาเห็นในเวลานี้...อย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ว่าผ่านไปสักกี่ปี ธัญรดีก็ยังเป็นเหมือนเดิมสิน่า
ต้วมเตี้ยม ซื่อ และไม่ทันใคร...เป็นเธอได้อย่างคงเส้นคงวา
การขึ้นเรือสำราญที่ทอดสมออยู่กลางทะเลอันดามันของคนทั้งคู่ กันต์เชื่อว่าธัญรดีคงตกกระไดพลอยโจน...แต่เขาจะเล่นตามเกมของนัทธีสักตั้ง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว
“คุณนัทมีธุระอะไรจะคุยกับผมหรือครับ”
กันต์เดินเข้าไปในโถงเรือสำราญ แล้วถามเป็นเชิงประกาศตัวกรายๆ หลังจากปล่อยให้หญิงชายที่เพิ่งมาใหม่กวาดสายตามองรอบๆ เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่นานนับนาที
นัทธีเบิกตากว้างขึ้น...มันมีทั้งความดีใจที่เห็นเขา ขณะเดียวกันกันต์ก็เห็นความหวาดหวั่นเจือเข้ามาด้วย
ส่วนผู้หญิงที่เขาลอบกวาดสายตาสำรวจมาตั้งแต่ต้นนั้น วินาทีแรกกันต์เห็นความสงสัย เรียวคิ้วโก่งของเธอมุ่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ หากยังมีอีกอารมณ์ที่ปนเข้ามา ซึ่งในทีแรกเขาไม่มั่นใจนัก จนกระทั่งนัทธีเรียกชื่อของเขา ดวงตาของเธอจึงปรากฏรอยตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด...เขาไม่ได้คิดไปเอง
“คุณกันต์! ขอบคุณมากนะครับที่ให้ผมมาพบ ผมกำลังมืดแปดด้าน ผมมองไม่เห็นใครอีกแล้วนอกจากคุณ”
น้ำเสียงละล่ำละลักนั้นทำให้หญิงสาวเบนความสนใจไปหา ดวงตาหวานทอประกายงุนงง…แน่ละสิ กันต์คิดไว้แล้วว่าคนอย่างธัญรดีมีหรือจะตามนัทธีได้ทัน
“เข้าเรื่องเลยดีไหมครับ เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว ผมตั้งใจจะดูพระอาทิตย์ตกดิน เดี๋ยวธุระของคุณไม่จบ ผมจะพลาดจังหวะสำคัญของผม”
กันต์ยกนาฬิกาเรือนแพงบนข้อมือขึ้นมาดูเวลา แล้วปรายตามองนัทธีเป็นเชิงเร่ง เขาตั้งใจที่จะไม่มองหญิงสาว แม้รู้ว่าเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ก็ตาม
“ผม เอ่อ...ต้องการความช่วยเหลือจากคุณกันต์ ผมต้องการเงินห้าล้าน ผมมีบ้านมาค้ำกับคุณ มีคนบอกว่าคุณรับจำนองบ้าน”
ทันทีที่นัทธีพูดจบ เสียงหวานเจือความตระหนกก็ดังสวนขึ้น
“พี่นัท…บ้านหลังไหนคะ”
“หนูดี! เงียบก่อนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันทีหลัง”
นัทธีบอกเสียงดุ เขาตั้งความหวังกับช่องทางหาเงินในคราวนี้ไว้เต็มร้อยจนไม่ได้เผื่อใจว่าอาจผิดหวัง ดังนั้นเขาจึงจดจ่ออยู่แค่ผู้ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า แม้ที่ผ่านมาเขาจะหมั่นไส้คนคนนี้นักหนา แต่เวลานี้ต่อให้ต้องก้มกราบเพื่อแลกกับเงินห้าล้าน...เขาก็ยอม
“ผมมีโฉนดบ้านมาด้วย ถ้าคุณจะทำสัญญาตอนนี้ ผมก็พร้อม”
นัทธีทำท่าจะดึงแผ่นกระดาษในถุงที่ถือมาด้วยเพื่อยืนยันความพร้อมของตัวเอง แต่กันต์พูดดักไว้ก่อน
“ไม่จำเป็นครับ ผมเลือกทรัพย์ที่จะรับจำนอง ผมไม่เลือกชิ้นเล็ก เพราะเสียเวลาจัดการ แล้วผมก็เดาว่าบ้านที่คุณเอามาจำนอง ราคาจริงอาจไม่ถึงห้าล้านด้วย”
กันต์พูดอย่างไม่ไว้หน้า ซึ่งคนที่ได้แต่ทำหน้าตาเหลอหลาในตอนแรกนั้นดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว เธอหันไปหาคนที่ยืนอยู่เคียงอยู่ข้างกัน
“พี่นัทจะจำนองบ้านที่หนูดีอยู่หรือคะ แล้วพี่จะเอาโฉนดมาจำนองกับเขาได้ยังไง บ้านยังติดแบงก์อยู่ไม่ใช่หรือ หนูดีก็จ่ายค่างวดให้พี่ทุกเดือนอยู่แล้ว”
คำถามของธัญรดีไม่มีคำตอบ เพราะคนที่ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องตอบนั้นได้แต่อึกอัก
กันต์กระตุกเรียวปากหยักอย่างอดขำไม่ได้ เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนคู่นี้ แต่เห็นชัดเจนว่าธัญรดีไม่ได้รับความจริงใจจากนัทธีสักเท่าไร
เจ้าของเรือยอร์ชลำหรูเบนสายตาไปทางอื่น หวังจะให้เวลาคู่รักพูดจาตกลงกันเอง
ธัญรดีคว้าบาร์เครื่องดื่มเอาไว้ทันก่อนที่เธอจะทรุดกองกับพื้นเรือ ไม่รู้ว่าเรือกำลังโคลง...หรือเป็นเพราะเธอใกล้จะเป็นลมกันแน่
แรกทีเดียวที่เห็นผู้ชายซึ่งเพิ่งเดินจากโถงเรือออกไป ธัญรดีก็แทบหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะเกิดอาการประหม่า หากวูบหนึ่งนั้นอารมณ์ตื่นเต้นและดีใจกลับพุ่งสวนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ มันช่างน่าตำหนิตัวเอง กระทั่งสติคืนกลับมา เธอถึงได้รู้ว่านัทธีกำลังจะทำอะไร และนั่นก็ทำให้เธอเกิดความอดสูขึ้นมาในใจ นึกอับอายเขาคนนั้นขึ้นมาครามครัน
“หนูดีงงไปหมดแล้ว พี่นัทบอกหนูดีให้เข้าใจได้หรือยังคะว่าทำไมเราต้องมาที่เรือลำนี้ แล้วพี่กำลังเสนออะไรให้คุณคนนั้น”
“คุณกันต์เป็นเพื่อนของหนูดีไม่ใช่หรือ”
เพื่อนอย่างนั้นหรือ...ธัญรดีรู้สึกแปลกกับคำคำนี้ เธอไม่เคยคิดว่ากันต์เป็นเพื่อนของเธอเลยสักครั้ง
“ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นคนรู้จัก...เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนหนูดีอีกที”
เพราะกันต์ไม่อยู่ตรงนี้ ธัญรดีจึงพูดได้เต็มปาก และมันก็ตรงกับใจของเธอด้วย
“ยังไงหนูดีกับเขาก็คุ้นเคยกัน หนูดีช่วยพี่พูดกับเขาด้วยนะ พี่ต้องการเงินห้าล้าน และตอนนี้หนูดีก็ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น พี่ขอแค่หนูดีช่วยพูดให้คุณกันต์รับจำนองบ้านของเราก็พอ”
“สรุปว่าบ้านไม่ได้ติดจำนองแบงก์ใช่ไหมคะ แล้วที่พี่นัทให้หนูดีจ่ายค่างวดอยู่ทุกเดือนล่ะ มันคืออะไร”
“ทำไมหนูดีต้องถามจุกจิกด้วย เรากำลังจะแต่งงานกัน หนูดีช่วยพี่บ้างจะเป็นไรไป บ้านหลังนั้นพี่ก็ให้หนูดีอยู่คนเดียวมาตลอดอยู่แล้ว”
ก้อนแข็งๆ ตีตื้นขึ้นมาถึงลำคอ ธัญรดีไม่รู้จะโต้นัทธีอย่างไร
มันมีบางเรื่องที่ติดอยู่ในใจ เธอได้แต่ปัดมันออก โดยบอกตัวเองว่าอย่าคิดเล็กคิดน้อย มองข้ามอะไรได้ก็ทำมันเสีย...แต่ดูเหมือนนัทธีจะไม่พยายามทำให้เธอสบายใจขึ้นมาสักนิด
ที่ผ่านมาเธอยินดีช่วยเขา ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เธอทุ่มเต็มกำลังเสมอ...แต่คราวนี้เธอทำไม่ได้จริงๆ
“ถ้าหนูดียังทำตามที่พี่นัทบอก ทำทั้งที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง หนูดีก็คงเป็นคนที่โง่มาก”
“หนูดีพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“หนูดีไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองด้วยซ้ำ ทำไมเราต้องมาอยู่ในเรือลำนี้ ทั้งที่เรามาพักร้อนกัน พี่นัทให้ของขวัญกับหนูดีเป็นทริปพักร้อนที่อ่าวนาง แต่พอมาถึง พี่นัทก็พาหนูดีนั่งเรือเร็วมาที่นี่ พาหนูดีมาเจอกับอะไรก็ไม่รู้”...และมันแย่ที่สุดตรงที่เธอต้องมาเจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอกันอีกในชีวิตนี้ด้วย!
ไม่เคยมีสักขณะจิตที่ธัญรดีคิดว่าจะได้หวนมาเจอกันต์หลังจากทั้งคู่เรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้ว เพราะเส้นทางคนธรรมดาอย่างเธอไม่น่าจะมีเหตุให้มาบรรจบกับคนระดับเขา...ลูกเศรษฐีใหญ่ที่แวดล้อมด้วยเพื่อนฝูงระดับเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นภาพของกันต์ที่ธัญรดีจดจำได้ตลอดมา
คนในโถงเรือสำราญยังคงปล่อยให้ความเงียบแทรกกลางนานหลายนาที คนที่นั่งจิบเบียร์เย็นๆ อยู่ด้านนอกซึ่งเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลานั้นจึงตัดสินใจลุกจากเก้าอี้ผ้าใบแล้วกลับเข้ามาด้านใน
“ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว พวกคุณนั่งเรือเร็วกลับเข้าฝั่งก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าช้ากว่านี้มันจะลำบากนะครับ”
เป็นการไล่ที่สุภาพที่สุด...คนหน้าหวานถึงกับดวงหน้าร้อนเห่อ ส่วนอีกคนนั้นดูเหมือนยังสัมผัสถ้อยคำนี้ไม่ได้ เพราะเขาจดจ่ออยู่แค่ความต้องการตัวเอง...และมันยังไม่ได้รับการตอบสนอง
“คุณกันต์ช่วยผมนะครับ ผมต้องการเงินจริงๆ ถ้าไม่ได้เงินกลับไปคราวนี้ ผมต้องตายแน่ๆ”
ท่าทีร้อนอกร้อนใจของนัทธีนั้นทำให้กันต์นิ่วคิ้วสงสัย ซึ่งไม่ต่างกับความรู้สึกของธัญรดี แต่ยามนี้เธอข่มใจไม่ยอมรับรู้ความเป็นไปของนัทธีไปแล้ว
“คุณกำลังร้อนเงิน?…เจ้าหนี้ที่ไหนกันล่ะ”
“ผม...”
นัทธีอึกอัก พลันฉุกคิดว่ากันต์กำลังต้อนให้ตนรู้สึกต่ำต้อย ทั้งที่เขาไม่ได้มาขอเงินฟรีๆ หากแต่มีของมาแลกเปลี่ยน ซึ่งเขาควรจะได้รับการต้อนรับในฐานะคู่ค้าด้วยซ้ำ!
“ว่ายังไงครับ”
กันต์ถามเสียงเนิบ ท่าทางเรื่อยเฉื่อยไม่ต่างกับน้ำเสียง หากสำหรับผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในที่นั้นซึ่งคอยลอบมองอยู่ เธอกลับคิดว่าแลคล้ายท่าทีของเสือร้ายที่คอยจ้องตะครุบเหยื่อมากกว่า