บทที่ 4 เด็กในบ้าน
กว่าฝนหลงฤดูจะหยุดตกก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว หลังจากที่นั่งทำงานอยู่ในบ้านจนรู้สึกเมื่อยขบ ธามก็เดินออกมาพร้อมกับเบียร์เย็นเฉียบกระป๋องที่สองของวันนี้
เขาขึ้นไปนั่งบนราวระเบียงตรงจุดเดิม แล้วทอดสายตามองเบื้องหน้า พลางปล่อยสมองให้โล่งโปร่งหลังจากใช้ความคิดมาทั้งวัน
ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะมีอารมณ์สุนทรีมากพอที่จะนั่งชมหยาดฝนที่พร่างพรมบนยอดหญ้าเป็นเวลานานๆ อย่างเช่นตอนนี้
กระทั่งเห็นภาพเคลื่อนไหวเบื้องหน้าไกลๆ เขารู้ว่ามีคนกำลังเดินอยู่ในเส้นทางที่เชื่อมมาจากบ้านใหญ่ หากเพ่งสายตามองอย่างไร เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเจ้าหล่อนคนนั้นเป็นใคร
เสียงฮัมเพลงที่ลอยตามลมทำให้เรียวปากหยักของชายหนุ่มกระตุกยิ้ม แล้วเห็นเจ้าตัวหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังเพ่งมองมาทางนี้ เมื่อนึกสนุก ธามจึงกวักมือเรียก
เธอคนนั้นเดินมาหาหลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่หลายวินาที และชายหนุ่มก็ใจเย็นพอที่จะนั่งจิบเบียร์เย็นๆ รอ กระทั่งเจ้าตัวเดินมาจนใกล้ แล้วถามเขาอย่างไม่มั่นใจนัก
“คุณธามเรียกหนูหรือคะ”
“ใช่ แล้วเธอหิ้วอะไรมาด้วย”
ชายหนุ่มถามหลังจากกดสายตามองของในมือของเธอ
“อ๋อ! ปิ่นโตใส่กับข้าวค่ะ แม่ครัวที่บ้านใหญ่ให้มา เมื่อกี้หนูเอาน้ำซุปกระดูกหมูที่ป้าขวัญเคี่ยวตลอดทั้งบ่ายไปให้ เขาเลยให้อาหารมื้อเย็นแลกกัน”
เจ้าตัวตอบเสียงใส มองๆ ไปธามก็นึกเอ็นดู เขาจำได้ว่าเด็กคนนี้อยู่ในบ้านตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ไม่รู้แน่ชัดว่าเธอเป็นลูกหลานของคนงานคนไหนหรือเปล่า เผลอแป๊บเดียวเจ้าตัวก็โตเป็นสาว แถมหน้าตายังหมดจดดีเสียด้วย
“แล้วของฉันล่ะ”
เมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนช่างพูดช่างคุยไม่ใช่เล่น ธามจึงสนุกที่จะถามต่อ
“มื้อเย็นของคุณธามหรือคะ คุณธามไม่มีข้าวกินหรือ”
“อย่างนั้นก็ได้”
“อ้าว! แล้วทำไมเขาไม่ทำมาให้คุณธามกิน เดี๋ยวหนูโทร.บอกแม่ครัวให้ส่งคนเอามาให้นะคะ”
เจ้าตัวดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขาอยู่ไม่น้อย ทำท่าจะล้วงหาบางสิ่งในกระเป๋ากางเกง ธามจึงรีบพูดตัดบทเสีย
“เอากับข้าวในปิ่นโตมาให้ฉันก่อนสิ แล้วเธอค่อยไปหาใหม่”
“คงไม่ได้ค่ะ นี่เป็นของพี่กริม”
“พี่กริม?”...รู้ละว่าเป็นใคร แต่แสร้งทำท่าสงสัยไปอย่างนั้น
“ใช่ค่ะ คุณธามไม่รู้จักพี่กริมหรือคะ พี่กริมเป็นหลานสาวของคุณพิงก์ค่ะ”
“ฉันเคยเห็นเขา ฉันพอรู้จัก”
“นั่นแหละค่ะ แม่ครัวให้หนูเอาปลาสลิดทอดกับน้ำพริกลงเรือมาให้พี่กริม เพราะรู้ว่าพี่กริมชอบกิน”
“แล้วเธอได้กินด้วยหรือเปล่า หรือว่าเขาลำเอียง ให้แต่พี่กริมของเธอคนเดียว”
“ไม่ลำเอียงนะคะ ถ้าครัวใหญ่ให้อะไรมา หนูก็ได้กินด้วยเหมือนกัน แค่พี่กริมไม่ค่อยไปที่บ้านใหญ่ เลยไม่ได้เจอใครที่นั่น เขาเลยฝากหนูมาให้แทน”
นอกจากแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจแทนเขาว่าอาจไม่มีข้าวมื้อเย็นกิน เจ้าตัวยังออกหน้าปกป้องผู้หญิงคนนั้นแบบทุ่มสุดตัวอีกด้วย
“น้าสาวของเขาอยู่ที่บ้านใหญ่ทั้งคน”
ธามพูดเปรย หากคาดหวังจะได้ยินเรื่องเล่าจากปากของมะนาวต่อ และเขาก็ไม่ผิดหวังเสียด้วย
“เพราะคุณพิงก์อยู่ที่บ้านใหญ่ พี่กริมก็เลยเกรงใจ ไม่อยากไปกวนคุณพิงก์ค่ะ”
“งั้นหรือ ดูเธอรู้เรื่องของพวกเขาดีนะ”
“หนูรู้นิดเดียวเองค่ะ”
เพราะเพิ่งถูกป้าขวัญปรามเรื่องนี้มาหยกๆ มะนาวจึงพอรู้ทันว่าคำพูดของธามอาจไม่ใช่คำชมทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อเห็นเจ้าตัวตีหน้าแหยพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างทำตัวไม่ถูกเป็นครั้งแรก ทั้งที่ยืนพูดจ๋อยๆ เป็นนานสองนาน ธามจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเสียใหม่เพื่อคลายบรรยากาศ
“พี่กริมของเธอไม่ทำงานหรือ เอ่อ...ฉันคิดว่าเขาน่าจะเรียนจบแล้ว แต่ไม่เห็นเขาออกจากบ้านไปไหน หรือว่าเขาช่วยทำงานบ้านเหมือนเธอ”
“พี่กริมทำงานแล้วค่ะ พี่กริมทำขนมขายผ่านทางเพจและไอจี ขายดีด้วยค่ะ มีคนสั่งซื้อทุกวันเลย นี่ขนาดจำกัดลูกค้าเฉพาะละแวกนี้แล้วนะคะ เพราะจะได้นัดส่งของกันง่ายๆ”
เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้น...นี่เป็นเรื่องที่เขาเพิ่งรู้
“เขาทำขนมขายหรือ”
“ใช่ค่ะ พี่กริมทำขนมเก่ง ทำให้คนบ้านใหญ่กินบ่อยๆ ด้วย เอ…นั่นสินะ คุณธามยังไม่เคยกินฝีมือพี่กริมเลยนี่นา”
มะนาวตอบ แล้วพูดเองเออเองต่อ ก่อนจะสรุปปิดท้ายอย่างที่ทำให้ธามต้องเลิกคิ้วประหลาดใจจนต้องถามออกมา
“ทำไมฉันต้องกิน”
“อ้าว! ก็ขนมอร่อยไงคะ ใครๆ ก็กิน คุณเจตน์ยังเคยกินเลย”
“เจตน์เคยกินหรือ”
เมื่อทวนถามไปแล้ว ธามก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าตนกำลังรู้สึกอย่างไร
พี่ชายที่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน แต่ก็เคยกินขนมฝีมือของผู้หญิงคนนั้น
“ใช่ค่ะ คุณเจตน์เคยกินตั้งหลายหนแล้ว”
มะนาวย้ำอย่างต้องการการันตีฝีมือของติรยาว่าไม่ธรรมดาจริงๆ นะ...หากเหมือนกับว่ามันจะใช้ไม่ได้ผล
“แต่ฉันไม่อยากกิน”
“อ้าว! เสียดายจัง”
ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเสียดายอะไร ธามไม่อยากรู้ เขาจึงไม่ได้ถาม ได้แต่โบกมือไล่เจ้าตัวให้กลับไป หากก็ให้เหตุผลว่าคนที่บ้านพักจะได้ไม่รอนาน เพื่อไม่ให้เจ้าตัวเสียน้ำใจที่จู่ๆ เขาก็หมดอารมณ์ที่จะคุยด้วย ทั้งที่เป็นฝ่ายเรียกให้มาหาเอง
มะนาวหิ้วปิ่นโตเดินกลับไปทางเดิมอย่างไม่อิดออด กระนั้นเธอก็ต้องหยุดฝีเท้ากึกเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง ก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปทั้งตัวเพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองฟังไม่พลาด
“ถ้าฉันอยากกินขนมฝีมือพี่กริมของเธอ ฉันจะบอกก็แล้วกัน”
มะนาวยิ้มแต้...รีบตกปากรับคำทั้งที่ยังไม่ได้ถามความสมัครใจของคนทำขนมสักนิด
หกนาฬิกาเป็นเวลาตื่นนอนในทุกวันของติรยา ขณะที่หญิงสาวเตรียมข้าวของอยู่ในครัวเพื่อทำขนมตามออร์เดอร์ของวันนี้ เธอก็ได้ยินเสียงจากคนที่ชะโงกหน้ามาบอกจากประตูห้องครัว
“พี่กริม คุณธามให้ไปหาที่บ้านของเขา”
“คุณธามหรือ”
สีหน้าของติรยาแสดงความประหลาดใจแกมงุนงงสุดฤทธิ์ จะว่าไปมันก็ไม่ต่างจากคนที่นำเรื่องมาบอกนั่นแหละ
“ใช่ค่ะ อย่าถามหนูว่ามีเรื่องอะไร เพราะหนูกับป้าขวัญก็ง้งงง จู่ๆ เขาก็โทร.มาบอกป้าขวัญว่าอย่างนี้ แล้วป้าขวัญก็ให้หนูมาบอกพี่กริมนี่แหละ”
ติรยานึกหาสาเหตุที่ทำให้ลูกชายคนรองของคุณภัทรเรียกเธอให้ไปพบ
เมื่อวานก็เจอที่หน้าประตูรั้วแป๊บเดียว ไม่น่าจะมีเหตุให้เขาเรียกเราไปพบ...
เมื่อถามตัวเองว่าทำอะไรให้ธามขัดใจหรือเปล่า ติรยาก็ยืนยันได้เลยว่าแม้จะไม่พอใจที่เขาขับรถเกือบจะชนเธอตอนที่เธอเปิดประตูรั้วให้เขา แต่เธอก็มั่นใจว่าไม่ได้แสดงอารมณ์ออกไปให้เขาเห็นแน่นอน...เพราะตอนนั้นเธอแค่บ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นเรื่อง...”
มะนาวโพล่งออกมาแล้วรีบยกมือขึ้นปิดปาก เมื่อติรยาเบือนหน้าไปหา หวังจะได้รับความกระจ่าง หากเจ้าของคำพูดก็ผลุบหายไปจากบานประตูเสียแล้ว
“เมื่อกี้มะนาวจะพูดอะไร”
เมื่อเดินไปชะโงกหน้ามองหา ก็พบว่าไร้วี่แววของสาวรุ่นน้อง ติรยาจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ เธอเดินกลับเข้าไปในครัว แล้วเก็บส่วนประกอบในการทำขนมให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะล้างมือให้สะอาดเพื่อไปพบเจ้าของคำสั่ง
พอนึกไป ติรยาก็บอกตัวเองว่าโชคดีที่เมื่อวานเขาแสดงกิริยาไม่ดีออกมาให้เห็นเสียก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงเพ้อหาอย่างเป็นบ้าเป็นหลังไม่มีวันจบสิ้น...และถ้าความรู้สึกนั้นยังอยู่ในใจ แน่นอนว่าเธอคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาอย่างเช่นเวลานี้แน่นอน
“เมื่อวานเด็กบอกว่าเธอทำขนมเก่ง”
คำพูดแรกของเจ้าของบ้านที่อยู่ในเครื่องแต่งกายพร้อมจะออกไปทำงานดังขึ้น และ ‘เด็ก’ ที่เขาอ้างถึงนั้นก็ทำให้สมองของติรยาแล่นปราดจนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรได้ในเสี้ยววินาที
“ฉันพอทำได้ค่ะ”
“ฉันอยากกิน”
“ขนมนี่หรือคะ”
ติรยาถามย้ำ เพราะไม่มั่นใจว่าขนมที่เธอถนัดทำจะเป็นแนวที่ธามนิยมรับประทานหรือเปล่า
“ใช่”
“แล้วคุณอยากกินขนมอะไรคะ”
ถามกันไปเลย เพราะถ้ามันเกินความสามารถ เธอจะได้ปฏิเสธ
“อืม...ไซเดอร์”
“ไซเดอร์หรือคะ มันไม่ใช่ขนมนี่คะ”
“แล้วเธอทำได้หรือเปล่า”
“ฉันไม่เคยทำค่ะ”
ติรยาบอกไปตามความจริง แม้รู้ว่าหากจำเป็นต้องทำเครื่องดื่มจากน้ำหมักของผลไม้ มันก็ไม่เกินความสามารถของเธอ
“เธอทำขนมอะไรได้บ้าง”
“ฉันถนัดแต่ขนมไทย”
ติรยาบอกชัดถ้อยชัดคำ เพราะเชื่อสุดใจว่าคนอย่างธามคงไม่ชอบกิน
“ฉันจะกิน...ขนมปลากริม”
ชื่อขนมที่หลุดออกมาทำให้ชายหนุ่มงุนงงไปเหมือนกัน อย่าว่าแต่อยากกินจริงๆ เลย ให้นึกหน้าตาของมัน เขาก็ยังนึกไม่ออก
หากเมื่อมองคนที่ยืนปักหลักอยู่ตรงหน้าบ้าน เธอรักษาระยะห่างจากเขาเป็นอย่างดี ธามก็ต้องเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเห็นเธอตีสีหน้าแปลกประหลาด และถ้าตาของเขาไม่ฝาด พวงแก้มอิ่มนั้นกำลังจุดสีแดงเรื่อจนลามถึงลำคอ...และวินาทีถัดมา ธามก็แทบเขกกะโหลกตัวเอง
ตอนนี้รู้แล้วว่าขนมปลากริมหลุดจากปากของเขาได้อย่างไร ก็มันเป็นชื่อของผู้หญิงคนนี้อย่างไรล่ะ!
ดวงหน้าหล่อเหลายังคงปั้นได้เรียบเฉย ซึ่งต่างจากอีกคนที่เก็บอาการได้อย่างยากลำบาก
“ฉัน...จะทำมาให้ก็แล้วกันค่ะ”
จบถ้อยคำนั้น ร่างกลมกลึงน่ามองก็จ้ำกลับไปทางเดิมสู่บ้านพักคนงาน หากคนร่างสูงใหญ่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านเช่นเดิม