ติรยาคว้ารัก

87.0K · จบแล้ว
นลพรรณ
44
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธออาศัยอยู่ในบ้านมานาน เขาเห็นเธอตั้งแต่เป็นนักศึกษา เดินสวนกันไปมาตั้งหลายครั้ง ไม่เคยเลยที่เธอจะสะดุดตาเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานถึงห้าปี จู่ๆ เธอก็ทำให้หัวใจของเขากระตุก... -------------------------------- ‘คุณธามเคยคิดจะแต่งงานไหมคะ’ คนถูกถามเงียบไป...เหมือนกับว่าคำถามนี้ยากเกินไปสำหรับเขา ‘แล้วถ้าเรามีลูก...’ ‘จะมีได้ยังไง ฉันป้องกัน’ คำถามที่สองได้รับคำตอบทันที เหมือนว่าคำตอบนี้มันถูกเตรียมรอไว้อยู่แล้ว เจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ มีคำพูดเป็นล้านคำที่ติรยาอยากบอกเขา แต่เมื่อเขายืนยันว่าอย่างนั้น เธอจึงเลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัวเอง --------------------------------- ‘ลูกของเรา...ชื่ออะไร’ ติรยานิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบคำถาม จนธามต้องถามซ้ำ ‘แกชื่ออะไร’ ‘คุณถามถึงใคร’ ‘ลูก...’ หญิงสาวถลึงตาใส่ ขณะที่ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อย่างยอมรับ...แล้วเปลี่ยนคำเรียกขานลูกตัวเอง ‘ยายหนูชื่ออะไร’ ‘พริมโรส...เรียกโรสก็ได้ค่ะ’ ‘โรสหรือ โรสของพ่อ’ เสียงห้าวทุ้มสั่นพร่า หากดวงตาหวานเขียวปัด เธอยังไม่ซึ้งกับความเป็นพ่อของเขาหรอกนะ ------------------------------------------- นิยายชุด ปาป๊าตามหารัก 1. ติรยาคว้ารัก 2. ต้านรักธัญรดี 3. นิววราปรารถนาเพียงเธอ

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันประธานคนต่ำต้อยพลิกชีวิตนางเอกเก่งโตมาด้วยจีบเมียเก่าพาลูกกหนีคนธรรมดา

บทที่ 1 เก็บไว้ในใจฉัน

“สวัสดีครับ เคเอ็นเอ็นเดลี่ ออกอากาศทางเฟซบุ๊กไลฟ์และยูทูปไลฟ์ เจอกันวันแรกของเดือนนะครับ”

น้ำเสียงห้าวทุ้มของผู้ประกาศข่าวที่ลอยมา ทำให้หญิงสาวในชุดเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นโชว์ท่อนขากลมกลึงวิ่งมาหยุดตรงหน้าจอสมาร์ตทีวี มือข้างซ้ายยังชุ่มด้วยน้ำเหลวๆ สีดำซึ่งทำท่าจะหยดลงพื้นเสียให้ได้ แต่เจ้าตัวดูจะไม่สนใจนัก เพราะจดจ่ออยู่กับภาพและเสียงจากทีวี

“วันนี้เราจะพูดถึงวิกฤตการณ์ของปาเมเชีย ประเทศที่เคยเป็นดาวรุ่งแห่งวงการนวัตกรรมใหม่ของเอเชียตะวันตก หลายคนที่ติดตามข่าวคงทราบว่าค่าเงินของปาเมเชียยังคงเฟ้อต่อเนื่องจนถึงหลักพันเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว”

เสียงนั้นสะกดหญิงสาวได้อย่างชะงัด จนคนที่เดินผ่านมาต้องชำเลืองมอง และอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกจังหวะขึ้นมา

“มือเราไปโดนอะไรมาล่ะ ทำไมถึงดำเลอะเทอะอย่างนี้”

“กริมขยำกาบมะพร้าวเผาค่ะ มีออร์เดอร์ขนมเปียกปูนดำจากลูกค้า”

เสียงตอบดังจากคนหน้านวล โดยที่สายตาของเจ้าหล่อนยังคงทอดมองตรงจุดเดิม จนคนที่ทักถามได้แต่บ่นตามหลังก่อนจะเดินผ่านออกไป

“ทำไมไม่ทำเสียให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวน้ำก็หยดลงมา พื้นก็สกปรกหรอก”

หญิงสาวยืนมองอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที กระทั่งภาพบนหน้าจอเปลี่ยนเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงที่มีชื่อเสียงในวงสังคม...อีกทั้งยังเคยได้ยินว่าเธอคนนี้เป็นคู่รักของผู้ประกาศข่าวชายที่รายงานข่าวเมื่อสักครู่ หญิงสาวจึงถอยกลับเข้าไปในครัวที่แบ่งไว้อย่างเป็นสัดส่วนในพื้นที่ที่ไม่กว้างนัก ก่อนจะลงมือทำขนมเปียกปูนดำที่ทำค้างไว้เพื่อให้ทันนัดลูกค้าในเวลาก่อนเที่ยงวัน

สิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีตรงซึ่งเป็นเวลานัดหมาย ประตูร้านกาแฟที่ตั้งอยู่กลางซอยก็ถูกเปิดเข้ามา ตามด้วยหญิงสาวสองคนในชุดฟอร์มพนักงานวัยใกล้สามสิบปีเดินเข้ามาในร้าน พลันดวงหน้าของคนที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะด้านในก็แย้มเบิกขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเธอทั้งสองคนกวาดสายตามาหาและมองอย่างเห็นเป้าหมาย

ติรยาลุกขึ้นยืนรอรับผู้หญิงทั้งคู่ แล้วเปิดรอยยิ้มกว้าง

“สวัสดีค่ะ มารับขนมเปียกปูนใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะ”

“กริมเตรียมไว้แล้วค่ะ มีขนมเปียกปูนดำยี่สิบชิ้นและขนมเปียกปูนเขียวสามสิบชิ้น”

ถุงพลาสติกใสซึ่งข้างในบรรจุกล่องกระดาษสีขาวสะอาดซ้อนกันสองกล่องถูกเลื่อนไปวางบนโต๊ะใกล้กับลูกค้า ก่อนเธอจะหยิบถุงที่มีกล่องกระดาษใบเล็กกว่าสมทบตามไปให้

“ส่วนถุงนี้เป็นของแถมค่ะ ขนมเปียกปูนดำและเปียกปูนเขียวอย่างละสามชิ้น”

“อุ๊ย! มีของแถมด้วยหรือคะ แม่ค้าน่ารักจังเลย”

“ขนมอร่อยด้วยนะคะ”

ติรยายิ้มรับคำชม ก่อนจะตบท้ายด้วยการประกาศสรรพคุณของขนมฝีมือตัวเอง

“ขอบคุณสำหรับขนมของแถมค่ะ ว่าแต่แม่ค้าชื่อกริม...หมายถึงขนมปลากริมหรือเปล่าคะ”

“ใช่ค่ะ แม่ของกริมชอบทำขนม เลยตั้งลูกสาวชื่อปลากริม กริมชอบนะคะ ชอบกว่าชื่อเปียกปูนด้วย”

แม่ค้าขนมหวานพูดอย่างอารมณ์ดี ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากลูกค้าทั้งสองคน

เมื่อลูกค้าหนึ่งในสองคนนั้นเปิดกระเป๋าแล้วหยิบธนบัตรสีเทายื่นให้ ติรยาจึงรับมา หากสีหน้าส่อแววลังเล

“ไม่มีแบงก์ย่อยหรือคะ ค่าขนมสี่ร้อยบาทค่ะ”

“พี่ไม่มีเลยค่ะ แล้วน้องไม่เตรียมเงินทอนมาด้วยหรือ”

ติรยายิ้มเก้อ ก่อนจะหันไปทางเคาน์เตอร์ของร้าน โชคดีเหลือเกินที่เห็นคนที่เธอต้องการเจออยู่ตรงนั้นพอดี หญิงสาวจึงรีบปรี่ไปหา

“พี่ป้อมขา รบกวนหน่อยค่ะ กริมขอแลกเงินหนึ่งพันบาท กริมต้องทอนให้ลูกค้าหกร้อยบาท แต่กริมเตรียมมาแค่ร้อยเดียว”

เจ้าของร้านกาแฟและขนมเบเกอรี่ซึ่งเป็นสาวประเภทสองถอนสายตาจากเครื่องคิดเงินระบบหน้าจอสัมผัสขึ้นมาปรายตามองแม่ค้าหน้าหวานที่มาใช้พื้นที่ร้านของตนเป็นสถานที่นัดพบลูกค้า เธอรับธนบัตรใบนั้นมา แล้วดึงธนบัตรใบละห้าร้อยบาทหนึ่งใบกับธนบัตรใบละร้อยบาทจำนวนห้าใบยื่นให้

“ขอบคุณมากค่ะ พี่ป้อมน่ารักจังเลย คราวหน้ากริมจะเตรียมมาให้พร้อมกว่านี้”

ติรยารับเงินมาถือไว้อย่างดีใจ พร้อมทั้งเปิดยิ้มกว้างจนเรียวตายิบหยี แล้วเดินกลับไปหาลูกค้าเพื่อนำเงินทอนไปให้ โดยไม่ลืมบอกขอบคุณและขอโทษสำหรับความไม่พร้อมของตัวเอง

หญิงสาวยืนส่งลูกค้าเจ้าของออร์เดอร์ในวันนี้ จนทั้งสองคนเดินผ่านประตูร้านไปแล้ว เธอจึงเดินย้อนไปหาเจ้าของร้านที่ยังยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์

“กริมเสร็จงานแล้วค่ะ ขอบคุณพี่ป้อมสำหรับโต๊ะที่ยกให้กริมนั่งรอลูกค้า ไว้กริมมีเงินทุนเพิ่มอีกสักนิด กริมจะขอจ่ายค่าเช่าโต๊ะให้พี่ป้อม”

“ไม่ต้องหรอก โต๊ะนั้นฉันกันไว้ให้เพื่อนกับคนรู้จักอยู่แล้ว เธอก็ใช้มันได้เหมือนกัน ไม่ต้องมาจ่ายค่าโต๊ะกับฉัน เก็บเงินของเธอไว้เถอะ เพราะฉันดูโหงวเฮ้งแล้ว หน้าตาอย่างนี้มีแววอยู่ตัวคนเดียว เก็บเงินไว้เลี้ยงตัวเองก็แล้วกัน”

“ทำไมพี่ป้อมพูดอย่างนี้ กริมหน้าตาน่าเกลียดมากหรือ”

คนถูกทำนายว่าต้องไร้คู่อยู่อย่างโดดเดี่ยวทำหน้าเสีย

“ไม่เกี่ยวกับสวยหรือไม่สวยหรอก แต่หล่อนน่ะ มันใสๆ เหมือนเด็กยังไม่โต หน้าตาท่าทางอย่างนี้ใครจะเชื่อว่าจบมหาวิทยาลัยแล้ว บอกว่าเป็นเด็กม.ต้นก็ยังเชื่อได้”

“โหย! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อีกอย่างกริมเรียนจบมาเกือบสองปีแล้ว ห่างไกลจากเด็กม.ต้นอย่างที่พี่ป้อมว่าตั้งเยอะ”

“หัดแต่งหน้าให้ดูเป็นสาวไว้บ้าง”

“แต่งทำไม กริมทำขนมอยู่ที่บ้าน พอออกจากบ้าน อย่างมากก็มาส่งขนมให้ลูกค้าที่ร้านพี่ป้อม แถมเวลาซื้อของทำขนมก็ไม่ต้องไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเหมือนเมื่อก่อน เพราะกริมใช้บริการสั่งผ่านออนไลน์แล้วให้รถมาส่งของที่บ้าน”

“กะว่าชีวิตนี้หล่อนจะไม่ออกไปไหนและจะไม่พบใครแล้วใช่ไหม งั้นก็ขึ้นคานไปเถอะ”

สีหน้าของคนถูกทักว่าจะไม่มีคู่ยิ่งงอง้ำมากกว่าเดิม กระทั่งพนักงานในร้านถือออร์เดอร์เดินมาหา ติรยาจึงบอกขอตัวกลับ เพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของเจ้าของร้าน

“ทำหน้าจ๋อยไปได้ ถึงหล่อนไม่มีใครเข้ามาในชีวิตจริงๆ แต่จำไว้นะ หล่อนยังมีฉันอยู่ตรงนี้อีกคน”

ถ้อยคำของเจ้าของร้านเปลี่ยนสีหน้าของติรยาให้ประดับด้วยรอยยิ้มขึ้นมาจนได้