บทที่ 2 เก็บไว้ในใจฉัน
ประตูรั้วเล็กทางด้านหลังของรอบรั้วกำแพงสูงถูกเปิดแง้มออกแค่พอเดินผ่านเข้าไปได้ ติรยาเข้ามาด้านในด้วยความเคยชิน เที่ยงวันนี้แดดยังคงร้อนจัด หล่อนจึงรีบปิดประตูรั้ว หวังจะเร่งฝีเท้าเข้าบ้านพักที่อยู่ลึกเข้าไปเกือบห้าสิบเมตร
หากก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ล็อกประตู เสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้น และเมื่อหันไปมองทางด้านหลัง รถยุโรปคันสีดำมันปราบก็ปะทะสู่สายตา พลันนั้นความชาวูบก็เกิดขึ้นทั้งตัว
“เปิดประตูสิ”
เสียงทุ้มคุ้นหูที่ติรยาได้ฟังผ่านทีวีและสมาร์ตโฟนเกือบทุกเช้าดังขึ้นจากคนที่ชะโงกหน้าออกจากหน้าต่างรถที่ถูกลดกระจกฝั่งคนขับลงมา หากน้ำเสียงต่างจากที่คุ้นเคย เพราะคราวนี้มันติดจะห้าวห้วน ไม่นุ่มทุ้มชวนฝันอย่างที่เธอชอบฟัง
“ยืนเฉยอยู่ทำไม เปิดประตูสิ ฉันจะเข้าบ้าน”
“อ๋อ…ค่ะ ได้ค่ะ”
เมื่อรู้สึกตัว ติรยาก็กระวีกระวาดเลื่อนประตูรั้วให้เปิดออกกว้าง และใช้แรงดันบานประตูได้ยังไม่ทันสุดทาง รถยนต์คันสีดำก็เคลื่อนผ่านเข้ามาข้างใน จนเธอต้องรีบเบี่ยงกายหลบให้พ้นทาง
รถคันนั้นแล่นเข้าไปข้างในแล้ว ติรยารู้ว่าจุดหมายของรถเป็นบ้านสองชั้นหลังกะทัดรัดที่ซ่อนอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเป็นทิวแถวเพื่อให้บดบังสายตาคนที่เดินผ่านไปมาในทิศทางฝั่งนี้
“ทำไมเขาเป็นคนอย่างนี้นะ จะรอให้เราเปิดประตูให้เรียบร้อยก่อนก็ไม่ได้ ดีนะที่เมื่อกี้หลบทัน ไม่อย่างนั้นคงโดนล้อรถทับเท้าไปแล้ว”
ผิดหวังชะมัด หลงเฝ้าหน้าจอเกือบทุกเช้า ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนนิสัยไม่ดีไปได้
ติรยาคิดพลางทำปากยู่ขณะออกแรงดึงประตูรั้วให้เคลื่อนมาปิดดังเดิมแล้วล็อกมันเสีย
ร่างงดงามกลมกลึงก้าวบนทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนเลียบไปกับกำแพงรั้วเพื่อกลับไปยังบ้านพักคนงานที่เธอมาอาศัยอยู่เกือบห้าปีแล้ว
ติรยาย้ายออกจากหอพักมหาวิทยาลัยแล้วมาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ขึ้นชั้นปีที่สอง หลังจากแม่เสียชีวิตกะทันหันด้วยเส้นเลือดในสมองแตก เธอก็เคว้งและหมดสิ้นกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อ หากยังโชคดีเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาคอยแนะนำแนวทาง อีกทั้งยังอาสาจะช่วยหาทุนการศึกษาให้ แต่ยังไม่ทันได้จัดการอะไร หญิงสาวก็ได้รับการติดต่อจากน้าสาวว่าจะรับดูแลเธอเอง
ติรยาดีใจ มันไม่ใช่เพียงความรู้สึกว่าต่อจากนี้จะมีผู้อุปการะและส่งเสียให้เรียนจนจบ แต่มันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยังเหลือญาติผู้ใหญ่อยู่อีกทั้งคน...ญาติที่เธอไม่ได้พบเจอมากว่าสิบปี
ดวงตาหวานชำเลืองไปทางด้านหน้าของอาณาบริเวณกำแพงรั้วที่ล้อมรอบพื้นที่กว่าสิบไร่กลางเมือง แม้เห็นแค่หลังคาบ้านใหญ่อยู่ไกลๆ แต่เธอก็อุ่นใจว่าน้าสาวอยู่แค่ตรงนี้...
รถคันสีดำจอดนิ่งสนิทอยู่ในโรงจอดรถนานเป็นครู่ ชายหนุ่มร่างสูงถึงเปิดประตูรถก้าวออกมา ใบหน้าหล่อเหลาหันไปทางบ้านพักคนงานที่สร้างเป็นเรือนคอนกรีตชั้นเดียวซึ่งอยู่ใกล้กำแพงสูงทางด้านหลัง แล้วเรียวคิ้วเข้มก็นิ่วขมวดมุ่นเมื่อความสงสัยจุดขึ้นมา
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไม่ใช่เด็กในบ้าน”
ธามพึมพำกับตัวเอง แรกทีเดียวเขาเห็นเพียงด้านหลังของเธอ เสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนไร้รูปทรงที่อยู่บนเรือนร่างกะทัดรัดนั้นทำให้เขาไม่สงสัยว่าเจ้าหล่อนจะเป็นใครอื่นไปได้ นอกจากคนงานที่อยู่ในเขตบ้าน แต่เมื่อเธอหันมา ดวงหน้านวลผุดผ่องกับเครื่องหน้าที่ไม่มีชิ้นใดโดดเด่น หากพอมองรวมกันกลับดึงดูดสายตาชะมัด...มันทำให้ลมหายใจของเขาสะดุด
“นี่มันหลานสาวคุณพิงก์นี่นา”
เขาจำเธอได้ เมื่อก่อนเขาเห็นผู้หญิงคนนี้แต่งชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสถาบันดังที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หล่อนเดินออกจากบ้านเกือบทุกเช้า ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกับเขาที่ขับรถออกไปทำงาน
หลานสาวของคุณพิงก์ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา เขารู้จากพี่ชายเพียงว่าเธอเป็นญาติที่คุณพิงก์นำมาอุปการะเพราะพ่อแม่ตายหมดแล้ว เหตุผลเพียงเท่านี้ทำให้ธามสามารถยอมรับเธอที่จะเข้ามาอยู่ร่วมในอาณาเขตบ้านแห่งนี้ได้ แต่เป็นไปแบบต่างคนต่างอยู่
เมื่อมองห่างๆ เขาก็เห็นเธอเป็นเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง หน้าใสๆ ไม่เคยมีสีสันแต่งแต้ม มันจึงไม่มีสิ่งใดดึงดูด ดังนั้นไม่ว่าพบเจอกันคราใด เขาจึงมองผ่านเธอเหมือนวัตถุโปร่งใสไปเสียทุกที
หากธามรู้ว่าดวงตาเรียวรีคู่นั้นลอบมองเขาอยู่เสมอ แต่เขาชินแล้วแหละ ปฏิกิริยาที่หลานสาวคุณพิงก์มีต่อเขา มันก็คล้ายกับผู้หญิงอีกหลายคนที่มักลอบมอง บางคนก็ทอดมองตรงๆ สายตาของพวกเธอมักมีทั้งความอยากรู้ ชื่นชม และตื่นเต้น ระคนกัน
ธามไม่ได้หลงตัวเอง เขารู้ตัวดีว่ารูปร่างและหน้าตาของตนค่อนข้างโดดเด่น จึงทำให้ตกอยู่ในสายตาของผู้คนตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจ...เมื่อต้องนับรวมถึงสายตาของผู้หญิงเมื่อกี้ไปด้วย
“เออ! พักหลังๆ ไม่เห็นออกไปเรียนหนังสือแล้วนี่หว่า หรือว่าเธอเปลี่ยนเวลาเรียน เราเลยไม่เจอตอนเช้าๆ เหมือนเมื่อก่อน”
เมื่อนึกไป ความสงสัยในตัวของหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ดวงตาคมหรี่ลงอย่างครุ่นคิด
เธออยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ววะ...ย้ายมาอยู่ตอนเราเริ่มก่อตั้งสำนักข่าว งั้นตอนนี้ก็ห้าปีแล้วสิ ถ้านานขนาดนี้ก็คงเรียนจบแล้วมั้ง
ธามจมอยู่กับความคิดนานหลายนาที ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับหลานสาวของ ‘คนดูแลพ่อ’
หากพอรู้ตัว ชายหนุ่มก็ไหวไหล่ เขาเกือบหัวเราะให้ความเพี้ยนที่ตัวเองได้ทำลงไป ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพักส่วนตัว