ตอนที่ 3 การมาของไทเฮา
กงกงชรารู้งานนัก เมื่อฝ่าบาทร่างราชโองการเสร็จเรียบร้อย ก็รีบเดินเข้ามายืนใกล้ จากนั้นจึงรับกระดาษสีทองแล้วเดินลงมา ยืนต่อหน้าแม่ทัพหลี่ผู้ยิ่งใหญ่
ชายชราเส้นผมสีขาวกดยิ้มพร่างพราว เอ่ยกล่าวน้ำเสียงเล็กแหลมขึ้น “ฝ่าบาทมีพระบัญชา แม่ทัพหลี่ทำคุณงามความดีแก่บ้านเมืองไว้มากมาย แต่งตั้งคุณหนูหลี่ เป็นท่านหญิงหนิงอัน ให้แม่ทัพหลี่เป็นหัวหน้าต้อนรับคณะราชทูต คืนงานเลี้ยงท่านหญิงต้องมาร่วมงาน จบราชโองการ”
หลี่เจี้ยนได้ยินเช่นนี้ ก็น้อมรับแต่โดยดี “กระหม่อมหลี่เจี้ยนรับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท” ฝ่ามือหนาของท่านแม่ทัพ ยื่นมือรับราชโองการด้วยมือไม้ที่สั่นไหว ในใจร้อนรุ่มเพียงใด ก็หาได้มีผู้ใดเข้าอกเข้าใจบิดาที่หวงบุตรสาวไม่
หวงตี้กลับยกตำแหน่งท่านหญิงให้นาง มิใช่เพื่อหลอกล่อให้นางออกมาร่วมงานต้อนรับเช่นนั้นหรือ งานหนักตกอยู่ที่ใครกัน หากมิใช่ที่เขาผู้เป็นบิดาคนนี้
“เอาล่ะ เจิ้นอยากพักผ่อนแล้ว” แผนสำเร็จแล้ว ก็คร้านจะสนทนาต่อ หากยังพูดต่อมีหวังหลี่เจี้ยนคงได้เผาตำหนักของเขาเป็นแน่
“พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลี่เอ่ยตอบกลับ น้ำเสียงเรียบ หมุนกายเดินออกจากห้องทรงอักษร
คล้อยหลังไม่ถึงอึดใจหนึ่ง ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาก็ออกมาจากห้องข้าง ๆ เขาซ่อนตัวแอบฟังอยู่ตั้งนานสองนาน เดินออกมาด้วยสีหน้าแย้มยิ้มอย่างดีอกดีใจยิ่งนัก “ขอบคุณท่านลุงที่ช่วยเหลือขอรับ”
“เจ้ารู้หรือไม่ หลี่เจี้ยนอยากจะฉีกข้าออกเป็นชิ้น ๆ” แววตาของสหายรักคล้ายปีศาจร้ายยามที่มองมา แผ่กลิ่นอายอำมหิตออกมาไม่หยุดหย่อน
“ว่าที่พ่อตาของข้าธรรมดาเสียที่ไหนกันขอรับ” ท่านอ๋องรูปงาม หย่อนกายนั่งลงเก้าอี้ ในมือของเขาถือพัดโบกไปมา คล้ายดั่งคุณชายเสเพลผู้หนึ่ง
เซียวหยางหรงขึ้นเสียงดุดัน หากมิใช่หลานรักขอร้องวิงวอนละก็ เขาไม่มีทางที่จะกระตุกหนวดพยัคฆ์แซ่หลี่เป็นแน่ ผู้อื่นเขามิเคยหวั่นไหวหรือหวาดกลัว
แต่กับหลี่เจี้ยนแล้ว ยกเว้นสักคนหนึ่งก็แล้วกัน แม้เป็นถึงบิดาแห่งแว่นแคว้น ก็เกรงใจสหายผู้นั้นนัก ถูกหลานรักของเขาเล่นงาน
หากมารู้ในภายหลัง เกรงว่าคงถูกถลกหนังเป็นแน่ “หมายตาใครก็ได้ แต่เจ้านี่ดันหมายตาของรักของหวง ของแม่ทัพหลี่มาครอง เจ้านี่อยากมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“ท่านลุงขอรับ ก็นางน่ารักออกปานนั้น ใครเห็นก็ต้องชื่นชอบเป็นธรรมดา อีกอย่างนางก็ถูกใจข้า ยากจะหาสตรีเยี่ยงนี้ในเมืองหลวง” ท่านอ๋องหนุ่มรูปงาม เอ่ยเสียงก้องกังวาน สีหน้ามีรอยยิ้มอยู่เสมอ ยามที่กล่าวถึงแม่หนูน้อยบุตรสาวแม่ทัพหลี่ ดวงตาของเขาเปล่งประกายวาววับ
จนทำให้กงกงชราอมยิ้มตามไปด้วย ผู้เป็นลุงถึงกับจ้องเขม็งมองหลานรัก “นานแล้วที่ข้าไม่เห็นเจ้ามีความสุขเยี่ยงนี้” น้องชายของเขาสังเวยชีวิตในสมรภูมิรบ
เพื่อความสงบของบ้านเมือง เขาทุ่มเทสุดกำลัง แม้ตัวตายก็ยินดี มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่น้องชายผู้ที่จากไปรู้สึกเสียใจยิ่งนัก ก็คือเขาไม่อาจเป็นบิดาที่ดี เป็นสามีที่ดีได้
ดังนั้น หลานชายผู้นี้ เขาจึงให้ความสำคัญประดุจบุตรชายแท้ ๆ หากต้องการอันใด ท่านลุงผู้นี้มีหรือจะบ่ายเบี่ยง แต่...สิ่งที่หลานรักหมายปอง กลับเป็นของหวงของแม่ทัพหลี่นี่สิ จะทำเช่นไรดีเล่า
“ท่านลุงโปรดช่วยหลานสักครา” เซียวจิ้นคังเอ่ยจริงจังยิ่งนัก แววตาหนักแน่นยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ไม่มีทีท่าหยอกเย้าท่านลุงประการใด ด้วยเพราะชมชอบคุณหนูหลี่จนเก็บเอาไปนอนฝันตั้งหลายวันหลายคืน
เซียวหยางหรงมองไปยังหลานรัก เห็นสีหน้าเคร่งเครียดเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “แม่เจ้าจากไปเพราะโรคทางใจ ทอดทิ้งเจ้าเอาไว้ตามลำพัง ยามนี้เจ้าก็เติบโตเหมาะสมที่จะแต่งงานแล้ว” เขายินดีจะช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง
“ข้าพบคนถูกใจ ก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับนาง” ท่านอ๋องรูปงามเอ่ยวาจาหนักแน่น ขึ้นอีกครา “ท่านลุง นางคือคนที่ข้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย”
“ก็ได้ เอาไว้ลุงจะช่วยพูดให้”
“ไม่ได้นะ ฝ่าบาท” น้ำเสียงของสตรีสูงศักดิ์แห่งตำหนักไท่อันเอ่ยคัดค้านขึ้นมาทันที นางทราบว่าวันที่แม่ทัพหลี่ถูกเรียกตัวให้เข้าพบเป็นการส่วนตัว จึงให้นางข้าหลวงมาสืบดู พอทราบข่าวก็เร่งฝีเท้าเดินมายังตำหนักของฮ่องเต้
“เสด็จแม่ สุขภาพไม่ดี เหตุใดจึงเสด็จมาได้เล่าพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหยางหรงรีบร้อนลุกจากเก้าอี้มังกร เดินมาประคองผู้เป็นมารดาเฒ่าเข้าไปด้านใน
“หลานคารวะท่านย่า” ท่านอ๋องเซียวจิ้นคังยื่นมือประสาน ท่าทางนอบน้อมยิ่งนัก แต่แววตานั้นกลับดูเย็นชา ไร้ความโอนอ่อนแม้แต่น้อยนิด
“อืม” ไทเฮาหยุดอยู่ด้านหน้าของหลานชาย ซึ่งมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไข แต่กลับเป็นบุตรชายของชินหวาง ที่ล่วงลับไปแล้ว ชินหวางผู้นั้นเกิดจากพระสนมมีฐานะก็แค่องค์ชายผู้หนึ่ง ทว่าความสามารถกลับโดดเด่นกว่าผู้ใด จึงได้รับแต่งตั้งเป็นท่านอ๋อง
หากวันนี้ชินหวางผู้นั้นยังอยู่ ตำแหน่งฮ่องเต้คงหลุดลอยไปแล้ว โชคดีที่ถูกสังหารตายในสนามรบ มิได้เป็นเสี้ยนหนามคอยทิ่มแทงใจนาง บัดนี้กลับกลายเป็นเซียวจิ้นคังที่กลายเป็นคนโปรดปรานของฮ่องเต้ไปเสียได้
กระทั่งองค์รัชทายาทก็มิเคยได้รับคำชมเชยอันใด ไม่เหมือนกับเซียวจิ้นคังที่ไม่ว่าจะทำอันใดก็รู้สึกถูกใจไปเสียทุกเรื่อง แล้ววันนี้คืออันใดกัน หากนางมาช้ากว่านี้เพียงนิด เกรงว่าอาจยื่นดาบให้แก่เซียวจิ้นคัง มาประหัตประหารไท่จื่อแน่แล้ว
ไทเฮายื่นมือสัมผัสมือหนาของหลานชายที่ไม่เคยชอบหน้า เอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นมา เสแสร้งยิ้มแย้ม “สตรีมากมายในเมืองหลวงก็ล้วนอยากครอบครองตำแหน่งหวางเฟยของเจ้าทั้งนั้น
เอาเช่นนี้ดีไหม ย่าจะจัดงานเลี้ยง เชิญบรรดาคุณหนูมาร่วมงานให้เจ้าได้เลือกชม พอใจสตรีนางใด ย่าจะให้แม่สื่อไปทาบทามดีหรือไม่”
เซียวจิ้นคังได้ยินเช่นนี้ ย่อมรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก “ขอบพระทัยเสด็จย่า แต่หลานผู้นี้อกตัญญู มิอาจน้อมรับข้อเสนอได้พ่ะย่ะค่ะ”
ปัง!...ฝ่ามือเหี่ยวย่นของไทเฮา ฟาดลงบนโต๊ะด้วยโทสะที่อัดแน่น นางลุกขึ้นยืน ชี้หน้าของหลานชาย “ช่างเหิมเกริมนัก ฝ่าบาทต้องจัดการอย่าให้เป็นเยี่ยงอย่างเชียว”
“เสด็จแม่ จิ้นคังมีความเป็นของตนเอง อีกอย่างข้าจะลงโทษเขาด้วยข้อหาอันใดกัน ใจเย็น ๆ ก่อนดีหรือไม่” เซียวหยางหรงรีบเข้ามาประคองมารดา เห็นสีหน้าเคร่งเครียดก็ย่อมเข้าใจดี
ส่วนเซียวจิ้นคังก็หาได้สะทกสะท้านต่อการกระทำนี้ เขายังกดยิ้มที่มุมปาก จิบน้ำชาอย่างไม่รู้สึกรู้สา สายตาที่มองมาล้วนเป็นสายตาแห่งความเกลียดชัง
“จะให้ข้าใจเย็นได้หรือ เจ้าดูสิ่งที่เจ้าหลานชั่วคนนี้ทำ” หญิงชรายังแผดเสียงใส่ นางข้าหลวงวัยกลางคนช่วยฮ่องเต้ประคองไทเฮาเอาไว้ นางยังขึ้นเสียงอีกครา “หากไม่ใช่เพราะพ่อของเจ้า”