9 การเริ่มต้นด้วยตัวเอง
หญิงสาวยังคงขายได้เรื่อยๆ วันนี้เธอเตรียมของมาเยอะกว่าเมื่อวานเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้ลูกค้ามาซื้อแล้วของไม่พอขาย แม้กระทั่งน้ำแข็งเธอก็โทร. สั่งทางร้านให้มาส่งเมื่อเห็นว่าที่สั่งมาตอนเช้าลดไปเพียงครึ่ง
“พี่มารับชาที่ค้างไว้ 1 แก้วค่ะ เอารสชาติเดิมเลยนะคะ พี่ว่าชาร้านน้องอร่อย พี่ก็ไม่ได้คิดว่าจะกลับมาซื้อ แต่พอชิมแล้วติดใจ ไข่มุกก็ไม่แข็งอย่างที่คิด”
“ขอบคุณมากๆ ค่ะ เดี๋ยวแก้วนี้พุดเพิ่มมุกให้พี่เยอะๆ เลยนะคะ” เธอรีบบอกเพราะไม่คิดว่าคนวัย 40 จะชอบทาน
“หนูแพร หนูพลอย จะสั่งไรก็บอกพี่เค้านะลูก” ลูกค้าคนเดิมบอกกับเด็กสาวที่หน้าตาเหมือนกันจนเธอแทบแยกความแตกต่างไม่ออก
“แพรเอาชานมเผือกค่ะ”
“พลอยเอาขาเขียวนมสดค่ะ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” เธอรีบชงให้ทั้งสามคนอย่างรวดเร็วตามสูตรที่เธอเคยทำ
ตั้งแต่บ่ายสามโมง ชาทุกแก้วพุดพิชชาต้องชงใหม่ เนื่องจากชาที่ชงใส่ถังไว้นั้นหมดไปแล้ว เธอไม่ได้ชงเพิ่มเพราะคิดว่าบ่ายวันอาทิตย์คนคงไม่เยอะ อย่างที่เด็กสาวที่ชื่อต้นหลิวบอกกับเธอ และเธอยังใช้โอกาสนี้คุยกับลูกค้าขณะรอเธอชงอีกด้วย ใบปลิวซื้อ สองแถม หนึ่งที่วางไว้ถูกแจกจ่ายไปเกือบครึ่ง หญิงสาวมองว่าเธอพึ่งมาเปิดร้านที่นี่จึงต้องทำโปรโมชั่นอะไรก็ได้เพื่อให้ลูกค้าให้ได้ลองซื้อชาร้านเธอให้มากที่สุด เธอยังไม่หวังกำไรในช่วงแรก เพียงแต่อยากให้คนรู้จักร้านให้มากที่สุดจากนั้นจึงจะขายในราคาปกติ เธอเชื่อมั่นในรสชาติของทุกแก้วที่เธอขายว่าคนที่ได้ชิมจะต้องชอบและกลับมาซื้ออีกแน่
วันจันทร์ตอนเช้าแทบไม่มีลูกค้าเลย แต่พุดพิชชาก็ทำใจไว้แล้ว เพราะไม่มีเด็กมาเรียนพิเศษ คงต้องรอให้ช่วงเที่ยงๆ เพราะละแวกนี้ก็มีอาคารสำนักงาน ธนาคารและโรงพยาบาล รวมถึงร้านขายเสื้อผ้าต่างๆ อีกมาก ลูกค้าน่าจะมาทานอาหารกลางวันกันบ้าง หญิงสาวให้กำลังใจตัวเอง
พอเห็นว่าเริ่มมีคนเดินผ่านไปมาบ้างแล้ว เธอชงชงกุหลาบ ชามะลิ และชานมไต้หวันใส่แก้วพลาสติกเล็กๆ และเชิญชวนให้คนผ่านไปมาลองชิม
“เชิญชิมฟรีนะคะ ไม่ซื้อไม่เป็นไรค่ะ แค่อยากให้ได้ลองชิมก่อน” เธอบอกลูกค้าที่ยืนมองป้ายที่เธอเขียนไว้ว่าชิมฟรีอย่างลังเล
“นี่ชาอะไรคะ” ลูกค้าคนแรกถามเมื่อชิมไปครึ่งแก้วเล็กๆ
“ชากุหลาบค่ะ อร่อยไหมคะ”
“ค่ะ พี่เอาชานี้สองแก้ว ส่วนแก้วที่แถมน้องแนะนำหน่อยสิ พี่จะซื้อไปให้หัวหน้า”
“ลองเป็นชานมกาแฟไหมคะ ชานมแต่มีกลิ่นของกาแฟผสมอยู่ พี่จะใช้น้ำตาลปกติหรือน้ำตาลจากหญ้าหวานดีคะ”
“แล้วสองอย่างรสชาติต่างกันไหม”
“ไม่ต่างกันเลยค่ะ น้ำเชื่อมจากหญ้าหวานเหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก ผู้ป่วยเบาหวานก็ทานได้ค่ะ” เธอแนะนำเพราะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานมักจะกังวลเรื่องแคลลอรี่กันมาก
“ดีจัง ถ้าอย่างนั้นพี่เอาน้ำเชื่อมหญ้าหวานทั้ง 3 แก้วเลยนะคะ”
หญิงสาวดีใจเพราะวันนี้เธอได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นพนักงานธนาคาร พยาบาล และยังมีกลุ่มนักศึกษาที่มักจะมาทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งและร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ถัดจากร้านเธอไปอีก 2 ห้อง แม้ยอดขายจะไม่เยอะเท่าวันเสาร์อาทิตย์
“เป็นไงบ้างวันนี้ลูกค้าเยอะไหมพุด” ปราณติญาถามขณะที่นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันที่ห้องรับแขก
“ไม่เยอะเท่าเสาร์ อาทิตย์แล้วกว่าลูกค้าจะมาก็เกือบๆ 11 โมง พรุ่งนี้ฉันว่าจะไปเปิดร้านสัก 10 โมง” พุดพิชชาไม่อยากไปนั่งรอลูกค้าแต่เช้า เธอคิดว่าน่าจะหาเวลาทำอะไรระหว่างที่รอเวลาไปเปิดร้าน
พุดพิชชานั่งเครียดอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ก เธอเปิดร้านได้ 3 วันแล้ว สองวันแรกลูกค้าวัยเรียนเกือบทั้งนั้น ส่วนวันที่ 3 ก็มีกลุ่มลูกค้าวัยทำงานเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับครั้งที่เปิดร้านกาแฟแล้วกำไรที่ได้ก็ต่างกันมาก เพราะร้านกาแฟนั้นเปิดมาหลายปี อุปกรณ์ต่างๆไม่ได้ซื้อกันบ่อยๆ แต่ร้านนี้เธอต้องซื้อทุกย่างใหม่หมด และถ้าคำนวณจากลูกค้าแล้วก็คงอีกนานเลยกว่าที่เธอจะเริ่มได้กำไรจากร้านนี้ แต่หญิงสาวก็ไม่มีทางเลือก เธอคิดว่าจะต้องหารายได้จากที่อื่นเพิ่มจากร้านชา เพราะยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงก่อนถึงเวลาเปิดร้าน เมื่อคิดได้เธอก็รีบอาบน้ำแต่งตัว เตรียมมุกและชาที่ชงแล้วใส่หลังรถ หญิงสาวคิดว่าจะลองไปดูแถวๆ ตลาดสดว่าพอจะมีที่ว่างให้เธอขายช่วงเช้าไหม หรือบางทีเธออาจได้ไอเดียอย่างอื่นที่พอจะเพิ่มรายได้ให้เธออีกทาง
หญิงสาวมาถึงช้าไปหน่อยเพราะพ่อค้าแม่ค้าเริ่มเก็บของกันบ้างแล้ว เธอถามป้าที่กำลังเก็บของอยู่ก็ทราบว่าตลาดที่เธอเห็นอยู่นั้นจะเริ่มตั้งแต่เช้าประมาณตีสี่ถึงตีห้าและจะเก็บของกันก่อนเวลา 9.00 น. เพราะถ้าเกินนั้นเจ้าหน้าที่เทศกิจจะมาจับและต้องเสียค่าปรับอีกด้วย ถ้าจะขายทั้งวันต้องไปเช่าแผงบนอาคารที่เทศบาลจัดให้ พุดพิชชาเดินดูแผงเช่าในอาคารก็เห็นมีพ่อค้าแม่ค้าเช่าเต็มหมดแล้วทุกแผง เธอจึงต้องมองหาวิธีเพิ่มรายได้จากทางอื่น และในเมื่อมาถึงตลาดแล้วหญิง สาวก็ไม่อยากเสียเวลาเลยเดินเข้าไปเลือกซื้อผักเพื่อเอาไว้ไปทำกับข้าวระหว่างที่ผ่านร้านขายอาหารสด พ่อค้าพูดคุยกับลูกค้าที่มาซื้อว่าช่วงนี้คนนิยมทานอาหารคลีนกันเยอะ ไม่ลองทำขายบ้างเหรอ พุดพิชชาเริ่มคิดตามสิ่งที่ได้ยินมา หญิงสาวเคยทำขายที่ร้านกาแฟกับมารดาอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งตอนนั้นผลตอบรับดีมาก แต่ก็ต้องหยุดขายเพราะหลังจากมารดาเสียชีวิตเธอก็ต้องรับผิดชอบงานในร้านมากขึ้นจึงตัดเมนูนี้ออกไปจากร้าน พุดพิชชาเลือกซื้อปลาและผักสดในตลาด ก่อนกลับก็แวะไปซื้อกล่องใส่อาหาร
พอกลับถึงบ้านพุดพิชชาก็เริ่มทำอาหารทันที วันนี้เธอจะลองทำไปให้ปราณติญาลองทานก่อน เมนูที่เธอทำวันนี้คือปลาดอลลี่นึ่งซีอิ๊วกับข้าวกล้องมีบล็อคโคลี่กับแครอทลวก ขณะกำลังเตรียมอาหารอยู่ก็ได้ยินเสียงออดหน้าบ้าน หญิงสาวล้างมือแล้วรีบออกมาดู เมื่อเห็นหน้าคนที่มากกออดหญิงสาวก็รีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
“สวัสดีค่ะป้าดา” พุดพิชชายกมือไหว้หญิงสูงวัย
“สวัสดีจ้ะ หนูพุดทำอะไรอยู่ป้ามากวนหรือเปล่า”
“พุดกำลังทำข้าวกล่องไปให้ป่านค่ะ แต่พุดทำเสร็จพอดี ป้าดามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ เข้าไปข้างในก่อนไหม” ลดาเดินตามหญิงสาวเข้ามาในบ้านก็เห็นอาหารกล่องที่เธอเตรียมไว้น่าตาน่าทาน
“ไม่มีธุระหรอกจ้ะป้าเห็นรถหนูจอดอยู่เลยแวะมา วันนี้หนูไม่ไปร้านชาเหรอจ้ะ”
“ไปค่ะ แต่ไปสายหน่อย เพราะช่วงเช้าวันธรรมดาไม่ค่อยมีลูกค้าค่ะ”
“แล้ววันอื่นละลูกค้าเยอะไหม”
“เสาร์กับอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เยอะค่ะ พุดไม่รู้ว่าเพราะพุดขาย 1 แถม 1หรือเปล่าคนเลยเยอะค่ะ”
“คงต้องดูกันยาวๆ อย่าพึ่งท้อนะหนูพุด” ลดาพูดให้กำลังใจ
“ค่ะป้าดา พุดท้อไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้ด้วยค่ะ” สีหน้าและแววตาที่เศร้านั้นทำให้ลดายากรู้ว่าเธอมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ
“มีอะไรเล่าให้ป้าฟังก็ได้นะหนูพุด ป้าอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่บางทีถ้าเรามีคนคอยรับฟังก็จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น”
“พุดขอบคุณป้าดานะคะ แล้วพุดจะหาโอกาสไปคุยกับป้าดา ตอนนี้พุดไม่เหลือใครนอกจากป่านแก้วและตอนนี้พุดก็ดีใจที่ยังมีป้าดาอีกคน” เธอรู้สึกอุ่นใจเหมือนมีญาติผู้ใหญ่คอยให้คำปรึกษา
“โถลูก มีอะไรให้ป้าช่วยก็อย่าเกรงในนะลูก”
“ค่ะป้าดา” หญิงสาวน้ำตารื้นที่คนที่พึ่งรู้จกกันอย่างลดา ยังให้ความเอ็นดูเธอผิดกับบิดาแท้ๆ ที่ไม่เคยจะติดต่อเธอมาเลยสักครั้ง
“ตายละป้าเลยชวนหนูคุยเสียนานเลย ป้าว่าจะเอาสตรอว์เบอร์รี่มาให้จ้ะ ลูกสาวป้าส่งมาจากเชียงใหม่เยอะเลย” ป้าลดายื่นชามขนาดใหญ่ที่มีสตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่สีแดงสดให้เธอ
“ขอบคุณมากๆ ค่ะป้าดาคอยเดี๋ยวนะคะ” พุดพิชชาหายเข้าไปในครัวเพียงครู่แล้วก็ออกมาพร้อมกับกล่องอาหารคลีนในมือ
“พุดลองทำอาหารคลีนไปให้ป่านที่โรงเรียน พุดอยากให้ป้าดาลองชิมด้วยนะคะ พุดว่าถ้ารสชาติลงตัวแล้วพุดจะทำไปวางขายที่ร้านชาด้วยค่ะ”
“แค่หน้าตาก็น่าทานแล้ว” เธอไม่ได้พูดเกินจริง
“ป้าดายังไม่ต้องทานตอนนี้นะคะ เพราะพึ่ง สิบโมงเองค่ะ รอให้หิวๆ ค่อยทานนะคะ”
“ทำไมล่ะหนูพุด”
“ก็คนเราเวลาหิวทานไรก็อร่อยนี่คะ” เธอหัวเราะกับความคิดของตัวเอง
ลดาเองก็หัวเราะไปกับหญิงสาวด้วย
พอลดาออกไปแล้วพุดรีบแพ็คอาหารทั้งหมดลงกล่องก่อนจะไลน์ไปบอกปราณติญาว่าเธอจะฝากกล่องอาหารกลางวันไว้ที่ป้อมยาม 4 กล่องโดยฝากให้ครูเมฆาหนึ่งกล่อง ปราณติญา 1 กล่อง ส่วนอีกสองกล่องก็ให้ปราณติญาแบ่งให้เพื่อนครูท่านอื่น