5 ประกายความคิด
“ชาไข่มุก ฉันจะขายชาไข่มุก” กระแสชาไข่มุกนั้นมีมาหลายปีแล้ว และระยะหลังๆ มานี่ก็เงียบหายไป
“ฉันก็ว่าดีนะ เพราะตอนนี้กระแสชาไขมุกเริ่มมาอีกแล้ว”
“แล้ว แกคิดว่าจะซื้อแฟรนไชส์เจ้าไหนดีล่ะ เอาที่ดังๆ หน่อยนะ”
“ยิ่งดังก็คงจะยิ่งแพงน่ะสิ ฉันว่าฉันจะทำเองดีกว่า ฉันเคยช่วยแม่ทำอยู่ แล้วฉันก็มีสูตรเครื่องดื่มอยู่เยอะเลย คงเอามาประยุกต์เข้ากันได้”
“ก็ดีนะ ไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์ แต่คงต้องหาวิธีที่จะให้ลูกค้าสนใจ”
“ที่ป่านพูดมาก็ถูกนะ คงต้องหาอะไรที่ดึงดูดใจ ฉันว่าก่อนคงต้องตกแต่งร้านให้มีจุดเด่นที่หน้าสนใจแล้วเปิดวันจัดโปรโมชั่นซื้อ 1 ฟรี 1 ไปเลย จะได้ลูกค้าทีเดียว 2 คน จากนั้นก็จัดโปรโมชั่นซื้อ 2 ฟรี 1 ต่ออีกสักเดือน”
“แล้วแกจะได้กำไรเหรอพุด”
“ช่วงแรกคงต้องแบบรับต้นทุนที่แพง แต่ก็แลกกับจำนวนลูกค้าก็คงต้องยอมไปก่อน”
“ก็ดีนะ แล้วที่พูดมาได้ทำเลหรือยังล่ะ” ปราณติญารู้สึกตื่นเต้นไปกับเพื่อน เพราะชีวิตการทำงานของหญิงสาวนั้นเรียบง่ายจนบางครั้งดูหน้าเบื่อ
“ก็พอมีอยู่บ้างนะ ที่ฉันไปดูมาวันนี้ มีอยู่ห้องหนึ่งติดป้ายให้เช่า” เธอรีบเปิดรูปในโทรศัพท์ที่มีรูปหน้าร้านให้เพื่อนดู
“จะเช่าที่นี่เลยเหรอ” ปราณติญา
“ยังหรอกคิดว่าคงจะวนดูแถวๆ นั้นอีกรอบ ระหว่างนี้คงต้องเริ้มเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเสียก่อน ป่านฉันขอที่อยู่ที่บ้านนี้หน่อยได้ไหม”
“ได้สิ ว่าแต่พุดจะเอาไปทำอะไร”
“ฉันจะสั่งของน่ะสิ ร้านที่ฉันเคยสั่งเค้ามีบริการส่งทั่วประเทศ ฉันจะให้ทางร้านส่งของมาที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าที่นี่เค้าซื้อของกันที่ร้านไหน ช่วงแรกคงต้องสั่งที่กรุงเทพฯ ไปก่อน”
“แล้วให้ฉันช่วยอะไรได้บ้าง ไม่ต้องเกรงใจบอกมาเลย” เธอยินดีช่วยเพื่อนเต็มที่
“ฉันจะต้องยืมห้องครัว เพราะถ้าต้องทำชาไข่มุกจริงๆ ก็ต้องต้มมุกไปจากบ้าน”
“ได้เลยไม่มีปัญหา เครื่องใช้ในครัวก็ตามสบายเลยนะ” ปราณติญาเองนั้นไม่ค่อยได้ใช้ห้องครัวบ่อยนัก
“ขอบใจมากนะป่าน ฉันรบกวนแกมากเหลือเกิน” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ
“รบกวนอะไร พุดมาอยู่ที่นี่ฉันก็หายเหงา”
“ฉันสัญญาเลยว่าจะเป็นผู้อาศัยที่ดี จะช่วยทำอาหารเช้า เย็น และทำงานบ้านแกจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกพุด อีกอย่างแกไม่ใช่ผู้อาศัยนะแกคือเพื่อนของฉันเพราะฉะนั้นงานทุกอย่างเราก็ช่วยๆ กันทำดีกว่า” แม้จะเป็นเจ้าของบ้านแต่ก็ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว
ภายในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับบ้านของปราณติญานั้นกำลังเต็มไปด้วยคนงานมากหน้าหลายตาทุกคนล้วนถูกจ้างมาเพื่อทำความสะอาดทั่วบริเวณบ้านเพราะเจ้าของบ้านหลังนี้กำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ หลังจากที่ทิ้งร้างไปนานเพราะไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ตอนนี้เขาต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเนื่องจากช่วงนี้มารดาของเขาไม่ค่อยสบายเท่าไหร่และเธอก็อยากพักการทำงานทั้งหมดหลังจากที่ทำงานแทนสามีในบริษัทอสังหาริมทรัพย์มานานหลายปี แพทย์เจ้าของไข้จึงแนะนำให้มาอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศสดชื่น
รัญภาคย์ ชายหนุ่มวัย 35 ปี มองความวุ่นวายเบื้องหน้าแล้วก็เริ่มเวียนหัว เขาหวังว่ามารดาของเขาจะชอบที่นี่ เดิมทีนั้นเขาคิดว่าจะให้มารดาไปอยู่กับน้องสาวที่เชียงใหม่แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อทราบตอนนี้ที่นั่นมีฝุ่นละอองขนาดเล็กเยอะมาก สุดท้ายจึงต้องเลือกมาอยู่ที่นี่ แม้ว่าบ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากขับรถเพียง 10 นาทีก็ถึงแต่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก
แต่ก่อนชายหนุ่มเป็นเพียงพนักงานบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นคนชอบออกกำลังกาย พอเข้าไปใช้บริการบ่อยๆ ทำให้เขาคิดอยากจะมีฟิตเนสเซ็นเตอร์เป็นของตนเอง เขาไปเข้าไปใช้บริการหลายๆ ที่เป็นระยะเวลาเกือบปี พอเงินโบนัสออก บวกกับเงินเก็บที่มีเช่าห้องแถว 2 คูหาเปิดฟิตเนสเซ็นเตอร์เป็นของตัวเอง เขาเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ดูแลรักษาง่ายเช่นพวกดัมเบล ม้าบาเบล (ม้าที่ใช้นอนสำหรับยกน้ำหนัก) เก้าอี้ดัมเบล ม้าซิทอัพ บาร์โหน อุปกรณ์เล่นกล้ามต่างๆ ส่วนพวกลู่วิงไฟฟ้า เขาเลือกที่จะเช่าเพราะมีราคาค่อนข้างแพงและมีความเสื่อมเมื่อใช้งานไปนานๆ จากจุดเริ่มต้นตรงนี้รัญภาคย์ ได้รู้จักบริษัทที่ใช้เช่าอุปกรณ์หลายบริษัท เขาจึงคิดว่าถ้าเขานำเข้าสินค้าและบริการให้เช่าเองโดยติดต่อโดยตรงกับบริษัทแม่ที่ต่างประเทศ เขาน่าจะได้ราคาที่ถูกว่า
จากฟิตเนสเซ็นเตอร์สาขาแรกก็นำมาสู่สาขาที่ 2 และ 3 ตามมาจนตอนนี้เขามีสาขาที่บริหารเองถึง 10 สาขาและยังนำเข้าสินค้าทั้งหมดเองอีกด้วย ชายหนุ่มไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขายังเปิดบริษัทรับให้คำปรึกษาทางด้านอุปกรณ์กีฬาและยังให้เช่าอุปกรณ์ต่างๆ อีกด้วย
บิดามารดาของชายหนุ่มเป็นทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจที่จะทำธุรกิจของครอบครัว พอบิดาเสียชีวิตลงภาระทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่มารดาและฐิตาภาน้องสาวของเขาซึ่งตอนนี้ได้แต่งงานกับสามีนักธุรกิจและช่วยกันทำงานสานต่อจากบิดาของเขา บ้านหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในโครงการของบิดา และนอกจากนี้มารดาของเขาที่เป็นคนพื้นเพจังหวัดนี้ก็มีบ้านและอาคารพาณิชย์ให้เช่าอีกหลายแห่งในตัวเมือง พอน้องสาวรู้ว่าเขาจะพามารดามาอยู่ที่นี่เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยดูแลกิจการเดิมของมารดาแทนเธอด้วยด้วย
“พออยู่ได้ไหมครับแม่” ชายหนุ่มถามมารดาหลังจากที่เขาทำความสะอาดและปรับปรุงบ้านเสร็จเรียบร้อย
“ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกรัญ แม่อยู่ได้สบายมาก แล้วนี่พาใครมาด้วยล่ะ” หญิงสูงวัยถามเมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินตามหลังลูกชายเข้ามาในห้องรับแขก
“นี่ลียาครับ ผมจะให้มาอยู่กับแม่ตอนที่ผมไม่อยู่ แม่จะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อน ลียาเป็นลูกสาวของคนแม่บ้านที่ทำงานให้บ้านไอ้เต้มานาน แม่จำเตวิชเพื่อนผมได้ไหม”
“อ๋อ เพื่อนลูกที่มาซื้อบ้านในโครงการของเราใช่ไหม”
“ใช่ครับแม่พอผมบอกว่าจะให้แม่มาอยู่ที่นี่มันเลยให้ลียามาคอยอยู่เป็นเพื่อน ลียาพูดไทยได้ครับแม่เพราะไอ้เต้ให้เรียนหนังสือถึงชั้น ป .6 แล้วตอนนี้ก็กำลังเรียน กศน. อยู่ด้วย”
“อย่างนั้นแม่ก็เบาใจ สมัยนี้หาคนที่ไว้ใจยากเหลือเกิน”
“ครับแม่ เดี๋ยวมันว่าจะเข้ามาสวัสดีแม่อยู่เหมือนกัน”
“จ้ะลูก แล้วรัญจะอยู่กับแม่ที่นี่กี่วัน”
“คงอยู่อีกสัก 2 วันครับ ให้บ้านเรียบร้อยแล้วจะเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท จากนั้นก็คงกลับมาอยู่กับแม่ได้ยาวเลย ผมว่าจะลองดูแถวๆ ในเมืองสักหน่อยว่ามีทำเลพอจะเปิดสาขาที่นี่อีกไหม เพราะลูกค้าที่เช่าและซื้ออุปกรณ์กับผมบอกว่าจังหวัดนี้ยังไม่ค่อยมีฟิตเนสฯ ผมว่าจะลองบุกเบิกดู เผื่อไปได้ดี จะได้อยู่กับแม่ทีนี่ตลอด”
“แล้วจะเอาตึกของเราเองไหม แม่จะได้คุยกับผู้เช่าให้”
“ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่อยากให้ใครลำบาก” รัญภาคย์คิดว่าถ้าต้องให้คนอื่นย้ายออกเพื่อให้ตัวเองได้เปิดธุรกิจของตัวเองก็คงดูไม่เป็นมืออาชีพสักเท่าไหร่