34 พรั่งพรู
พุดพิชชากำลังตรวจรายการสินค้าที่จะต้องสั่งมาเพิ่ม เพราะช่วงนี้ที่ร้าน Healthy bar นั้นได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพอยู่มาก บางคนไม่ได้มาออกกำลังกายแต่ก็แวะมาซื้ออาหารกลับไปทานที่บ้าน มีลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาทุกวัน พุดพิชชามีความสุขทุกครั้งที่ลูกค้าบอกว่าที่กลับมาซื้อเพราะอาหารคลีนของทางร้านอร่อยกว่าที่เคยทานจากที่อื่น บางคนก็มาซื้อเพราะเคยได้รับเป็นของฝากจากเพื่อนแล้วติดใจในรสชาติอาหารเลยตามมาที่ร้าน
“พุดครับ” รัญภาคย์เรียก
“พี่รัญอะไรหรือเปล่า เข้ามาถึงนี่เลย” ปกติรัญภาคย์จะไม่ค่อยเข้ามาในครัวของร้าน Healthy bar เลยเพราะเขาไม่ค่อยรู้เรื่องอาหารเท่าไหร่ นอกจากจะสั่งไปทานที่ห้องทำงานของเขาที่ในฟิตเนสเซ็นเตอร์
“พี่จะมาชวนพุดไปทานข้าว วันนี้เพื่อนพี่มันนัดรวมตัวกันที่ร้าน...” ชายหนุ่มบอกชื่อร้านอาหารกึ่งผับที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอมากนัก
“พี่รัญไปคนเดียวเถอะค่ะ พุดไม่ค่อยชอบไปร้านแบบนี้เลย”
รัญภาคย์อยากให้เธอไปด้วยเพราะจะได้พาไปแนะนำให้เพื่อนรู้จัก “ไปไม่นานหรอกครับ นะ” เขาทำหน้าละห้อยจนพุดพิชชาอดยิ้มไม่ได้
“ไปก็ได้ค่ะ ทำไมถึงอยากให้ไปจังคะ มีอะไรหรือเปล่า” เธอไม่รู้ว่าแต่ก่อนนั้นรัญภาคย์ทานอาหารกับเพื่อนบ่อยแค่ไหนแต่หลังจากมีการคุยกันเรื่องงานแต่งงานนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ชวนเธอไปทานอาหารกับเพื่อนๆ ของเขา
“ก็พี่อยากพาพุดไปแนะนำให้เพื่อนๆ พี่รู้จักนี่ครับ”
“แล้วพี่รัญไม่กลัวเค้าถามเหรอคะว่าพามาแนะนำในฐานะอะไร”
“ก็ในฐานะแฟนหรือว่าที่เจ้าสาวไงครับ ไม่เห็นต้องคิดมากเลยเอาเป็นว่าพุดตกลงไปกับพี่แล้วนะครับ” เขาพูดจบก็เดินออกไปด้วยรอยยิ้ม
พุดพิชชาเองก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว แม้จะรู้ว่าที่เขาพูดออกไปเพราะอยากปกปิดความลับของตัวเองแต่เธอก็ยินดี
รัญภาคย์พาพุดพิชชากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนเขานั้นก็ยังอยู่ในชุดเดิม เขารู้ว่าผู้หญิงทุกคนก็คงอยากแต่งตัวให้ดูดีโดยเฉพาะเวลาที่จะต้องไปทำความรู้จักเพื่อนของแฟนเป็นครั้งแรก เขาคิดคนเดียวแล้วก็ยิ้มเพราะเขาใช้กับว่าแฟนกับเธอโดยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องหนักใจเลยสักนิด เขามีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้และดูเหมือนหญิงสาวก็รู้สึกแบบเดียวกับเขา
“พี่รัญมองอะไรคะ” พุดพิชชาอาบน้ำแต่งตัวออกมากก็เห็นว่าเขานั่งจ้องเธออยู่อย่างนั้น
“พี่ว่าพุดใส่ชุดนี้แล้วดูแปลกตาดีครับ”
“ไม่น่าเกลียดใช่ไหมคะ” หญิงสาวหมุนตัวให้เขาดู
“ไม่เลยครับ พุดใส่อะไรก็สวยอยู่แล้ว” เขาพูดแล้วเดินนำไปที่อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่เพราะว่าตัวเองรีบไป แต่เพราะชุดที่เธอใส่ต่างหากล่ะ เขาไม่น่าซื้อชุดนี้ให้เธอเลย ตอนมันอยู่ในหุ่นมันก็ดูปกติธรรมดา แต่พอมาอยู่บนเรือนร่างของพุดพิชชาแล้วเขาคิดว่ามันดูชวนมองเป็นอย่างมาก ชุดแซกสีครีมสั้นเหนือเข่าคอวีปาดลึกแม้จะไม่ลึกมากแต่เขาเห็นแล้วก็ใจเต้นแรง พุดพิชชาเป็นคนซ่อนรูปทีเดียว ปกติเขาเห็นว่าเธอชอบใส่แต่เสื้อเชิ้ตตัวหลวมก็ไม่คิดว่าเวลามาใส่ชุดที่เน้นสัดส่วนเช่นนี้จะทำให้น่ามองเป็นอย่างมาก ไหนจะสะโพกที่กลมกลึงรับกับเรียวขาที่ขาวเนียนนั้นสะกดสายตาเขายิ่งนัก ตอนนี้เขาอยากให้เธอเปลี่ยนเป็นกระโปรงยาวคลุมเขาอย่างเดิมเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบเธอยังไงถ้าเธอถามว่าทำไมจะต้องเปลี่ยนชุด
เพื่อนกลุ่มที่รัญภาคย์นัดเจอในวันนี้เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีเพราะเขาเอาแต่ทำงานที่กรุงเทพฯ พอย้ายมาอยู่ที่นี้จึงเพิ่งจะได้ติดต่อกันอีกครั้ง ทั้งกลุ่มไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่ารัญภาคย์นั้นผ่านการแต่งงานมาแล้ว เพราะครั้งนั้นเขาจัดงานแต่งงานเล็กๆ เนื่องจากไม่อยากรบกวนเงินของทางบ้าน และเขาเองก็พึ่งจะเริ่มทำงานได้ไม่นาน และรีบแต่งเพราะมนัสยาบอกว่าเธอกำลังท้อง ชายหนุ่มรีบจัดงานแต่งงานเล็กๆ นั่นก็สร้างความไม่พอใจให้กับมนัสยาเป็นอย่างมากเพราะเธออยากมีการจัดงานใหญ่โตอย่างเพื่อนๆ ของเธอ เธอพยายามให้เขาขอเงินจากบิดามาจัดงานแต่ง แต่รัญภาคย์ก็ไม่ทำตามเพราะคิดว่าขนาดของการแต่งงานไม่ได้การันตีว่าชีวิตคู่จะประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมนัสยาก็บอกกับเขาว่าเธอไม่ได้ท้องอย่างที่บอกแต่แรก เขาไม่ได้โกรธเธอเลยสักนิด เพราะครั้งแรกที่ได้ยินว่าเธอท้องนั้น เขาตัดสินใจจับธุรกิจฟิตเนตเซ็นเตอร์เพราะอยากให้ครอบครัวมีความมั่นคง เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากสาขาแรกก็ขยายไปอีกหลายสาขา ทำให้เขาสามารถเลี้ยงดูภรรยาได้อย่างสุขสบาย แต่ที่ต้องแลกมาก็คือเวลาที่เขาต้องใช้ในการทำงานแต่ละวันแรกๆ ภรรยาของเขาก็ตามไปด้วยตลอด เธอเห็นลูกค้ามาออกกำลังกายบ่อยเข้าเธอก็บอกเขาว่าอยากลองออกกำลังกายดูบ้าง เขาจึงแนะนำฟิตเนสเทรนเนอร์ที่ทำงานให้เขารู้จักกับมนัสยา และนับตั้งแต่นั้นเขาก็เสียภรรยาของตัวเองให้กับผู้ชายคนนั้นไป
“ดื่มหน่อยนะครับ ถือว่าเป็นการฉลองมิตรภาพ” เพื่อนคนหนึ่งของรัญภาคย์ส่งแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับพุดพิชชา เธอรับไว้แล้วจิบไปเพียงนิดเพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นดื่มมากไม่ได้ แต่สายตาทุกคู่ที่จ้องมานั้นทำให้เธอต้องยกแก้วมาดื่มอีกครั้งจนหมด
“ไหวไหม” รัญภาคย์หันมาถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้หน้าเธอแดงกล่ำเมื่อดื่มเครื่องดื่มที่เพื่อนของเขายื่นให้ไปหลายแก้ว
“พอไหวค่ะ พี่รัญไม่ต้องห่วงนะคะ” เธอตอบเสียงอ้อแอ้และดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติมากนัก รัญภาคย์เห็นท่าไม่ดี เขาจึงขอตัวพาเธอกลับบ้าน
พุดพิชชาเดินแทบไม่ตรงทางเธอไม่เคยดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้ว่ากี่แก้วต่อกี่แก้วที่ส่งมาจากเพื่อนของรัญภาคย์ที่เธอดื่มเข้าไปทั้งหมดในคืนนี้
รัญภาคย์มองหญิงสาวที่ไม่ได้สติแล้วก็อดโทษตัวเองไม่ได้ แทนที่เขาจะห้ามบรรดาเพื่อนๆ แต่เขากลับไม่ทำอะไรเลย เพราะคิดว่าหญิงสาวคงจะดื่มได้พอประมาณ เขาเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เธอความใกล้เพียงไม่ถึงคืบทำให้เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาจากตัวเธอ เขาต้องพยายามควบคุมสติของตัวเองเพื่อไม่ให้ล่วงเกินหญิงสาว เพราะไม่อยากทำลายความไว้ใจที่เธอมอบให้
ชายหนุ่มขับรถมาส่งเธอที่บ้าน เขาพยายามเรียกให้เธอตื่นแต่ดูเหมือนเธอจะไม่รับรู้อะไรเสียแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องอุ้มเธอไปส่งในห้องนอน รัญภาคย์วางหญิงสาวลงบนเตียงอย่างเบามือ ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับก็ได้ยินเสียงเธอร้องไห้
“ทำไมนะ ทำไม ทำไมต้องไปรักคนอย่างนั้นด้วย ฮือ...ฮือ...” เสียงเธอร้องไห้ แค่ยังหลับตาอย่างคนไม่ได้สติ รัญภาคย์อยากรู้เหลือเกินว่าที่เธอพูดหมายถึงใคร
“ใครเหรอพุด” เขาพยายามถามคนเมาไม่ได้สติ บางที่เธออาจจะมีอะไรที่ปิดบังไว้ก็ได้
“ยังจะมาถามอีกว่าใคร ฮือ ฮือ.. ก็พี่รัญนั่นแหละ ตัวเองไม่ชอบผู้หญิงแล้วมาใกล้ชิกับเค้าทำไม มาทำให้เค้าหลงรักทำไม ฮือ...ฮือ...คนใจร้าย พี่รัญใจร้าย” เธอยังร้องไห้ รัญภาคย์ฟังแล้วแทบจะดึงตัวเธอเขย่าถามเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิด นี่เธอรักเขาอย่างนั้นหรือและแสดงว่าที่ผ่านมานั้นเธอรักเขามาตลอดถึงได้ยอมแต่งานด้วย ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วถ้าเขาจะแก้ไขความเจ้าใจผิดของเธอเขาควรจะทำยังไง และเริ่มจากตรงไหน รัญภาคย์มืดแปดด้านเพราะถ้าบอกความรู้สึกออกไปตรงๆ เธอจะโกรธจะเกลียดเขาไหม ที่ปล่อยให้เธอเข้าใจผิดมานาน
“พี่รัญอย่าไปนะคะ อยู่กับพุดก่อน อยู่เป็นเพื่อนพุดก่อน พุดรักพี่รัญ ไม่ว่าพี่รัญจะเป็นยังไงพุดก็ยังรักพี่ห้ามทิ้งพุดไปนะคะ” หญิงสาวยังคงพูดคนเดียว รัญภาคย์ก็ไม่อาจใจแข็งทิ้งให้เธออยู่คนเดียวได้ เขาจึงนั่งลงข้างๆ เตียงแล้วกุมมือเธอไว้อย่างนั้น
“โอยปวดหัวจัง” เสียงของพุดพิชชาทำให้ชายหนุ่มที่ฟุบอยู่ข้างเตียงต้องรีบเด้งตัวขึ้น
“พุดเป็นยังไงบ้าง ไหวไหมครับ”
“พุดปวดหัวค่ะ” เธอเอามือกุมศีรษะแล้วพยายามจะลุกนั่ง
“ค่อยๆ ลุกนะเดี๋ยวพี่หาน้ำเย็นมาให้ดื่ม เขารีบวิ่งออกจากห้องนอนเพื่อเอาน้ำมาให้เธอดื่ม
“พี่รัญทำไมยังใส่ชุดเดิม” แม้จะปวดหัวแต่เธอก็จำได้ว่าชุดนี้เขาใส่ตั้งแต่เมื่อวาน นี่เขาคงยังไม่ได้กลับบ้าน แล้วเมื่อคืนเขานอนที่ไหนล่ะ พุดพิชชมองไปรอบๆ เตียงตัวเองก็ไม่เห็นมีร่องรอยว่ามีคนมานอนข้างๆ หมอนอีกใบที่วางอยู่นั้นหายไป แล้วเธอก็เห็นว่ามันวางอบู่บนพื้น
“พี่เป็นห่วงพุด เลยยังไม่ได้กลับบ้าน” เขาไม่กล้าสบตาหญิงสาว
“ขอบคุณนะคะ พี่รัญ” พุดพิชชาไม่ได้สงสัยไรในตัวเขาเพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางทำอะไรเธออย่างแน่นอน
“เดี๋ยวพี่ไปหาซื้ออะไรมาให้ทานนะ จะได้ทานยา”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“อย่าดื้อเลยครับ เมื่อคืนพุดคงดื่มไปเยอะ เช้านี้เลยปวดหัว นอนรอพี่อีกสักแป๊บ เดี๋ยวพี่มา” รัญภาคย์รีบเดินออกไปจากห้องเพราะตอนนี้หญิงสาวเปิดผ้าห่มออกมาทำให้กระโปรงล่นไปถึงโคนขา หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรแต่คนมองอย่างเขานั้นเลือดกำเดาแทบจะไหล