บท
ตั้งค่า

3 ละทิ้งอตีต

วันนี้ผกามาที่ร้านคอฟฟี่แอนด์เบเกอร์รี่ฟอร์ยูแต่เช้าเพราะเป็นวันแรกที่เธอจะมาทำงานในฐานะเจ้าของร้าน เธอรีบออกจากบ้านเพราะตื่นมาแล้วไม่เห็นรถสีเหลืองของลูกเลี้ยง แต่พอมาถึงที่ร้านก็ไม่เห็นรถของเธอจอดอยู่ พอเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าที่ร้านกำลังมีปัญหาเพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานไม่ได้ ตู้เค้กและตู้เย็นก็ไม่มีความเย็นอยู่เลยสักนิด ผกาถามพนักงานในร้านทุกคนต่างยืนยันว่าก่อนออกจากร้านทุกอย่างยังปกติ พอจะดูกล้องวงจรปิดก็พบว่าสายไฟได้ถูกถอดออกเหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

“ของที่แช่ไว้เสียหมดเลยค่ะ” จิรญาเดินมาบอกเจ้าของคนใหม่

“ไม่เป็นไร ของพวกนั้นเดี๋ยวสั่งใหม่ก็ได้ อย่าพึ่งโวยวาย” ผกาพูดอย่างกับเห็นว่าเป็นเรื่องง่าย

“ถ้าอย่างนั้นคุณสั่งเลยนะคะ เพราะพวกเราไม่รู้ว่าของทั้งหมดนั้นสั่งที่ไหนบ้าง” พนักงานอีกคนบอก

“แล้วปกติใครเป็นคนสั่งของ” ผกาเริ่มหงุดหงิดเพราะดูเหมือนว่าพนักงานจะไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

“คุณพุดเป็นคนสั่งของค่ะ”

“เดี๋ยวฉันโทรถามเอง เธอไปดูในครัวสิว่ามีอะไรที่ต้องซื้อเพิ่มบ้าง” ผกาสั่งพนักงานในร้านแล้วตัวเองก็รีบกดโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ของลูกเลี้ยง รอจนกระทั่งเข้ารับฝากข้อความก็ไม่มีคนรับสาย

“คุณผกาคะ ถ้ามีลูกค้ามาจะให้รับลูกค้าเลยไหมคะ”

“รับเลยสิ มีปัญหาอะไร”

“ก็ราคาทุกอย่างมันอยู่มี่คอมพิวเตอร์ค่ะ แล้วแฟ้มที่มีสูตรชงกาแฟก็ไม่มี”

“แล้วพวกเธอหาดีหรือยัง แฟ้มมันคงไม่มีขาเดินได้หรอกนะ ถ้าไม่มีสูตรก็ทำกันไม่ได้หรือยังไง” ผกามองหน้าพนักงาน

“บางอย่างก็ได้ค่ะ แต่ว่าบางอย่างก็ยังต้องดูแฟ้มที่คุณพุดเตรียมไว้ แล้วนี่แฟ้มพวกสูตรขนมต่างๆ ก็หายไปด้วยค่ะ” พนักงานคนเดิมบอกอีกครั้ง

“หรือว่าจะมีขโมยเข้ามาในร้านคะ” อัญชิสาเดินออกมาจากในครัวพูดขึ้น

“ขโมยที่ไหนมันจะเอาแต่แฟ้มไปกันล่ะ เครื่องคอมพ์ก็อยู่ ตู้เย็น ทีวีก็อยู่ครบ ฉันว่าคนที่เอาไปจะต้องเป็นยัยพุดแน่ๆ พอรู้ว่าฉันจะมาทำงานที่นี่ก็เลยขโมยไป คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะชนะฉันเหรอ ไม่มีทาง เอาอย่างนี้ วันนี้ปิดร้านไปก่อนยังไม่ต้องรับลูกค้า ส่วนของที่เสียไปก็จัดการทิ้งให้หมด พวกสูตรต่างๆ ก็ช่วยกันหาทางอินเตอร์เน็ต”

“แต่มันจะไม่ใช้สูตรเดิมของทางร้านนะคะ เพราะสูตรต่างๆ คุณพุดเธอคิดเอง ทดลองเอง ลูกค้าเลยติดใจถึงพากันมาอุดหนุนจนเต็มทุกวัน”

“ถ้าใครยังเอ่ยชื่อนั่งพุดให้ฉันได้ยินอีก ฉันจะไล่ออก จำไว้ว่าจากนี้ฉันคือเจ้านายของพวกเธอและใครก็ได้ช่วยเอาป้ายร้านออกให้ด้วย ฉันจะเปลี่ยนชื่อร้านและตกแต่งร้านใหม่ทั้งหมด” ผกาพูดกับพนักงานทั้งสามคนด้วยความโมโห เพราะนี่แค่วันแรกเธอก็เจอปัญหาเยอะขนาดนี้แล้ว แต่เธอเองก็มีเพื่อนที่เปิดร้านกาแฟอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องยากถ้าเธอจะไปขอคำปรึกษากับเพื่อนของเธอบ้าง

“คุณต้องจัดการให้ผกานะคะ” ผกาโทร. ไปบอกเรื่องที่เกิดขึ้นภายในร้านกาแฟวันนี้ เพราะมันทำให้เธอเสียเวลาและเสียเงินเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องซื้อโปรแกรมขายหน้าร้านใหม่ เพราะพุดพิชชาแกะเอาฮาร์ดดิสก์ออกไปด้วย อีกทั้งข้อมูลการซื้อขาย รายการสั่งสินค้าที่จำเป็นทั้งหมดก็อยู่ในนั้น

“แล้วลองโทร. ถามหรือยัง”

“ถ้าโทร. ได้ผกาจะมารบกวนคุณเหรอคะ อีกอย่างผกาว่าหนูพุดของคุณคงจะหนีไปแล้วแน่ๆ เพราะผกาให้หนูลิลลี่ไปดูในห้องเหมือนเธอจะขนเสื้อผ้าออกไปจากบ้านแล้ว”

“อะไรนะ” ปรีชาตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น แม้เธอกับลูกสาวจะไม่สนิทสนมกันมาก แต่เขาก็ยังเป็นห่วงว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหน

“ผกาว่าไม่ยังไม่ต้องตามหรอกค่ะ เดี๋ยวพอไปไม่รอดก็คงกลับมาเอง ลูกสาวคุณน่ะ วันๆ อยู่แต่ร้านกาแฟกับทำขนมคงหนีไปไหนได้ไม่ไกลหรอกค่ะ อย่ากังวลเลย เดี๋ยวผกาจะให้พรรคพวกที่เป็นตำรวจช่วยตามหาอีกทีนะคะ”

“ขอบใจมากนะ ผมฝากเรื่องนี้ด้วย ผมเองก็งานยุ่งเหลือเกิน”

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ผกาจะช่วยตามเองค่ะ”

บรรยากาศยามเช้าที่บ้านของปราณติญาทำให้พุดพิชชาตื่นนอนแต่เช้าก่อนเจ้าของบ้าน เธออาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ไปยังห้องครัวเล็กที่อยู่หลังบ้าน หญิงสาวต้มน้ำร้อนเพื่อเตรียมชงกาแฟสำหรับเพื่อนและของตัวเอง

“ฉันกินกาแฟที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าแกชงเลยนะพุด นี่ใช่กาแฟที่บ้านฉันหรือเปล่า” เจ้าของบ้านถามอย่างไม่แน่ใจเพราะจำได้ว่าเมื่อวานเธอทั้งสองคนไม่ได้ซื้อกาแฟเลยสักคน

“ก็กาแฟที่มีอยู่นั่นแหละ แต่จะชงให้อร่อยก็ต้องพิถีพิถันนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าแค่เทกาแฟใส่แก้วแล้วกดน้ำร้อนตามอย่างที่คนอื่นชอบทำกันมันต้องทำแก้วให้อุ่นก่อนแล้วค่อยเทกาแฟกับน้ำร้อนตามลงไป

“อือ” หอมดีเนาะ ปราณติญาสูดกลิ่นกาแฟดำ ก่อนจะค่อยๆ จิบอย่างใจเย็น

“ป่าน แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะให้ฉันมาอยู่ด้วย” พุดพิชชาถามเพื่อนเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เธอต้องการความชัดเจนสำหรับการวางแผนในการดำเนินชีวิต

“แน่ใจสิพุด แกเองก็รู้ว่าฉันก็ไม่ใคร มีแกมาอยู่ด้วย ฉันก็ดีใจ”

“แกไม่มีเพื่อนที่นี่เลยเหรอ”

“ไม่มีเลย นอกจากเพื่อนๆ ครูที่โรงเรียน เพื่อนส่วนใหญ่ก็อยู่กรุงเทพฯ กันหมด ฉันโตและเรียนที่นั่น ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่คนเดียว” ปราณติญาโตและเรียนที่กรุงเทพฯ พอเรียนจบก็สอบเข้าทำงานและได้มาบรรจุเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองนัก เธอคิดว่าจะสอนอยู่ที่นี่จนครบกำหนดที่จะย้ายได้ก็จะขอย้ายเข้าไปสอนที่กรุงเทพฯ เพราะครอบครัวอยู่ที่นั่นแต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อพ่อแม่และน้องชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกัน ปราณติญาจึงตัดสินใจขายบ้านที่กรุงเทพฯ และมาซื้อบ้านอยู่ที่นี่ ครั้งนั้นพุดพิชชาก็คอยให้กำลังใจเพื่อนและมาอยู่กับเธอที่นี่เกือบหนึ่งเดือนเต็ม

“เหงาใช่ไหม” คำถามสั้นๆ แต่คนฟังนั้นน้ำตาซึม ปราณติญาเดินเข้ามากอดคนถามแล้วร้องไห้ จนคนถามทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าจะทำให้เพื่อนร้องไห้ กว่าหญิงสาวเจ้าของบ้านจะหยุดร้องเสื้อของพุดพิชชาก็ชุ่มไปด้วยน้ำตา

“พุด แกมาอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยได้ไหม” เสียงสะอื้นถามมา

“ฉันเองก็ไม่เหลือใครแล้วเหมือนกัน ฉันถึงมาหาแกที่นี่” แล้วเธอก็ร้องไห้ตามเพื่อนไปอีกคน

ความรักความผูกพันของทั้งสองคนนั้นเริ่มตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ทั้งสองเจอกันที่ห้องสมุดด้วยความเป็นคนช่างพูดพอได้เริ่มคุยกันครั้งหนึ่งก็ทำให้ครั้งต่อมาทั้งสองคบหาเป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้แม้จะเรียนต่างคณะกันและแยกย้ายกันไปตั้งแต่เรียนจบแต่ก็ยังติดต่อกันเสมอ นับเวลาถึงตอนนี้ทั้งสองก็รู้จักกันมาเกือบ 7 ปีแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel