29 เมื่อเขา เข้ามาในชีวิต
แสงแรกของวันใหม่ส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาในห้อง รัญภาคย์รู้สึกตัวแล้ว เขามองหญิงสาวในอ้อมกอดที่นอนหลับตานิ่ง คงเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้หลับจริงๆ ก็เกือบจะตีสอง เช้านี้เราเลยไม่ปลุกเธอ ชายหนุ่มค่อยว่างร่างบอบบางนั้นลงนอนบนโซฟาอย่างช้าๆ และเบาที่สุด เพราะกลัวว่าเธอจะตื่นระหว่างนี้เขาโทร. ไปจองตั๋วเครื่องบินและรีบเก็บของลงกระเป๋าทันที
“ตื่นนานแล้วเหรอคะ” เธอมองเขาที่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“ไม่นานครับ ผมจองตั๋วแล้ว เราจะไปเชียงใหม่กันก่อน”
“ค่ะ ขอโทษนะคะ ที่ตื่นสายแล้วทำไมไม่ปลุกล่ะคะ”
“เครื่องออก 10 โมครับ เรายังพอมีเวลาเดี๋ยวคุณอาบน้ำแต่งตัวรอไปก่อน ผมขอไปคุยกับนิติกร”
“ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องรีบนะครับ” เขาย้ำกับเธออีกที เพราะระยะทางจากที่นี่ถึงสนามบินนั้นขับรถเพียงแค่ 15 นาทีก็ถึง
พุดพิชชานั่งเงียบหลังจากที่รัญภาคย์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับมารดาของเขาฟัง เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาป้าลดา เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะประหลาดอยู่มาก เพราะถ้าว่ากันตามจริงแล้วเหมือนกับว่าเธอเองจะได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว อีกทั้งเธอและรัญภาคย์ก็มีความแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นอายุ อาชีพ หน้าที่การงานลูกชายของเธอมีธุรกิจที่ต้องดูแลทั้งของตัวเองและของครอบครัวแล้วตั้งหลายสิบล้าน แต่ต้องมาตกกระไดพลอยโจนแต่งงานกับแม่ค้าที่ไม่มีแม้บ้านของตัวเองอย่างเธอ
“รัญออกไปข้างนอกก่อนได้ไหมแม่อยากจะคุยกับหนูพูดแค่สองคน” เมื่อได้ฟังเรื่องทุกอย่างแล้วลดาก็อยากจะคุยกับพุดพิชชาตามลำพัง
“ครับแม่” แม้ไม่รู้ว่ามันดาจะคุยอะไรกับหญิงสาวแต่รัญภาคย์ก็ยอมเดินออกจากห้องรับแขกแต่โดยดี
เขาพาพุดพิชชามาจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินเที่ยวเช้าสุดที่ออกจากกรุงเทพฯ พอมาถึงชายหนุ่มก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวเมื่อวานให้กับมารดาฟังโชคดีที่วันนี้น้องสาวและน้องเขยของเขานั้นพากันออกไปข้างนอกจึงไม่มีใครอื่นทราบเรื่องนี้
“เรื่องที่ตารัญพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงใช่ไหมหนูพุด” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเอ็นดูอย่างเคยทำให้พุดพิชชานั้นผ่อนคลายลงมาก
“ค่ะคุณป้า พุดโทษนะคะที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่คุณป้าไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกค่ะ เดี๋ยวพอเวลาผ่านไปพ่อก็คงใจเย็นขึ้นแล้วพุดจะพูดกับพ่ออีกทีค่ะ” พุดพิชชาตอบแต่ไม่กล้าเงยหน้าสบตาเพราะกลัวว่าป้าลดาจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาและเธอทำลงไปเมื่อวาน
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ หรือว่าหนูรังเกียจลูกชายป้า”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ
“ป้าดีใจนะที่หนูพูดไม่รังเกียจลูกชายป้า” คำพูดที่ออกมาจากป้าลดานั้นทำให้พุดพิชชาร้องไห้ขึ้นมาทันที
“อ้าว มีอะไรหรือเปล่าหนูพุดทำไมอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้อย่างนี้ล่ะ” ลดาตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นหญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยที่เธอยังไม่ได้ว่าอะไรเลยสักนิด
“มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าในเล่าให้ป้าฟังสิ”
“เปล่าค่ะป้าดา เพียงแต่พุดดีใจที่ป้าดาไม่รังเกียจพุด พุดนึกว่าป้าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราสองคนทำไปเมื่อวานแต่พุดสัญญานะคะถ้าวันไหนคุณรัญอยากจะหย่ากับพุด พุดยินดีที่จะหลีกทางให้ทันทีค่ะ”
“ทำไมหนูพุดถึงคิดว่าลูกชายป้าอยากหย่ากับหนูล่ะมีอะไรในใจหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะป้าดา เพียงแต่พุดคิดว่าถ้าวันใดวันหนึ่งคุณรัญไปเจอคนรักจริงๆ พุดก็คงต้องยอมถอยออกมาพุดไม่อยากรั้งคุณรัญไว้กับตัวเองหรอกค่ะ”
“ป้าขอถามอะไรตรงๆ อีกสักอย่างหนึ่งได้ไหม” ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตนั้น ลดามีโอกาสได้พบปะกับคนมากหน้าหลายตาเธอคิดว่าเธอคงมองอะไรไม่ผิดอย่างแน่นอน
“ได้ค่ะป้าดา” พุดพิชชายินดีที่จะตอบคำถามทุกอย่าง
“หนูพุดชอบลูกชายป้าใช่ไหม”
พุดพิชญาไม่ตอบคำถามนั้น แต่ลดาก็พอจะสังเกตจากอาการหน้าแดงของหญิงสาวได้
“ป้าคิดว่าหนูคงจะรู้สึกดีกับลูกชายของป้า แล้วทำไมหนูถึงไม่บอกความรู้สึกนี้ออกไปล่ะ บางทีความรู้สึกของหนูกับตารัญอาจจะตรงกันก็ได้” ที่ลดดาพูดออกไปอย่างนั้นเพราะตัวเองก็รู้ดีว่าลูกชายของเธอนั้นก็มีใจให้กับพุดพิชชาอยู่บ้าง เพราะถ้าเขาไม่สนใจหญิงสาวคนนี้เขาคงไม่หาทางให้เธอไปเช่าบ้านของตัวเองเป็นแน่และเขาก็ยังไปมาหาสู่กับเธอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้กระทั่งร้านชาของหญิงสาว ลูกชายเธอก็ไปนั่งดื่มกาแฟตอนกลางวันที่นั่น แต่ไหนแต่ไรรัญภาคย์ไม่ชอบอากาศร้อน จะดื่มกาแฟทั้งทีก็ต้องเป็นร้านที่มีบรรยากาศดี สงบ คนไม่พลุกพล่านมีเครื่องปรับอากาศ รัญภาคย์นั้นเป็นคนขี้ร้อนและไม่ชอบความเหนียวเหนอะเวลาที่เหงื่อออก แล้วไหนจะยังอาสาไปตลาดเช้ามืดกับหญิงสาวแต่พอเธอถามก็อ้างว่าอยากอำนวยความสะดวกเพราะเห็นว่าอาหารที่ซื้อมานั้นก็เอามาทำให้มารดาของตัวเอง ลดาเธออยากให้สองคนนี้ได้เปิดใจคุยกันเผื่อบางทีการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นนั้นอาจจะเป็นการแต่งงานจริงๆ ไม่ใช่แต่งงานเพื่อกู้ชื่อเสียงให้กับหญิงสาวก็เป็นได้
“พุดว่าอย่าบอกคุณรัญเลยดีกว่าค่ะ เพราะพุดเองก็ไม่ได้หวังว่าคุณรัญจะหันมาชอบหรือมีความรู้สึกพิเศษกับพุดเพราะแค่นี้พูดก็รู้สึกเกรงใจทั้งคุณป้าและคุณรัญอยู่มากแล้วค่ะ”
“เอาเป็นว่าป้าอยากให้หนูพุดลองเปิดใจดูนะเผื่อบางทีตารัญของป้าอาจจะเป็นคนที่หนูพูดรอคอยก็ได้”
พุดพิชชารู้ดีว่าเขาคือคนที่เธอรอคอยและเติมเต็มหัวใจเธอให้ยังมีแรงเต้นอยู่แต่มันก็ไม่อาจเป็นไปได้เธอคงไม่กล้าไปเปลี่ยนใจหรือไปฝืนใจให้เขามารักมาชอบเธอขอเพียงแค่นี้มีเขาอยู่ใกล้ๆ ก็พอแล้ว
“เรื่องสู่ขอกับพ่อและลุงของหนูที่กรุงเทพฯ เดี๋ยวป้าจะไปหาฤกษ์จากหลวงพ่อที่วัดอีกทีนะ หนูอย่ากังวลไปเลย ป้าไม่เคยรังเกียจที่หนูจะมาเป็นลูกสะใภ้ของป้า ต่อไปนี้ให้หนูเรียกว่าว่าแม่เหมือนตารัญนะแล้วก็เรียกตารัญว่าพี่รัญคงจะดีกว่าเรียกคุณรัญอยู่แบบนี้ แล้วหนูก็แทนตัวเองว่าพุดดีกว่านะลูก”
“ค่ะ” เธอรับคำอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกถึงความรักความเอ็นดูที่ป้าลดามอบให้เธอ
แล้วตั้งแต่วันนั้นสรรพนามที่ทั้งสองคนใช้เรียกกันก็เปลี่ยนไป
พูดพิชชายังคงเช่าบ้านหลังเดิมอยู่แม้ว่ามารดาของชายหนุ่มจะชวนเธอมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่ แต่พุดพิชชาก็ยังอยากอยู่ที่เดิมไปก่อนจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน เพราะเธอไม่อยากให้รัญภาคย์ต้องรู้สึกอัดที่มีเธออยู่ในบ้านตลอดเวลา
ทุกๆ เช้าชายหนุ่มจะมารับเธอที่บ้านเพื่อไปที่ทำงานด้วยกันตอนนี้ฟิตเนสเซ็นเตอร์แห่งที่สองเปิดอย่างเป็นทางการไปได้สองเดือนแล้วส่วนร้านอาหารสุขภาพที่รัญภาคย์ตั้งชื่อร้านว่า Healthy bar นั้นก็เปิดบริการมาได้ เกือบสองสัปดาห์ โดยมีพุดพิชชาคอยดูแลทุกอย่างภายในร้าน ตอนนี้พุดพิชชานั้นเปรียบเสมือนผู้ช่วยของเขาอีกคนเพราะนอกจากจะดูแลที่ Healthy bar แล้วยังช่วยเขาดูแลในเรื่องของบัญชีรายรับรายจ่ายของฟิตเนสเซ็นเตอร์ทั้งสองสาขา แม้งานที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์และ Healthy bar จะยุ่งแค่ไหนพุดพิชชาก็ยังหาโอกาสไปที่ร้าน พุด-ชา ของเธออยู่บ่อยๆ
เดือนนี้ยอดขายที่ร้านไม่ค่อยเยอะเพราะเธอทราบว่ามีร้านชามาเปิดใหม่ถึงสองร้านแต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ร้านแรกเป็นเครื่องดื่มปกติแต่ลูกค้าสามารถเลือกตักมุกเองมากเท่าที่ลูกค้าต้องการ ได้ซึ่งตอนแรกแรกเธอสังเกตว่าลูกค้าจะไปใช้บริการร้านนี้อยู่มากแต่เธอเองลองไปซื้อมาชิมแล้วก็พบว่ามุกที่ร้านนี้มีลักษณะที่แข็งไม่เหมือนกับมุกที่ร้านของเธอ ช่วงแรกๆ ลูกค้าอาจจะยังไม่ทราบเรื่องนี้แต่พอระยะหนึ่งเธอก็เริ่มสังเกตว่าลูกค้ากลุ่มที่ไปซื้อร้านใหม่ก็กลับมาอุดหนุนร้านเธอเหมือนเดิมส่วนอีกร้านที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานจะเน้นไปที่ขนาดแก้วใหญ่กว่าร้านของเธอ พุดพิชชาคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเพราะเธอมั่นใจว่าสูตรชาและมุกของเธอนั้นอร่อยกว่าทั้งสองร้านแต่คงต้องให้เวลาลูกค้าในการเปรียบเทียบทั้งรสชาติของชาและความอร่อยของมุก
“พี่เบญไม่ต้องคิดมากนะคะ ยอดขายที่ตกไป ไม่ใช่เพราะพี่เบญหรอกค่ะ ช่วงนี้มีร้านใหม่มาเปิดถึงสองร้าน ใครๆ ก็ต้องอยากลองชิมของใหม่กันทั้งนั้นค่ะ พุดมั่นใจว่าร้านเรารสชาติอร่อยกว่ามาก มุกที่เราใช้ก็ต้มจนเหนียวหนึบได้ที่ ไม่แข็งตรงกลางเหมือนร้านใหม่ เราต้มมุกใหม่ๆ ทุกวัน มุกที่เหลือเราก็ไม่เคยเก็บของเมื่อวานมาขายวันนี้” เธอบอกเบญจวรรณไปเพราะเธอเองก็ได้ซื้อชาของทั้งสองร้านมาลองชิมแล้ว
“พี่นึกว่าเพราะพี่ชงไม่อร่อยเท่าน้องพุดลูกค้าเลยมาซื้อน้อยกว่าตอนที่น้องพุดขาย”
“สบายใจได้นะคะ ไม่ใช่เพราะพี่หรอกค่ะ พรุ่งนี้พุดว่าจะเขามาขายชาเองนะคะ ให้พี่เบญหยุดวันอังคารไปด้วยเลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ พุดไม่ตัดเงินเดือนหรอกค่ะ พุดอยากให้พี่ได้พักบ้าง เพราะที่ผ่านมาพี่แทบไม่ได้หยุดเลย” เพราะช่วงที่ผ่านมาพุดพิชชาต้องไปดูแลร้าน Healthy bar แทบทุกวันจนไม่มีเวลามาช่วยเบญจวรรณเลย ช่วงนี้งานทุกอย่างที่ Healthy bar เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอจึงปลีกเวลามาดูแลร้าน พุด-ชา ของตัวเองบ้าง
“ขอบคุณนะคะน้องพุด” เบญจวรรณกล่าวขอบคุณแล้วยิ้มที่จะได้หยุดพักผ่อนถึง 2 วัน