30 เข้ามาเป็นคนของครอบครัว
พุดพิชชามาที่ร้านเช้ากว่าปกติ เพราะเธอจะมาดูด้วยว่าร้านชาอีกสองร้านนั้นเปิดกันเวลากี่โมง นี่ก็ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้วร้านทั้งสองก็ยังไม่เปิด เธอเลยมีลูกค้าเข้ามาซื้อเรื่อยๆ ถ้าเป็นอย่างนี้เธออาจจะต้องเปิดร้านให้เช้ากว่าเดิม แล้วให้ค่าจ้างเบญจวรรณเพิ่มอีกสักหน่อย เธอคิดว่าคงจะต้องลองคุยกับหญิงสาวอีกครั้ง หรือบางทีเธออาจจะเป็นคนมาเปิดร้านตอนเช้าเสียเองก็ได้ เพราะกว่าฟิตเนสเซ็นเตอร์และ Healthy bar จะเปิดก็เกือบ 11 นาฬิกา เธอคิดว่านี่ก็อาจจะเป็นอีกข้อที่ได้เปรียบของเธอเพราะเปิดเช้ากว่าร้านอื่น
“พี่พุดคิดถึงจังเลย” เสียงที่เธอจำได้ว่าเป็นของต้นหลิวเรียกเธอก่อนที่ตัวเองจะเดินมาถึงทำให้พุดพิชชายิ้มอย่างดีใจ
“ไม่ไปเรียนเหรอคะ” เพราะวันนี้เป็นวันอังคารเธอจึงอดถามออกไปไม่ได้
“หยุดอ่านหนังสือสอบกลางภาคค่ะ พี่พุดไม่มาที่ร้านนานเลยนะคะ”
“พี่มีงานย่างอื่นต้องทำด้วยจ้ะ แล้วพี่ไม่อยู่มาอุดหนุนร้านพี่หรือเปล่าคะ”
“มาตลอดค่ะ แต่ก็แอบปันใจไปร้านใหม่อยู่เหมือนกันค่ะ ร้านที่ตักมุกเองนี่ไม่ไหวเลยค่ะ แข็งโป๊กเลยค่ะ ตักมาซะเยอะ แต่ก็ต้องทิ้งค่ะ ส่วนอีกร้านก็ให้เยอะแก้วใหญ่เลยค่ะ สุดท้ายก็กินไม่หมด ทิ้งไว้อย่างนั้นพอจะมาดูดอีกทีก็จืดชืดไปเลย”
“แก้วใหญ่ไม่ชอบเหรอ”
“หลิวว่ามันใหญ่ไปค่ะ ใครจะไปกินหมด จะทิ้งก็เสียดาย จะกินอีกก็ไม่อร่อย”
พูดพิชชาฟังแล้วก็เป็นไปตามที่เธอขาดความกังวลที่มีอยู่ก็หายไป
“แล้วไปซื้ออะไรมาคะ ถุงใหญ่เชียว”
“อ๋อ ของขวัญค่ะ ที่โรงเรียนกวดวิชามีจับฉลากแลกของขวัญกันในวันคริสต์มาสค่ะพี่พุด”
“คริสต์มาสอีกตั้งเกือบเดือนไม่ใช่เหรอคะทำไมรีบซื้อจัง”
“ก็หรือต้องรีบซื้อตอนที่มีเงินเหลือค่ะพี่พุด พอถึงปลายเดือนหลิวกลัวว่าจะไม่เหลือเงินซื้อของขวัญค่ะ” ต้นหลิวตอบแล้วก็อดหัวเราะให้ตัวเองไม่ได้
“อ้อ พี่เข้าใจละ เอ...พี่ว่าปีใหม่นี้พี่จะน่าจะมีการจับสลากแจกของสมนาคุณให้ลูกค้า หลิวว่าดีไหม”
“ดีเลยค่ะพี่พุด แล้วหลิวมาจับด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิ พี่ว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปใครที่ซื้อชาร้านพี่หนึ่งแก้วจะได้หนึ่งสิทธิ์ในการจับสลากของขวัญปีใหม่ดีไหม ยังไงหรือช่วยประชาสัมพันธ์ให้พี่ด้วยนะคะ ส่วนใบปลิวเดี๋ยวพี่จะรีบกลับไปทำมาได้เลยค่ะ”
“อย่างนี้ลูกค้าพี่พุดกลับมาเยอะอย่างเดิมแน่เลยค่ะ แต่พี่พุดไม่กลัวว่าสองร้านนั้นจะทำตามที่พี่พุดคิดเหรอคะ”
“จะว่าไม่กลัวก็ไม่เชิงนะ แต่พี่คิดว่าพี่ไม่ได้คิดเอาเปรียบหรือลอกเรียนแบบใคร ส่วนใครจะทำตามพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ แต่พี่รับรองเลยว่าของขวัญร้านพี่ไม่เหมือนใครแน่นอน” พุดพิชชาพูดอย่างมั่นใจเพราะสัปดาห์หน้าเธอจะลงไปกรุงเทพฯ กับรัญภาคย์และมารดาของเขาซึ่งนัดกับบิดาและลุงของเธอไว้ เธอคิดว่าคงพอมีเวลาว่างไปซื้อของมาจับสลาก
“พี่พุดพูดอย่างนี้หลิวชักอยากจะเห็นของขวัญแล้วล่ะสิ”
“ใจเย็นๆ สิคะสัปดาห์หน้าพี่จะลงไปกรุงเทพฯ แล้วพี่จะไปหาซื้อมา พี่ว่าจะมีรางวัลทั้งหมด 21 รางวัลเป็นรางวัลเล็กๆ 20 รางวัลแล้วมีรางวัลใหญ่อีกหนึ่งรางวัล”
“โอ้โห! สุดยอดความคิดเลยค่ะพี่พุดแบบนี้ หลิวคงต้องกินวันละหลายq แก้วแน่เลยค่ะ”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะต้นหลิว กินวันละแก้วก็พอแบ่งรางวัลให้คนอื่นบ้างนะ”
“ก็หลิวอยากได้รางวัลใหญ่นี่คะ”
“แหม ยังไม่รู้เลยว่ารางวัลใหญ่คืออะไรก็อยากได้เสียแล้ว เอาอย่างนี้ในไหนๆ ก็มาให้ข้อมูลกับร้านสองร้านที่เปิดใหม่กับพี พี่ว่าลงไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้พี่จะซื้อของมาฝากต้นหลิวซักอย่างดีไหม”
“สงสัยหลิวคงต้องนับวันรอเลยสิคะพี่พุด”
“แหม อย่ามัวแต่นับวันรอจนลืมอ่านหนังสือนะจ๊ะ”
“ขอบคุณนะคะที่พุดที่เตือน หลิวต้องรีบไปแล้วตอนนี้เพื่อนรออยู่คงบ่นกันแน่ๆ เลยว่าหลิวหายไปไหน” พูดจบต้นหลิวก็วิ่งตัวปลิวออกไปจากร้านทันที แต่เพียง 5 นาทีจากนั้นหญิงเด็กสาวก็วิ่งกลับเข้ามาใหม่
“อ้าว ลืมอะไรเหรอหลิว”
“คือหลิวว่าจะมาสั่งชาค่ะ พอมาเจอพี่พุดหลิวก็เลยคุยเพลินเลยค่ะ”
“แล้วจะเอาชาอะไรบ้างล่ะ เดี๋ยวพี่จะรีบทำให้เลย”
“นมสดไข่มุก 2 ชาเขียวนมสด 2 โกโก้หวานน้อย1 และชากุหลาบหวานน้อยอีก 2 ค่ะ”
“อีก 20 นาทีเดี๋ยวมาเอานะคะ”
“ได้เลยจ้ะ พี่จะเตรียมไว้รอ”
การพูดคุยกับครอบครัวของพุดพิชชานั้นผ่านไปได้ด้วยดีเพราะวศินกลับลดานั้นรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว ลุงและบิดาของเธอบอกว่าไม่ต้องการเรียกสินสอดอะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่มาทำให้ถูกต้องก็พอ ดูแต่ผกาดูจะไม่ค่อยพอใจเพราะตอนนี้ที่ร้านของเธอขาดทุนติดๆ กันมาหลายเดือนแล้ว เธออยากได้เงินตรงนี้มาช่วยสภาพคล่องภายในร้านของเธอด้วย
“อย่าถือว่าเป็นค่าสินสอดอะไรเลยนะคะ ถือว่าเป็นหลักประกันมากว่าตารัญสามารถเลี้ยงดูลูกของคุณได้เป็นอย่างดี ฉันจะจัดสินสอดเป็นเงินสด 10 ล้านกับแหวนเพชรอีกซักวงและทองคำแท่งอีก 50 บาท หวังว่าคุณปรีชาคงไม่ว่าอะไรนะคะ” ลดาหันมาพูดกับปรีชา
“ผมว่าคุณแค่เอาสินสอดทองหมั้นมาวางเป็นพิธีก็พอครับ ผมไม่คิดจะขายลูกสาวกินอยู่แล้วพอเสร็จงานก็ให้ทางคุณเอาสินสอดกลับจะเอาคืนทั้งหมดหรือยกให้ลูกสาวผม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรผมขอแค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ”
พุดพิชชาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาของเธอจะคิดเช่นนั้น แม้ผกาจะพยายามเปลี่ยนความคิดของปรีชาแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ปรีชาเองจะยังมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้าง เขาไม่คิดจะขายลูกสาวกินอย่างที่พูดสินสอดทองหมั้นทั้งหมดเขาไม่ได้ต้องการอะไรเลยเพียงแต่ที่เขาต้องให้ชายหนุ่มมาจัดงานแต่งงานให้เพราะเขาไม่อยากให้ลูกสาวถูกนินทาลับหลังว่าหนีตามผู้ชายมากกว่า
“ส่วนเรื่องงานแต่งงาน ฉันว่าจะจัดกันที่กรุงเทพฯ ในอีกสามเดือนข้างหน้า คุณคิดว่ายังไงบ้างคะ”
“ผมว่าก็ดีเหมือนกันครับ ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปเพราะถ้าแต่งเร็วคนก็จะคิดไปอีกว่าเจ้าสาวท้อง” ปรีชาเห็นด้วยกับบิดาของชายหนุ่ม
“จัดที่กรุงเทพฯ ก็ดีเหมือนกันนะคะ ผการู้จักโรงแรมใหญ่ใหญ่ๆ ที่จัดงานแต่งงานเยอะแยะ ค่ะเดี๋ยวผกาจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ฉันว่าเรื่องนี้เธออยากเข้าไปยุ่งเลยให้คุณลดาจัดการจะดีกว่า” ปรีชาหันมาปรามภรรยา
“อ้าว ทำไมล่ะคะฉันก็อยากเป็นคนจัดการให้หนูพุดนะ”
“ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” ปรีชาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเพราะรู้ดีว่าที่ผกาเป็นคนเสนอตัวจัดงานเลี้ยงครั้งนี้น่าจะมีแผนอะไรซักอย่าง
“ขอบใจคุณผกามากนะที่อยากช่วยเหลือ แต่ว่าเรื่องนี้ฉันเองก็รู้จักคนอยู่มาก น่าจะไม่ต้องรบกวนอะไรคุณผกาหรอกค่ะ”
หลังจากคุยธุระที่บ้านของพุดพิชชาเสร็จแล้วลดาและรัญภาคย์ก็พาหญิงสาวมายังบ้านของเธอที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ป้าใจและลุงผลมารออยู่แล้ว พอรู้ว่าเจ้านายจะขึ้นมากรุงเทพฯ ทั้งสองคนก็อาสามาทำความสะอาดที่บ้านเพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านของลูกสาวมากนัก
“เข้ามาเลยจ้ะหนูพุดบ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูนะลูก แม่ว่าต่อไปถ้าหนูกับตารัญขึ้นมากรุงเทพฯ ก็ให้มาใช้บ้านหลังนี้ดีกว่าไปอุดอู้อยู่ที่คอนโดฯ แบบนั้นห้องก็แคบนิดเดียว”
“โธ่ แม่ครับ ก็แต่ก่อนผมอยู่คนเดียวไม่รู้จะซื้อห้องใหญ่ทำไม ถ้าผมรู้ว่าผมต้องแต่งงานมีครอบครัวผมก็คงเลือกห้องที่มันใหญ่กว่านี้แล้ว”
“แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เพียงแต่แม่อยากให้เราสองคนมาอยู่บ้านนี้บ้าง ปิดไว้แบบนี้นานๆ ไม่มีคนมาคอยดูแลเดี๋ยวบ้านจะเก่าเอานะ”
พุดพิชชาเดินสำรวจบริเวณบ้านรอบๆ แม้บ้านจะอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แต่ก็มีความร่มรื่นต้นไม้ใบหญ้ายังเขียวขจีเพราะลุงผลกับป้าใจยังหมั่นมาดูแลบ้านหลังนี้อยู่เสมอๆ
“หนูพุดตามแม่ขึ้นไปบนห้องหน่อยสิลูก”
“ค่ะแม่” พุดพิชชาเริ่มชินกับการเรียกลดาว่าแม่แล้ว แม้จะดูขัดเขินอยู่บ้างในตอนแรกแต่พอเรียกบ่อยๆ อาการนั้นก็หายไป
“หนูพูดมาดูอะไรนี่หน่อยสิลูก”
“อะไรคะแม่”
“แหวนแต่งงานของแม่เอง แม่ยังเก็บไว้อย่างดีถึงแม้การแต่งงานครั้งนี้จะมีจุดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด แต่แม่เชื่อว่าหนูสองคนมีความคิดมีความชอบอะไรที่คล้ายๆ กัน แต่งงานกันไปก็น่าจะรักกันได้ แม่ว่ามันอาจจะดูหัวโบราณไปหน่อยแต่บางครั้งมันก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ นะ” เธอมองออกว่าทั้งสองคนนั้นมีความรักให้แก่กัน แต่เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างปิดกันหัวใจทั้งสองดวงไว้
“พุดไม่ได้หวังขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“อย่าพึ่งปิดกั้นอย่างนั้นสิจ๊ะลูก ลองสวมแหวนให้แม่ดูก่อน”
“แหวนสวยมากเลยค่ะแม่ แต่พุดว่าพุดคงไม่กล้ารับเพราะแม่ก็รู้ถึงเหตุผลที่เราสองคนแต่งงานกัน”
“ใช่จ้ะไม่รู้แต่ที่แม่ให้หนูพุดเพราะแม่รักและเอ็นดูหนูพุดจริงๆ อย่าคิดอะไรมากลองสวมดูก่อน” ลดามีโอกาสคุยเรื่องการแต่งงานกับรัญภาคย์แล้ว ทำให้รู้ว่าลูกชายของเธอก็มีความรู้สึกไม่ต่างไปจากพุดพิชชา ลดามั่นใจเหลือเกินว่าพุดพิชชาจะเข้ามาเติมเต็มชีวิตที่อ้างว้างของลูกชายเธอได้เป็นอย่างดีแล้ว
พุดพิชชาหยิบแหวนตัวเรือนทำจากทองคำขาวมีเพชรเม็ดเล็กๆ ส่องประกายแวววาวยามต้องแสงไฟเธอสวมลงไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองด้วยความรู้สึกเต็มตื้น
“เพชรมันอาจจะไม่ใหญ่นะลูก แต่น้ำงามมาก ถ้าหนูใส่แล้วเล็กไปหรือใหญ่ไปเอาไปให้ร้านประจำปรับได้นะลูก”
“ค่ะ ขนาดพอดีนิ้วเลยค่ะ”
“ไหนให้แม่ดูสิ พอดีกับนิ้วจริงๆ เหมาะกับหนูจริงๆ เอาไว้แม่เอาไปให้ร้านเพชรทำความสะอาดก่อนที่เราจะได้ใช้วันงานนะลูก แหวนมันกันเก่าแล้วอาจจะต้องมีการซ่อมแซมในส่วนของหนามเตยนิดหน่อย”
“ค่ะแม่”
“หนีขึ้นมาอยู่บนห้องกันสองคนนี่เองผมก็เดินตามหาแทบแย่ทำอะไรกันอยู่ครับ”
“แม่กำลังให้หนูพุดดูแหวนจ้ะ”
“นี่แหวนที่พ่อให้แม่นี่ครับ” รัญภาคย์ถามอย่างแปลกใจ เขาจำได้ว่าแหวนวงนี้มารดาของเขาหวงมากขนาดตอนที่เขาแต่งงานครั้งแรกเธอยังไม่ยอมให้เขานำไปให้กับมนัสยา แต่วันนี้มารดาของเขากลับยกให้พุดพิชชาทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ขอเลยด้วยซ้ำ
“ใช่จ้ะ แล้วตอนนี้แม่ก็จะยกให้หนูพุด”
“ผมว่าจะพาพุดไปเลือกแหวนสักหน่อย แม่ก็ชิงตัดหน้าผมไปซะแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พุดใส่วงไหนก็ได้ อันที่จริงก็ไม่ต้องมีแหวนก็ได้นะคะ”
“พุดอะไรอย่างนั้น แต่งงานกันทั้งทีก็ต้องมีแหวนแต่งงานสิลูก”
“ผมเห็นด้วยกับแม่นะครับ วงนี้เอาไว้ใส่งานแต่งดีกว่า ส่วนวงที่พี่จะซื้อให้ก็เอาแบบที่ใส่ได้ทุกๆ วันดีไหมครับ”
“ตารัญนี่ก็มีความคิดดีๆ เหมือนกันนะ แม่ว่าเอาอย่างนั้นก็ได้ เพราะแหวนวงนี้แบบมันดูจะโบราณไปหน่อย แม่ว่าลองไปดูที่ร้านเลือกวงที่เก๋ๆ ใส่แล้วเหมาะกับคนทำงานอย่างหนูพุดก็คงดี อย่าลืมเลือกสร้อยกับต่างหูที่เข้าชุดกันมาด้วยนะลูก”