บท
ตั้งค่า

28 รับผิดชอบ

วศินเรียกรัญภาคย์ออกไปคุยกันตามลำพังโดยที่เธอไม่มีโอกาสรู้เลยว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน ระหว่างที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกเธอก็พยายามจะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้บิดาฟังอีกครั้งแต่ดูเหมือนบิดาจะไม่ฟังที่เธอพูดเลยสักนิด

แล้วคนที่บิดาเธอกำลังรอก็มาถึง พุดพิชชาต้องตกใจอีกครั้งเมื่อทราบว่าชายทั้งสองคนที่เดินเข้ามานั้นเป็นนายทะเบียนที่บิดาของเธอติดต่อมาให้เธอกับรัญภาคย์จดทะเบียนสมรส หญิงสาวปฏิเสธทันทีผิดกับรัญภาคย์ที่ไม่ได้ปฏิเสธเลยสักนิด เธอไม่รู้ว่าที่เขาหายไปคุยกับลุงวศินนั้นทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกัน

“คุณรัญคะ ฉันว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้นะคะ” เธอพยายามบอกเขาที่กำลังจับปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงบนทะเบียนสมรส

“ผมรู้ว่าคุณไม่อยากจดทะเบียนสมรสแต่ถ้าเรามัวชักช้า คุณก็จะต้องทนนั่งอยู่ที่นี่ให้คนอื่นพูดจาทำร้ายจิตใจ ผมอยากพาคุณออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด” เขาพูดจบก็เซ็นชื่อตัวเองลงไปที่ทะเบียนสมรสทั้งสองแผ่น ก่อนจะส่งให้ปากกาให้หญิงสาว เขาพยักหน้าให้เธอรีบทำตามที่บิดาต้องการ จากนั้นเขาก็ขอให้เธอออกไปรอข้างนอกพร้อมกับลุงของเธอ เพราะเขามีเรื่องที่จะคุยกับคนในครอบครัวของเธอ

“ลุงดีใจด้วยนะลูก ถึงแม้จะข้ามขั้นตอนไปหน่อย ลุงขออวยพรให้หนูมีชีวิตคู่ที่ดีนะลูก แล้วหมั่นมาเยี่ยมลุงบ้าง ไม่ใช่หายไปเลยแบบนี้” ลุงวศินยังเป็นลุงที่ใจดีของเธอเสมอ ครั้งที่เธอหนีออกจากบ้านเธอก็คิดว่าจะไปหาลุงคนนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็รู้ดีว่าลุงวศินนั้นทุ่มเทให้กับการทำงานมากเพียงใด เธอไม่อยากเอาเรื่องไปไม่เป็นเรื่องไปกวนใจเขา

“ค่ะ” พุดพิชชาไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้วเพราะเรื่องทั้งหมดดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจใบแบบที่บิดาของเธอบอก

“รัญเค้าเป็นคนดีนะ ลุงเองเคยรู้จักกับพ่อและแม่ของเขา แต่ตั้งแต่พ่อของเขาตายลุงก็ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวนี้อีกเลย โลกมันกลมจริงๆ เอาไว้ถ้าลุงขึ้นไปทำงานที่พิษณุโลกลุงจะแวะไปหานะ” ลุงวศินบอกกับหญิงสาวก่อนที่จะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

“คุณคุยอะไรกับพ่อและลุงวศินคะ” เธอถามทันที่ที่เขาพานั่งรถออกมจากบ้านที่ตอนนี้หญิงสาวคิดว่ามันไม่ใช่บ้านอันแสนอบอุ่นที่เธอเคยอาศัยอีกแล้ว

“ก็ไม่มีอะไรมากครับ คุยเรื่องทั่วๆ ไป”

“คุณคิดว่าฉันจะเชื่ออย่างนั้นเหรอคะ แล้วยังจะเรื่องจดทะเบียนสมรสอีก ฉันว่าเราไปหย่ากันก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากให้คุณต้องมาเสียชื่อสียงเพราะฉันนะคะ”

“ผมไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไรนี่ครับ ไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย”

“ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณคงไม่คิดจะแต่งงานจริงๆ หรอกนะคะ”

“คิดสิ แต่ผมคงต้องบอกแม่ก่อน แล้วให้ท่านจัดการเรื่องนี้อีกที”

“คุณท่าจะบ้าไปแล้วนะคะ เราจะแต่งงานกันได้ยังไงในเมื่อเราไม่ได้รักกัน เราสองคนถูกบังคับ”

“ถ้าผมบอกว่าอยากแต่งงานกับคุณจริงๆ ละครับ”

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบผู้หญิง แล้วคุณจะมาแต่งงานกับฉันทำไม นอกซะจากว่ามีเหตุผลอื่นที่คุณจะแต่งงาน” พุดพิชชาสรุปตามที่ตัวเองเข้าใจ

“ถ้าผมบอกว่ามีเหตุผลอื่นนอกจาการถูกบังคับล่ะ คุณจะแต่งงานด้วยใช่ไหม”

“แล้วเหตุผลนั้นคืออะไรล่ะคะ” เธอถามตรงๆ

“คือผม...” รัญภาคย์พูดไม่ออกเพราะไม่คิดว่าเธอจะต้อนเขาจนมุมแบบนี้ ถ้าเขาจะสารภาพรักกับเธอไปตอนนี้เธอคงจะต้องตกใจเป็นอย่างมากเขาไม่อยากให้สถานการณืมันเลวร้ายไปกว่านี้

“นั่นไง คุณเองก็ยังหาเหตุผลไม่เจอ”

รัญภาคย์กำลังชั่งใจว่าจะบอกเธอไปตามตรงดีไหม แล้วถ้าบอกไปแล้วเธอจะเชื่อหรือเปล่า เพราะเธอคิดไปแล้วว่าเขาเป็นชายรักชาย ทุกอย่างในหัวของชายหนุ่มสับสนไปหมด เขากลัวว่าจะเสียเธอไปถ้าบอกความจริง เธอคงคิดว่าเขาโหกเธอมาตลอดและเธออาจจะหนีไปจากชีวิตของเขา

“คือแม่ของผมอยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัว” การเอามารดามาอ้างดูจะเป็นเหตุผลที่เขาคิดได้เพียงเหตุผลเดียวในตอนนี้

“คุณเลยคิดว่าถ้าแต่งงานกับฉันแล้วแม่คุณก็คงเลิกวุ่นวายเรื่องนี้อีกใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ” เขาแค่รับคำเพราะไม่อยากพูดโกหกแต่ถ้าเธอจะเข้าใจผิดและคิดไปเอง พอถึงวันที่ทุกอย่างเปิดเผยเขาเองจะได้ไม่ผิดมากไปกว่านี้

“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าจะต้องจดทะเบียนเลยนี่คะ”

“ผมอยากให้ครอบครัวของคุณสบายใจ ว่าระหว่างที่รอจัดงานแต่งงานนี้ผมจะไม่ทิ้งคุณไป”

“เราต้องจัดงานแต่งงานจริงๆ เหรอคะ ฉันว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป อีกอย่างถ้าเราจัดงานนอกจากครอบครัวเราแล้วยังจะมีคนอื่นอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ที่เราต้องโกหกพวกเขา”

“คุณไม่อยากใส่ชุดเจ้าสาวหรอกเหรอ ผมว่าถ้าถึงวันนั้นคงมีใครบางคนที่บ้านอิจฉาคุณเป็นแน่” เขาตอบไม่ตรงคำถาม เพราะยิ่งคนอื่นรู้มากนั่นก็ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าที่จะเลิกกับเขาง่ายๆ

“คุณหมายถึงใครค่ะ” เธอไม่เข้าใจที่เขาพูด

“ผมหมายถึงคนรักเก่ากับลูกสาวใหม่ของพ่อคุณ”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าเค้าเป็นแฟนเก่าฉันคะ”

“ก็เขาเองเป็นคนบอกผม แล้วเขายังบอกอีกว่าที่คุณหนีไปเพราะทนไม่ได้ที่เขาเลิกกับคุณแล้วมาเป็นแฟนกับลิลลี่ และที่คุณคบกับผมเพราะอยากประชดเขาเท่านั้น”

“คุณเชื่อเขาเหรอคะ”

“แม้ผมจะได้รู้จักคุณไม่นาน แต่ผมบอกได้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดไม่จริงเลยสักนิด พุดพิชชาที่ผมรู้จักนั้นเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและมีความคิดที่ฉลาดหลักแหลม คงไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนั้นแน่ๆ”

“ขอบคุณนะคะ ที่ไม่มองฉันในแบบที่คนอื่นพยายามอยากให้ฉันเป็น”

“คุณไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้วเหรอครับ”

“คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว”

“ก็ดูจากท่าทางรวมถึงน้ำเสียงเวลาที่พูดถึงเขา ดูคุณไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรอยู่เลย”

“เรียนจิตวิทยามาหรือเปล่าคะ” เธอหันไปมองเขาแล้วยิ้ม

“สบายใจขึ้นบ้างไหมครับ” เขาเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็รู้สึกโล่งใจ

“เรื่องมันยังไม่จบนี่คะ”

“ก็จริงนะครับเรื่องมันจะจบได้ยังไง ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยสักนิด ผมว่าเราคงต้องไปหาแม่ที่เชียงใหม่ก่อนกลับไปทำงานแล้วล่ะครับ”

“คุณแน่ใจนะคะ ว่าจะไม่เสียใจที่ต้องแต่งงาน แม้จะแต่งแค่ในนามก็เถอะ” พุดพิชชาถามย้ำอีกครั้ง

“ครับ ผมจะไม่เสียใจเลยและคิดว่าแม่ต้องดีใจมากๆ แน่เลย แล้วคุณล่ะ”

“ฉันรู้ว่าที่คุณทำเพราะอยากให้ฉันพ้นคำนินทา ส่วนที่คุณอยากแต่งงานกับฉันเพราะคุณอยากให้ป้าดาสบายใจ ถือว่าเราได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าวันไหนคุณจะบอกความจริงกับแม่ของคุณและไปใช้ชีวิตในแบบของคุณฉันก็ยินดีที่จะหย่าให้นะคะ”

“ผมว่าอย่าพูดเรื่องหย่าเลยนะครับ เราพึ่งจดทะเบียนกันยังไม่ถึง 2 ชั่วโมงเลยนะครับ”

“ก็พูดเผื่อไว้ก่อน”

“ผมคงไม่ขอหย่า อยู่ที่คุณมากกว่าว่าถ้าวันหนึ่งคุณเจอคนที่อยากใช้ชีวิตด้วย คุณต้องบอกผมตรงๆ แล้วถึงตอนนั้นผมจะหลีกทางให้”

“ไหนว่าไม่อยากพูดเรื่องหย่าไงคะ” เธอย้อนเขา แล้วส่งยิ้มมาให้ รัญภาคย์มองรอยยิ้มและแววตานั้นแล้วรู้สึกว่าเขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้รู้จักเธอ

พุดพิชชานั่งทบทวนเรื่องทุกอย่างอยู่ในห้องนอนของเขาไม่รู้ว่าที่ตัดสินใจลงไปในวันนี้จะส่งผลกระทบอะไรตามทีหลังบ้าง บิดากับลุงของเธอก็เห็นดีเห็นงามไปกับเรื่องนี้ด้วย สิ่งที่หญิงสาวยังกังวลอยู่ในตอนนี้ก็คือเรื่องของมารดาของรัญภาคย์ แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านป้าลดาจะเอ็นดูเธออยู่มากแต่ถ้าถึงขั้นที่จะให้ลูกชายมาแต่งงานกับคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเธอแล้ว ป้าลดาจะยังเอ็นดูเธออยู่อีกหรือไม่

“นอนไม่หลับเหรอครับ” ทันทีที่เธอเดินออกมาจากประตูห้องก็เห็นว่าเจ้าของห้องที่นอนอยู่บนโซฟาตัวยาวนั้นก็ยังไม่นอนเช่นกัน ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วดึงให้เธอลงมานั่งข้างๆ เขา

“ค่ะ คุณล่ะคะ”

“ผมหลับไปแล้ว แต่ลุกมาเข้าห้องน้ำเห็นไฟในห้องคุณยังเปิดอยู่เลยคิดว่าถ้าอีกครึ่งชั่วโมงคุณยังไม่ปิดไฟผมจะเข้าเรียกให้ออกมานอนดูทีวีข้างนอก ยังคิดมากอีกเหรอครับก็เราคุยกันแล้วไงต่างคนต่างได้ประโยชน์”

“ก็จริงอยู่ที่ต่างคนต่างได้ประโยชน์ แต่นั้นเป็นสิ่งที่เราตกลงกันสองคนนะคะ ฉันกลัวว่าป้าดาจะไม่เห็นด้วยน่ะสิ คุณก็รู้ฉันเป็นคนที่ไม่มีอะไรติดตัวเลยสักนิด ขนาดบ้านที่จะซุกหัวนอนยังต้องเช่าเลย” น้ำเสียงของเธอฟังแล้วทำให้เขาอยากเข้าไปกอดปลอบใจเหลือเกิน แต่ก็ทำได้แค่เพียงกระชับมือ

“ใครว่าคุณไม่มีอะไร คุณมีความขยัน ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และตอนนี้คุณยังเป็นคนช่วยผมทำงานอีกตั้งหลายอย่าง ถ้าไม่มีคุณผมคงแย่เหมือนกัน”

พุดพิชชาไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอพิงศีรษะกับแผงอกกว้างของเขา ตอนนี้หญิงสาวกำลังมีความสุขเพราะการที่จะได้แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบนั้นเป็นอะไรที่วิเศษที่สุดสำหรับเธอ แม้มันเป็นเพียงการแต่งงานเพื่อยุติปัญหาก็ตาม เธอไมได้หวังให้เขามารักมาชอบเธอในฐานะคนรักเพราะรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เธอยินดีที่จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เพื่อนที่เขาสามารถคุยกับเธอได้ทุกเรื่อง เขาสามารถไว้ใจเธอได้และเธอเองก็สามารถไว้ใจเขาได้ทุกเรื่องเช่นกัน รัญภาคย์ยังเป็นคนที่คอยอยู่ข้างเธอเวลาที่เธอมีปัญหา เพราะตอนนี้เธอจะไปปรึกษากับปราณติญาอย่างเคยคงไม่ได้ เพราะเพื่อนของเธอเองก็กำลังมีเรื่องยุ่งๆ เกี่ยวการจัดงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

รัญภาคย์นั่งนิ่งเมื่อหญิงสาวที่ตัวเองรักมานั่งพิงอย่างใกล้ชิด เขาค่อยๆ โอบไหล่เธอไว้อย่างปลอบโยน เวลานี้คงเป็นเวลาที่หญิงสาวกำลังต้องการกำลังใจอย่างที่สุด เขายินดีที่จะเป็นคนอยู่เคียงข้างเธอเสมอไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ตาม ทั้งสองนั่งพิงกันอย่างนั้นจนกระทั่งเผลอหลับไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel