27 มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะพ่อ
“อะไรครับเนี่ย” รัญภาคย์ถามออกไป
“อ๋อ นี่ใช่ไหมผู้ชายที่แกหนีตามมันไป”
“ใครหนีตามใครคะ พุดไม่เห็นเข้าใจเลย” เธอถามบิดา
“เห็นอยู่ตำตาว่าแกหนีไปอยู่กับมัน”
“ไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะคะ” พุดพิชชาพยายามอธิบาย
“แล้วแกจะให้ฉันคิดว่าอะไร แกหายออกจากบ้านจากไปตั้งหกเดือน โดยที่ไม่ติดต่อมาเลย พอผกาโทร. ไปตามแกก็ไม่ยอมกลับ ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อที่ผกาบอกหรอกนะ แต่วันนี้ฉันเห็นกับตาฉันไม่คิดเลยว่าลูกสาวของฉันจะหนีไปกับผู้ชายจริงๆ แล้วยังไงท้องไส้กันแล้วสิท่าถึงต้องมาหาซื้อของใช้เด็กแบบนี้”
“พ่อเข้าใจผิดแล้วนะคะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ พุดไม่ได้หนีตามใครที่พูดต้องออกจากบ้านก็เพราะพ่อนั่นแหละ พ่อจะยกสมบัติชิ้นสุดท้ายของแม่ให้เมียใหม่” เธอโพล่งออกไปอย่างสุดกลั้น
“ไม่ต้องมาโทษคนอื่น แกนั่นแหละที่ทำตัวแกเอง ทำงามหน้าอย่างนี้จะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“พ่อคะ เรื่องนี้พุดอธิบายได้เพราะไม่ได้หนีตามใครไปจริงๆ”
“ยังจะมาเถียงฉันอีกหลักฐานก็เห็นอยู่ตรงหน้า คุณก็เหมือนกันโตเป็นผู้ใหญ่ซะเปล่าแทนที่จะทำให้มันถูกต้องยังมาพาลูกสาวฉันหนีไปอีกค่อยดูนะฉันจะแจ้งตำรวจ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณพ่อ”
“ใครเป็นพ่อคุณ”
“ผมอธิบายได้”
“ยังจะจะต้องอธิบายอะไรอีก เรื่องนี้คงต้องถึงตำรวจกันบ้างล่ะ อย่าหวังว่าจะรอดไปได้”
“พ่อคะพุดกับคุณรัญเราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานค่ะ”
“จะเพื่อนร่วมงานหรืออะไรก็ช่าง แต่นี่หายไปอยู่ด้วยกันหกเดือนแกคิดว่าใครเค้าจะเชื่อ ไม่เห็นแก่หน้าฉันก็เห็นแกหน้าแกแม่แกที่ตายไปด้วย ฉันให้เวลา 1 ชั่วโมงแล้วไปเจอกันที่บ้าน ก่อนที่ฉันจะแจ้งความ” พูดจบชายสูงวัยก็เดินออกจากร้านขายของไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้พุดพิชชายืนร้องไห้เพราะทำอะไรไม่ถูก
“คุณพุดครับผมว่าวันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่านะครับ” รัญภาคย์ไม่สนใจคนอื่นที่กำลังยืนมองเลยสักนิด เขาเป็นห่วงก็แต่ความรู้สึกของพุดพิชชาเท่านั้น ชายหนุ่มคว้ามือเล็กๆ กุมไว้แล้วพาหญิงสาวเดินไปที่รถทันที
พอถึงรถเขาเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ หญิงสาวยังคงร้องไห้ไม่หยุดรัญภาคย์เองก็ไม่ได้พูดอะไรเขานั่งเงียบๆ และปล่อยให้เธอร้องไห้อย่างเต็มที่ เพราะรู้ดีว่ายิ่งปลอบจะยิ่งทำให้คนที่กำลังร้องไห้อยู่นั้น ร้องมากยิ่งขึ้น เขาเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อนแล้ว ตอนที่น้องสาวของเขาร้องไห้เสียใจ แรกๆ เขาก็พยายามจะปลอบ แต่พอเจอหลายๆ ครั้งเขาก็เรียนรู้แล้วว่าการนั่งอยู่เงียบๆ ต่างหากที่เป็นการปลอบอย่างดีที่สุด มือใหญ่กุมมือเล็กๆ ของเธอไว้ เธอหยุดร้องไปแล้วตอนนี้ความเงียบปกคลุมไปทั่วรถเกือบ 10 นาที เขาจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
“เรื่องนี้ผมจะรับผิดชอบเองนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เพราะมันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด พ่อก็คงแค่ขู่ไปอย่างนั้นเอง” น้ำเสียงของเธอยังไม่ดีเท่าไหร่นัก
“ที่ผมบอกว่าจะรับผิดชอบไม่ใช่เพราะกลัวที่พ่อคุณมาขู่ แต่ผมไม่อยากให้ชื่อเสียงของคุณเสียหายไปมากกว่านี้”
“เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉันเองก็ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไรที่ต้องกลัวนี่คะ” เธอไม่อยากให้เขาต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด
“แล้วคุณไม่ห่วงชื่อเสียงของแม่คุณเหรอครับ ถ้าใครรู้ว่าลูกสาวคนเดียวของท่านหนีไปอยู่กับผู้ชายแล้วเอาไปนินทา คุณแน่ใจเหรอครับว่าคุณจะยอมให้คนอื่นมาว่าแม่คุณแบบนั้นได้”
หญิงสาวนิ่งไปเมื่อได้ฟัง มารดาเธอเสียชีวิตไปแล้วก็จริงแต่ถ้าต้องให้ใครมานินทาลับหลังว่าท่านเลี้ยงลูกไม่ดีจนเสียคนถึงขั้นหนีไปอยู่กับผู้ชาย เธอก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน
“มันน่าจะมีทางออกอื่นนะคะ” พุดพิชชาพยายามคิดหาทางออกของเรื่องนี้
“อย่างพึ่งคิดมากเลยครับ ผมว่าเราไปคุยกับพ่อคุณที่บ้านก่อนดีไหม บางทีพอไปที่บ้านแล้วท่านอาจจะใจเย็นขึ้นก็ได้นะครับ บอกทางผมมาเลย”
แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเลยสักนิด นอกจากบิดาของพุดพิชชาจะไม่ใจเย็นลงแล้วยังจะโกรธเพิ่มมากว่าเดิมอีกหลายเท่า เพราะที่บ้านมีทั้งผกา ลลิตาและยังมีคนที่เธอไม่อยากจะเจออย่างอธิกรร่วมกันยุยงให้ปรีชาตัดขาดพุดพิชชาออกจากครอบครัวเพราะเธอทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง รัญภาคย์ได้ฟังรู้สึกสงสารและเห็นใจเธออย่างมากที่มีครอบครัวอย่างนี้ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาหญิงสาวคนนี้ทนอยู่ได้ยังไงตั้งหลายปีท่ามกลางผู้คนที่จิตใจคับแคบเช่นนี้
“แล้วผมจะให้แม่มาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกทีนะครับ ตอนนี้ท่านยังอยู่ที่เชียงใหม่ ผมจะรีบเรียนให้ท่านทราบครับ” รัญภาคย์บอกกับบิดาของหญิงสาว
“แล้วเรื่องแต่งงานล่ะ จะว่ายังไงจะอย่าคิดว่าแค่ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอแล้วเรื่องมันจะจบ”
ผกาดูจะเดือดร้อนกว่าปรีชาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ เสียอีก ที่ผกาทำอย่างนั้นเพราะอยากให้พุดพิชชารีบแต่งงานไปเสียที สมบัติทุกอย่างจะได้เป็นของเธอและลูกสาว เธอกลัวว่าพุดพิชชาจะกลับมาอยู่ท่านี้อีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นเธอเห็นแววตาเวลาที่อธิกรมองดูคนรักเก่าแล้วก็กลัวเหลือเกินว่าการกลับมาของพุดพิชชาในครั้งนี้จะทำให้อธิกรเปลี่ยนใจกลับไปคืนดีด้วย
“พ่อคะ มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ” พุดพิชชาไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดไปกว่านี้ เธออายรัญภาคย์เหลือเกินที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในครอบครัวที่แสนยุ่งเหยิงของเธอ
“แกไม่ต้องมาพูด เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” ปรีชาหันมาตวาด
“พุดไม่อยากแต่งงาน แค่ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอพอเป็นพิธีก็น่าจะพอนะคะ” เมื่อเห็นว่าไม่อาจขัดใจคนเผด็จการอย่างบิดาได้ พุดพิชชาเลือกที่จะต่อรอง เพราะถ้าต้องแต่งงานขึ้นมาจริงๆ เธอสงสารชายหนุ่มที่ต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ใช่คนผิดเลยสักนิด
“ผมไม่ขัดข้องครับ เพียงแต่อยากต้องการเวลาเตรียมงานสักหน่อย เพราะจะแต่งงานทั้งทีผมก็อยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์ที่สุด” เขาพูดกับบิดาของหญิงสาวที่ตอนนี้ดูเหมือนจะยังมีอารมณ์โกรธอยู่
“ที่พูดมาอย่างนั้น เพราะอยากยืดเวลาออกไปใช่ไหม อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทัน แล้วถ้าเกิดท้องไส้ขึ้นมาจะทำยังไง”
“พุดไม่ได้มีอะไรกับเขาอย่างที่พ่อเข้าใจนะคะ ทำไมพ่อไม่ฟังพุดบ้างเลย” หญิงสาวตัดพ้อ
“ทำผิดแล้วยังจะมาเถียงอีก ลูกอย่างแกมีแต่จะทำให้ฉันต้องขายหน้า” ปรีชาหัวเสียอย่างมากที่ลูกสาวคนโตของเขาหนีไปกับผู้ชาย
ระหว่างนั้นเองก็มีแขกมากดออดที่หน้าประตู
“เดี๋ยวผกาไปดูเองค่ะ สงสัยจะมากันแล้ว” ผกากระซิบกับบิดาของหญิงสาว เธอเป็นคนจัดการเรื่องนี้ทั้งหมด ผกามีวิธีที่จะทำให้พุดพิชชายอมแต่งงาน
ชายใส่ชุดตำรวจเต็มยศหนึ่งคน กับอีกคนที่ดูเหมือนจะอาวุโสน้อยกว่าอีกคนเดินตามผกาเข้ามาที่บริเวณห้องรับแขก
“ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนะคะพ่อ” พุดพิชชาทั้งตกใจทั้งเสียใจที่เห็นตำรวจสองท่านที่เดินเข้ามาในห้อง หนึ่งในนั้นเธอรู้จักดีเพราะเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของมารดาเธอ
“เรื่องมันเป็นยังไงล่ะลูก เล่าให้ลุงฟังหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงและท่าทางใจดีของลุงวศินทำให้พุดพิชชาน้ำตาคลอ
“เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเองค่ะคุณลุง พุดกับคุณรัญเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันค่ะ” เธอรีบบอกเพราะถ้าจะมีใครสักคนช่วยเหลือเธอเรื่องนี้ได้นั้น คนๆ นั้นก็คงต้องเป็นลุงวศิน เพราะบิดาของเธอยังมีความเกรงใจนายตำรวจยศพลตำรวจโทคนนี้อยู่บ้าง
“หนูพุดอย่าพยายามปิดบังเลยจ้ะ ตลอดระยะเวลาที่หนูหนีไปนั้น น้าพยายามตามหาหนูแทบพลิกแผ่นดิน เพราะเป็นห่วงกลัวว่าหนูจะตกระกำลำบากไม่คิดเลยว่าหนูจะหนีไปอยู่กับผู้ชายอย่างนี้” ผการีบบอก
“คุณลุงคะ พุดไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะคะ คุณลุงน่าจะรู้ดีกว่าใครว่าหลานสาวของลุงไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอนค่ะ”
“หนูพุดจ้ะ อย่าทำให้คุณลุงของหนูต้องอับอายไปด้วยเลยนะลูก” ผกาทำทีเป็นห่วงใยและพูดจาไพเราะชนิดที่พุดพิชชาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
รัญภาคย์นั่งมองผกาและปรีชาที่ดูเหมือนจะพยายามให้หญิงสาวแต่งงานเสียเหลือเกิน เขาคิดว่าถ้าปล่อยให้เรื่องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ คนที่เสียใจที่สุดก็คงจะเป็นพุดพิชชา และถ้าเขาจะต้องแต่งงานกับเธอขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย อยู่ที่ว่าพุดพิชชาจะยอมแต่งงานกับเขาหรือเปล่าเท่านั้น
“เรื่องทั้งหมดผมจะเป็นคนรับผิดชอบเองครับ” รัญภาคย์ไม่อยากให้หญิงสาวต้องมานั่งอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเชื่อไปแล้วว่าเธอกับเขาหนีไปด้วยกัน
“เค้ารับผิดชอบก็ดีแล้วนี่ปรีชา แล้วจะเรียกผมมาที่นี่ทำไมอีก”
“ที่ผมเชิญพี่มาเพราะอยากให้มาเป็นพยานครับ รอสักครู่นะครับ” ปรีชายังคงเคารพพี่สาวของภรรยาที่ตายไปแล้วอยู่บ้าง
พุดพิชชาอยากจะหนีไปจากตรงนี้เหลือเกิน เธอเห็นแววตาที่ผกา ลลิตารวมไปถึงแฟนเก่าของเธออย่างอธิกรแล้วรู้ได้เลยว่าเรื่องนี้คงจะไม่จบลงง่ายๆ อย่างแน่นอน