23 อ้อน
เธอมาเตรียมของบางส่วนสำหรับทำขายพรุ่งนี้ เมื่อดูเวลาแล้วผ่านไป เกือบ 2 ชั่วโมงเธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อกลับไปยังบ้านหลังใหญ่อีกครั้ง เธอเป็นห่วงกลัวว่าชายหนุ่มจะไข้ขึ้นสูงอีก
เวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่พุดพิชชายังนั่งอยู่ข้างเตียงของรัญภาคย์เหมือนเดิม เมื่อตอนสี่ทุ่มเธอปลุกให้เขาขึ้นมาทานยาดูเหมือนว่าไข้จะเริ่มลงมาบ้างแล้วพุดพิชชาฟุบหลับที่ข้างเตียงนอนของเขาจนกระทั่งเช้าเสียงเหมือนมีคนขยับตัวทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็พบกับสีหน้าที่ดูสดชื่นขึ้นจากเมื่อวานของชายหนุ่มเจ้าของห้อง
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นมากเลยครับเมื่อวานปวดหัวแทบระเบิดแต่ตอนนี้ไม่ค่อยปวดแล้ว อย่าบอกนะว่าคุณนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืน”
“เปล่าค่ะ ฉันกลับไปอาบน้ำที่บ้านรอบหนึ่งแล้วพอมาที่นี่อีกทีก็ปลุกให้คุณทานยาจากนั้นก็คุณก็หลับยาวถึงเช้า”
“ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าตื่นมากินยาสงสัยจะละเมอแน่ๆ” เขาหัวเราะเบาๆ
“แต่เช้านี้สีหน้าคุณดูดีขึ้นมากเดี๋ยวรอสักครู่นะคะฉันจะไปทำอาหารเช้าให้ คุณจะได้กินยาและนอนพักต่อ”
“คุณต้องไปทำข้าวกล่องใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมหาอะไรทานง่ายๆ เองก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่าฉันทำให้คุณทานดีกว่า เดี๋ยวนอกจากจะแค่เป็นไข้อย่างเดียว จะได้ท้องเสียเพิ่มอีกอย่างสิคะ” เธอพูดจบก็รีบออกจากห้องนอน
เช้านี้หญิงสาวทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆ ให้ชายหนุ่มเมื่อเดินขึ้นไปถึงบนห้องก็พบว่าเขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
“คุณทำอะไรคะ อย่าบอกนะว่าไปอาบน้ำมา”
“ไม่ได้อาบน้ำครับแค่ไปล้างหน้าแปลงฟันกลัวคุยกับคุณแล้วคุณจะเหม็นเอาน่ะสิ” รัญภาคย์เป็นคนรักความสะอาดอยู่แล้ว เขาจึงต้องฝืนเดินไปล้างหน้าแปรงฟันแม้ไม่ค่อยอยากจะลุกก็ตาม
“อ๋อ! แค่นั้นก็คงพอค่ะ ช่วงนี้อย่าพึ่งอาบน้ำรอให้หายดีก่อนเดี๋ยวไข้กลับขึ้นมาจะแย่เพราะกลางวันนี้ฉันยังต้องไปเปิดร้าน คุณทานข้าวทานยานะคะ แล้วจะได้รีบนอนพัก” หญิงสาวรอให้เขาทานข้าว ทานยาจนเสร็จจากนั้นเธอถือชามลงมาเก็บบริเวณห้องครัวแล้วก็กลับบ้านของตัวเองเพื่อเตรียมข้าวกล่องส่งที่โรงเรียนและที่โรงพยาบาลแม้จะเหนื่อยที่จะต้องดูแลชายหนุ่มและเตรียมของขายแต่เธอก็รู้สึกว่ามีความสุขที่ได้ทำอะไรให้เขาแบบนี้
ขณะที่จริงสาวนั่งพักอยู่ที่ร้านลียาก็โทรศัพท์มาหาเธอตามเบอร์โทร. ที่ติดไว้ให้หญิงสาวบอกให้ลียาเอาข้าวต้มที่เธอทำไว้ตอนเช้าอุ่นให้ชายหนุ่มอีกรอบและบอกว่ามื้อเย็นเธอจะเป็นคนนำอาหารไปให้รัญภาคย์เองเพราะรู้ว่าลียาจะต้องไปดูมารดาของเธอ
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้วรัญภาคย์ก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ เขาไม่ได้รู้สึกปวดหัวหรือไม่สบายเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มกำลังคิดถึงเรื่องที่พุดพิชชาพูดกับเขาเมื่อคืน เหมือนเขาจะได้ยินเธอพูดว่าอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเขา เมื่อพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยินอีกครั้งก็ต้องหัวเราะลั่นห้องอยู่คนเดียว เธอคิดว่าเขาเป็นคนที่ชอบเพศเดียวกัน เธอถึงไม่ได้มีทีท่ากลัวที่จะอยู่กันตามลำพังกับเขาทั้งๆ ที่คืนนั้นที่เขากอดเธอที่หน้าบ้านเพียงนิดเดียวเธอก็ตัวสั่นแล้ว ท่าทีของเธอที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปหลังจากวันที่ทั้งสองไปเดินซื้อของด้วยกันคงจะเป็นเพราะหนังสือเล่มที่เขาซื้อมาวันนั้นที่ทำให้เธอคิดว่าเขาเป็นเก้งกวาง หนังสือมีแต่ภาพชายหนุ่มหุ่นดีๆ แต่เพราะเขาอยากศึกษากล้ามเนื้อเพื่อนำมาปรับใช้กับการออกกำลังกายและภายในหนังสือยังมีการแนะนำการออกกำลังกายท่าต่างๆ อีกด้วย แต่หญิงสาวคงไม่ได้เปิดดูข้างในเพราะตอนเธอเอาหนังสือมาคืนเขานั้นมันยังไม่ได้ถูกแกะถุงพลาสติกที่หุ้มอยู่ออกมาเลย
รัญภาคย์กำลังคิดว่าจะบอกพุดพิชชาว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เธอพูดแต่ก็กลัวว่าถ้าบอกออกไปแบบนั้นแล้วเธอจะไม่มาสนิทสนมด้วยอย่างเคย บางทีเขาอาจจะใช้โอกาสที่ได้อยู่ใกล้ๆ เธอเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเพราะถือว่าเป็นการเอาเปรียบพุดพิชชาแต่เพื่อให้เขาแน่ใจว่าเธอคือคนที่ใช่สำหรับเขาจริงๆ แล้วพอถึงวันนั้นเขาจะบอกกับเธอตรงๆ ว่าเขาไม่ใช่เก้งกวางอย่างที่เธอคิด ชายหนุ่มคาดว่าคงใช้เวลาไม่นานนัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายเดือนเธอก็ทำให้เขามั่นใจในตัวเธอมาก แต่เขาก็ไม่มีโอกาสรู้เลยสักนิดว่าเธอคิดยังไงกับเขา บางทีคงต้องค่อยๆ ให้หญิงสาวเผยความรู้สึกออกมาบ้าง นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเรื่องหนักใจอีกถึงสองเรื่อง ทั้งเรื่องที่เขาเคนแต่งงานมาแล้วกับเรื่องที่เขากับเธออายุห่างกันมาก แต่รัญภาคย์เองมีความเชื่อว่าถ้าคนเรานั้นรักชอบกันจริง สิ่งเหล่านี้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความรักและความจริงใจที่คนสองคนมีต่อกัน
เสียงเหมือนมีคนเดินเข้ามาในบ้านทำให้รัญภาคย์ต้องหยุดความคิดนั้นไว้ก่อน เขาชะเง้อมองออกไปก็เห็นพุดพิชชาเดินถือถุงใบใหญ่เข้ามา
“คุณพุดถืออะไรมาครับนั่นเยอะเชียว”
“อ้าว ฉันนึกว่าคุณจะพักผ่อนอยู่ในห้องเสียอีก”
“ผมนอนทั่งวันเลยเบื่อ”
“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็ดีขึ้นครับ สงสัยมีคนดูแลดีเลยหายไว” เอาพูดแล้วก็แอบมองหน้าอีกฝ่าย ถ้าตาไม่ได้ฝาดเขาเห็นว่าเธอมีอาการหน้าแดงเหมือนกำลังอาย
“หิวหรือยังคะ” หญิงสาวรีบชวนเขาคุยเรื่องอื่นเพราะไม่อยากให้เขาพูดอะไรแบบนี้กับเธอ มันเหมือนทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนแรกก็ยังไม่หิว แต่พอพูดถึงอาหารก็หิวขึ้นมาเลยครับ”
“รอสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันจะทำกับข้าวให้ทาน เย็นนี้คงเป็นอาหารรสจืดก่อนนะคะเพราะคุณเพิ่งหายจากไข้”
“ผมทานอะไรก็ได้ครับที่มันง่ายๆ”
“ถ้ายังนั้นฉันทำแกงจืดตำลึงใส่หมูสับ ผัดเปรี้ยวหวานและไข่เจียวเพิ่มอีกซักนิดคงพอทานได้นะคะ”
“ทานได้ครับ คุณทำอะไรก็อร่อย”
“คุณไปอาบน้ำรอก็ได้นะคะแต่อย่าอาบนาน”
“ผมไม่กล้าอาบเลย อันที่จริงเมื่อตอนกลางวันผมเหมือนจะตัวร้อนไปครั้งหนึ่งด้วยครับ แต่ก็ทานยาที่คุณเตรียมไว้เลยมีแรงลงมานั่งข้างล่างนี่แหละ คุณเช็ดตัวให้หน่อยได้ไหม” รัญภาคย์นั้นอาบก่อนที่เธอจะมาถึงเพียงไม่นาน แต่ก็ต้องโกหกออกไปเพราะคงไม่มีโอกาสแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นแน่
“ก็ได้ค่ะ”
แล้วหญิงสาวก็เดินเข้าไปในครัว เธอเตรียมซื้อของมาจากตลาดแล้ว พอทำเสร็จก็เห็นเขานอนหลับนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม เธอยืนมองหน้าชายหนุ่มแล้วก็แอบยิ้ม เวลาที่เขาหลับดูเหมือนจะเป็นเวลาที่เธออยู่ด้วยแล้วใจเต้นแรงน้อยที่สุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลาเธออยู่ใกล้เขาถึงยังมีอาการใจเต้นแรงอยู่ แม้จะไม่มากเท่าตอนแรกแต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหัวใจตัวเอง เธอแอบคิดว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเขาเปลี่ยนใจมาชอบผู้หญิงก็คงจะดี แล้วอยู่ๆ คนที่นอนหลับตานิ่งก็ลืมตาขึ้นมาจนคนแอบมองตกใจ
“แอบมองหน้าผมอย่างนี้คิดอะไรกับผมหรือเปล่าครับเนี่ย”
“คิดค่ะ กำลังคิดว่าจะปลุกให้ไปทานข้าวหรือปล่อยให้นอนถึงเช้า” เธอรีบตอบ
“ผมรู้ว่าคุณคงไม่ใจร้ายหรอกนะครับ ผมไม่ได้หลับเพียงแค่พักผ่อนสายตานิดหน่อยเอง” เขาพูดตามตรงก็เขาไม่ได้หลับจริงๆ แต่รอดูว่าเธอจะปลุกเขาหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ปลุกสักทีเขาเลยต้องเป็นคนลืมตาขึ้นมาเอง
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ ทานแล้วจะได้ทานยา ฉันจะเช็ดตัวให้คุณ แต่คืนนี้คงไม่ได้อยู่เฝ้านะคะ แต่ถ้ามีอะไรคุณก็โทร. ตามได้ตลอดเวลานะคะ”
“ถ้าผมไม่มีแรงโทร. ล่ะครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ เพราะดูแล้วคุณเหมือนไม่ใช่คนป่วยเลยสักนิด”
“ผมไม่สบายจริงๆ นะ” รัญภาคย์พยายามบอกและทำหน้าสลด
“เอาอย่างนี้ละกันนะคะ ฉันจะอยู่จนคุณหลับ แล้วค่อยกลับบ้านดีไหม” เธอใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าของเขา
“ก็ได้ครับ” รัญภาคย์พยักหน้ายอมรับที่เธอบอก เพราะรู้ว่าคงขอเธอมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ปราณติญากลับมาที่บ้านอีกครั้งหลังจากที่เธอบอกเพื่อนว่าจะไปนอนเฝ้าเพื่อนครูที่ไม่สบาย เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก เพราะที่เธอบอกพุดพิชชาไปนั้นไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด เธอไปนอนที่ห้องแฟนของเธอซึ่งเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน เธอไม่เคยบอกเรื่องที่มีแฟนให้เพื่อนทราบเพราะพึ่งจะเริ่มคุยกันไม่นานก่อนที่พุดพิชชาจะมาอยู่ที่นี่ แต่พอเวลาผ่านไปเธอก็ตกลงคบกับครูสอนคอมพิวเตอร์คนเดียวกับที่ช่วยเรื่องข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของพุดพิชชา จนกระทั่งวันที่ไปดูงานเขาก็ขอเธอแต่งงาน ปราณติญากำลังคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนเพราะอยากให้ทั้งสองคนได้เจอกัน แต่ระหว่างนี้เธอก็ยังไม่มีโอกาสบอกพุดพิชชาสักที
“พุด ช่วงนี้ฉันคงต้องงดสั่งข้าวแกก่อนนะ”
“ได้สิ แต่ถามหน่อยได้ไหมว่าเพราะอะไร” เธอต้องถามเพราะอยากรู้ถึงเหตุผล ถ้าเป็นเพราะเรื่องรสชาติของอาหารเธอจะได้ปรับปรุง แต่ถ้าเป็นเพราะสาเหตุอื่นที่ไม่ได้เกิดจากเธอ เธอก็จะได้สบายใจ
“ก็มีคนสั่งอาหารจากข้างนอกมาเยอะ จนแม่ค้าในโรงเรียนที่จ่ายค่าประมูลให้กับทางโรงเรียนไม่ค่อยพอใจ เลยมาร้องเรียนที่ผู้อำนวยการน่ะสิ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่อาหารของเธอนะ แต่เป็นอาหารจากร้านข้างนอกทุกเจ้าก็ต้องงดส่งทั้งหมด”
ปราณติญาเห็นสีหน้าของเพื่อนแล้วก็รู้สึกเห็นใจเพราะแม้ว่าจำนวนที่สั่งจะไม่เยอะแต่ถ้ารวมกันหลายๆ วันก็ทำเงินให้เธอมากอยู่เหมือนกัน
“อ๋อ นึกว่าเพราะอาหารไม่อร่อย ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจขึ้น” แม้จะขาดรายได้ตรงนี้ไปแต่เธอก็รู้สึกดีที่สาเหตุนั้นไม่ได้มาจากตัวเธอ
“มีเรื่องอื่นอีกไหม ดูสีหน้าแกเหมือนยังบอกออะไรฉันไม่หมดเลย” เพราะเป็นเพื่อนกันมานานพุดพิชชาจึงพอจะรู้ว่ามีอีกเรื่องที่ใหญ่กว่าเรื่องข้าวกล่องที่เพื่อนยังไม่ได้บอกเธอ