22 ดูแล
ฟิตเนสเซ็นเตอร์ของรัญภาคย์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการเปิดให้มาทองลองเล่นฟรีเพราะเขาอยากให้ลูกค้ามาทดลองใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ทันสมัย เพราะชายหนุ่มเชื่อว่าทุกคนที่ได้มาใช้บริการที่นี่จะต้องมาสมัครเป็นสมาชิกอย่างแน่นอน ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่นักทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยได้ไปหาพุดพิชชาที่ร้านของเธออย่างเคย แต่ก็ยังพอมีเวลาโทรศัพท์ไปหาเธอตอนที่เลิกงานแล้วบ้าง
“ได้เรื่องไหมพุด”ปราณติญามีท่าทางตื่นเต้นเมื่อเห็นเพื่อนเดินออกมาจากสหกรณ์ วันนี้เธอชวนพุดพิชชามาคุยกับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ของโรงเรียนเพื่อเสนอขายขนมปังไส้กรอก เพราะรู้มาว่าในภาคเรียนที่ 2 นี้ทางสหกรณ์กำลังอยากหาขนมใหม่ๆ มาเพิ่ม เธอจึงลองชวนเพื่อนมาเสนอแล้วก็รอลุ้นอยู่ที่หน้าห้องว่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้หรือเปล่า
“พี่เค้าบอกว่าขอให้ลองเอามาวางขายตอนวันเปิดเทอมสักสัปดาห์ละ 3 วัน”
“ดีเลย เดี๋ยวฉันช่วยแกทำเอง”
“ได้สิ ทำไม่ยากเลย แค่เอามายองเนสทาขนมปังแล้วเอาไส้กรอกที่ต้มสุกแล้วผึ่งให้แห้งวางลงบนขนมปังจากนั้นก็ใส่ซอสมะเขือเทศแล้วกลัดขนมปังให้ติดกันด้วยไม้จิ้มฟันแค่นั้นเอง”
“ไม่ใส่ผักเหรอ”
“ไม่หรอกผักจะทำให้เสียเร็วละถ้าทิ้งไว้จนบ่ายผักจะเหี่ยวไม่น่ากิน”
“ทำง่ายจริงๆ ด้วย แล้วนี่ไปซื้อของเตรียมกันเลยไหม”
“ไปสิ ฉันจะไปซื้อของส่วนแก ไปทำผมรอเลยก็ได้” เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียเวลา เพราะรู้ดีว่าเพื่อนต้องมาทำผมอยู่แล้ว
“แกถือคนเดียวไหวไหมล่ะ”
“ไหวสิ ไม่เยอะหรอก”
“อย่างนั้นก็ได้” ปราณติญาต้องมาทำผมที่ร้านใกล้ๆ ตลาดเป็นประจำอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะป้าดา” พุดพิชชาอดแปลกใจไม่ได้ที่ป้าลดาโทร. มาหาเธอเพราะตั้งแต่ไปเชียงใหม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
“สวัสดีจ้ะหนูพุด กำลังทำอะไรอยู่ป้าโทร. มากวนหรือเปล่า”
“พุดพึ่งปิดร้าน ตอนนี้กำลังเก็บของอีกนิดหน่อยค่ะ ป้าดากลับมาหรือยังคะ”
“ยังเลยป้าโทร. จากเชียงใหม่ ป้าอยากรบกวนหนูพุดหน่อยจ้ะ”
“ได้เลยค่ะ จะให้พุดทำไรคะ” น้ำเสียงที่ดูกังวลของป้าลดาทำให้หญิงสาวนั่งลงแล้วตั้งใจฟัง
“คือเมื่อเช้าป้าโทร. ไปที่บ้าน ลียาบอกว่าลูกชายป้าไม่ค่อยสบายป้าเลยอยากให้หนูช่วยแวะไปดูหน่อยได้ไหม ป้าโทร. ไปก็ไม่มีคนรับเลย สงสัยลียาจะไปนอนกับแม่แล้วเพราะแม่ลียาก็ไม่ค่อยสบาย หนูเดินเข้าประตูเล็กเข้าไปเลยนะ” แล้วเธอก็บอกรหัสที่ประตูให้กับหญิงสาว
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพุดจะไปดูให้นะคะ” พอวางสายแล้วเธอก็รีบเก็บของต่อจนเสร็จจากนั้นก็รีบขับรถตรงกลับบ้านระหวพอผ่านตลาดเธอก็แวะซื้อโจ๊กสำหรับเป็นอาหารให้กับรัญภาคย์
“ป่าน ทำอะไรน่ะ” เมื่อมาถึงบ้านปราณติญาก็กำลังถือกระเป๋าใบขนาดย่อมออกมาพอดี
“ครูที่โรงเรียนไม่สบาย ฉันเลยต้องไปนอนเฝ้าสักหน่อย” ปราณติญาตอบเพื่อนแล้วก็รีบขับรถออกจากบ้านไปทันที พุดพิชชาถอนหายใจเพราะวันนี้เธอรับรู้ว่ามีคนไม่สบายถึง 3 คนแล้ว
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้นเป็นรอบที่ 2 แล้วแต่คนที่นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงเพราะความหนาวก็ไม่อาจฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นไปเปิดประตูได้ เมื่อวานรัญภาคย์ไปดูคนงานปรับผิวดินก่อนจะสร้างฟิตเนสเซ็นเตอร์อีกที่ เพราะสาขาที่พึ่งเปิดนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจสร้างเพิ่มอีกสาขา แต่เพื่อจะได้เปิดให้ทันกับจำนวนลูกค้าเขาจึงตัดสินใจสร้างเป็นอาคารชั้นเดียวและมีพื้นที่จอดรถที่เพียงพอกับผู้ที่จะมาใช้บริการ เขาเจอทั้งฝุ่นทั้งแดด จากนั้นพอจะกลับก็ยังโดนฝนหลงฤดูกระหน่ำลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้ร่างกายจะแข็งแรงเพราะออกกำลังกายเป็นประจำแต่ก็ไม่อาจจะทนได้กับสภาพอากาศที่แปรปรวน เมื่อเช้าเขาตื่นมากินข้าวที่ลียาทำให้ จากนั้นก็ขึ้นมานอนต่อจนถึงตอนนี้ ภายในห้องมืดสนิท รัญภาคย์คิดว่าลียาคงกลับมาจากไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาลแล้ว เสียงเคาะประตูเงียบไปแล้ว เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงลำคอและพลิกตะแคงเพื่อจะนอนต่อ แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูเข้ามา
“ลียาเหรอ”
ไม่มีเสียงขานรับ แต่เขาได้กลิ่นหอมๆ เหมือนมีคนเอาอาหารเข้ามาในห้องซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเพราะมันจะทำให้ทั้งห้องมีแต่กลิ่นอาหาร
“บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าเอาอาหารเข้ามาในห้องอีก ถ้าฉันหิวก็จะออกไปเอง” คนพูดไม่ได้หันมามองเพราะตอนนี้หนังตาหนักอึ้งพร้อมจะปิดอยู่แล้ว
“แล้วเมื่อไหร่จะออกไปล่ะคะเคาะเรียกตั้งหลายรอบแล้ว” แสงไฟที่สว่างขึ้นพร้อมเสียงที่คุ้นเคยนั้นทำให้เขาใจเต้นแรงเพราะไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาถึงในห้องนอน
“คุณ มาได้ยังไง” เขาพยายามลุกขึ้นมาคุยกับเธอ
“ลุกไหวไหมคะ ทานข้าวก่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวไม่ตอบว่าเข้ามาห้องเขาได้ยังไง เมื่อสักครู่เธอเคาะประตูแล้วไม่มีคนเปิด แต่แน่ใจว่าเขาอยู่ในห้องจึงโทร. ไปถามมารดาของเขา แล้วป้าลดาก็เป็นคนบอกให้ไปเอามาสเตอร์คีย์ออกมาจากที่ซ่อน
“ครับ” พอรู้ว่าคนที่เอาอาหารมาให้ไม่ใช่ลียาเขาก็ดีใจและรู้สึกหิวขึ้นมาทันที
หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้มาใกล้เตียงแล้วยื่น ชามข้าวต้มให้เขา
“ไม่ป้อนเหรอครับ” คนป่วยทำเสียงอ้อนน่าฟัง
“ไม่ได้เจ็บแขนนี่คะ”
รัญภาคย์ทำหน้าจ๋อยจนเธอมองแล้วต้องยิ้มกับกิริยาที่เขาทำเพราะดูไม่เหมาะกับคนอายุ 35 ปีเลย เธอมองเขาตักโจ๊กหมูที่ซื้อมาให้เข้าปาก ระหว่างที่เขากำลังทานหญิงสาวก็แอบสำรวจห้องนอนของเขา ห้องนอนขนาดใหญ่แต่ภายในห้องดูไม่คอยมีอะไรตกแต่มากนัก ผนังและผ้าม่านสีครีมดูสบายตา ชุดเครื่องนอนก็สีเดียวกับสีผ้าม่าน โต๊ะเครื่องแป้งที่เห็นอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องนั้นดูไม่มีเครื่องสำอางมากมายอย่างที่เธอคิด
“ขอบคุณครับ” เสียงขอบคุณทำให้เธอต้องรีบกลับมาสนใจเจ้าของห้องอีกครั้ง
“ทานไปนิดเดียวเอง ไม่อร่อยเหรอคะ” เธอไม่รู้ว่าโจ๊กที่ซื้อมานั้นจะอร่อยหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ยังไม่เคยทาน ครั้นจะทำเองก็กลัวว่าเขาจะหิวเลยต้องแวะซื้อจากร้านในตลาด
“อร่อยครับ แต่ผมอยากนอนมากกว่า” เธอรับชามโจ๊กจากมือเขาไปว่างที่โต๊ะเล็กที่อยู่ใกล้ๆ ประตูทางออก พอหันกลับมารัญภาคย์ก็นอนลงไปอย่างเดิม
“ขอโทษนะคะ” พุดพิชชาเอาหลังมือแตะไปที่หน้าผากของเขาแล้วก็ขมวดคิ้ว
“ตัวร้อนจี๋เลย ทานยาก่อนนะคะ ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงไข้ไม่ลงคงต้องเช็ดตัว” น้ำเสียงและสีหน้าที่ห่วงใยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้น
“ผมหนาว” เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมลำตัว
“ถ้าหนาวก็รีบทานยานะคะ” เธอหยิบยาที่เตรียมมาส่งให้เขา
“อย่าพึ่งกลับได้ไหม อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน” เขาไม่อยากให้เธอไปไหนเลย
“ได้ค่ะ คุณทานยาแล้วนอนนะคะ เดี๋ยวฉันเอาชามไปเก็บก่อน แล้วจะโทร. บอกป้าดาด้วย”
พอกลับขึ้นมาบนห้องอีกทีชายหนุ่มก็หลับไปแล้ว พุดพิชชาแอบมองไปหน้าขาวๆ ของชายหนุ่มที่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะอมชมพูนิดๆ คงเพราะฤทธิ์ไข้ จากนั้นก็ปิดไฟกลางห้อง เปิดไว้เพียงไฟที่หน้าห้องน้ำเพราะไม่อยากให้แสงไปรบกวนการพักผ่อนของเขา
ครบเวลาครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เดินไปสัมผัสหน้าเขาอีกครั้งแล้วก็ต้องรีบดึงมือกลับเพราะตอนนี้หน้าผากของชายหนุ่มร้อนกว่าตอนแรกเสียอีก
เธอรีบเดินออกจากห้องและโทร. ไปถามป้าลดาว่าเก็บผ้าเช็ดตัวผืนเล็กไว้ที่ไหนบ้างเพราะเธอเองก็ไม่เคยขึ้นมาบนห้องนอนของเขา จากนั้นก็ลงไปต้มน้ำร้อนใส่กะละมังขนาดย่อมถือขึ้นมาเธอปิดเครื่องปรับอากาศจากนั้นดึงผ้าห่มของเค้าออกค่อยค่อยเช็ดตัวไล่มาตั้งแต่ใบหน้าลงมาลำคอรัญภาคย์เริ่มจะรู้สึกตัวลืมตามามองเลยหญิงสาว
“คุณไข้ขึ้นสูงมากเลยค่ะ ฉันว่าเช็ดตัวดีกว่าลุกนั่งหน่อยได้ไหมจะได้เช็ดให้ทั่วตัว”
เขาทำตามอย่างว่าง่ายแม้เปลือกตาจะหนักอึ้งแต่ก็ยินดีที่จะให้เธอมาเช็ดตัวให้ พอชายหนุ่มถอดเสื้อออกพุดพิชชาก็ต้องแอบกลืนน้ำลายเพราะภายนอกที่ดูว่าเค้าหุ่นดีแล้วแต่พอเขาถอดเสื้อเธอก็เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ทั้งบริเวณท้องรวมไปถึงทั่วบริเวณลำตัว ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เขาคงออกกำลังกายอย่างหนักเพราะเป็นถึงเจ้าของฟิตเนสเซ็นเตอร์ เมื่อเช็ดลำตัวช่วงบนเสร็จแล้วหญิงสาวก็บอกให้เขาเช็ดช่วงล่างของลำตัว
“เช็ดให้หน่อยได้ไหมผมไม่มีแรงจริงๆ ครับ” พุดพิชชาเห็นว่าเขาคงไม่มีแรงอย่างที่พูดจริงๆ เธอหลับตาแล้วรอให้เขาถอดกางเกงออก จากนั้นก็ดึงผ้าห่มที่คลุมบริเวณท่อนล่างของเค้าออกชายหนุ่มเห็นแล้วต้องแอบหัวเราะแม้จะไม่ค่อยมีแรงก็ตาม
“ลืมตาได้แล้วคุณผมไม่ได้โป๊สักหน่อย” พอเธอลืมตาอย่างที่เค้าบอกก็ต้องหัวเราะให้ตัวเองเพราะตอนนี้ชายหนุ่มใส่บ๊อกเซอร์ยาวเหนือเข่าขึ้นไปเล็กน้อย
“ก็คุณรัญไม่บอกแต่แรกฉันก็คิดว่าคุณถอดกางเกงออกหมดนี่คะ” หญิงสาวตอบไม่เต็มเสียง
“ถึงถอดหมดคุณก็ไม่เห็นต้องอายนี่และก็ไม่ต้องกลัวด้วยว่าผมจะทำอะไรเพราะแค่ลุกผมยังไม่ค่อยจะมีแรงเลย”
“ฉันไม่ได้กลัวคุณทำอะไรฉันหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ฉันสัญญานะคะ ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแน่นอนค่ะ คุณสบายใจได้”
“นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ” เขาฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะตอนนี้เหมือนตาจะปิดอีกรอบ
“เอาเป็นว่าฉันรู้ดีว่าคุณเป็นเก้งกวาง แต่ฉันไม่ได้รังเกียจคุณเลยสักนิดเราเป็นเพื่อนกันได้ คุณมีอะไรก็คุยกับฉันได้ทุกเรื่อง” เธอดึงผ้าห่มคลุมให้เขาอย่าเดิม แล้วปล่อยให้เค้าล้มตัวลงนอนส่วนตัวเองก็จัดการเอาผ้าเช็ดตัวกับกะละมังไปเก็บเข้าที่จากนั้นพุดพิชชาก็เดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง