21 แอบชอบ
เสียงรถยนต์ดังขึ้นขณะที่เธอกำลังเลือกหนังอยู่ในห้อง หญิงสาวรีบเดินออกมาดูก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเห็นแค่ไฟท้ายของรถที่พึ่งขับออกไป เธอไม่รู้ว่าเขามีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าที่ออกไปในเวลานี้ พอหยิบโทรศัพท์จะโทร. หาก็กลายเป็นว่าชายหนุ่มไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกไปด้วย เธอออกมายืนรอที่ห้องรับแขกอย่างกระวนกระวายไม่รู้ว่าจะติดต่อชายหนุ่มยังไงแต่ 15 นาทีหลังจากนั้นเธอก็ยิ้มกว้างอย่างโล่งใจเมื่อเห็นเขาขับรถกลับเข้ามา
“คุณรัญไปไหนมาคะ มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าฉันจะโทร. หาแต่คุณก็วางโทรศัพท์ไว้ในห้องนั่งเล่น” เธอรีบถามด้วยสีหน้าตกใจ
“อ๋อ ขอโทษทีครับผมลืมบอกพอดีว่าจะออกมาหาขนมไปนั่งทานระหว่างดูหนัง แต่เปิดดูแล้วไม่มีขนมอะไรซักอย่างเลยรีบขับรถออกไปซื้อโดยไม่ได้บอกคุณ” รัญภาคย์แอบที่ใจที่เห็นสีหน้าและท่าทางตกใจที่หญิงสาวแสดงออก
“โล่งใจไปทีค่ะ นึกว่ามีธุระด่วนหรือมีใครเป็นอะไรเสียอีก ซื้อมาเยอะเลยนะคะ นั่นสงสัยทานคืนเดียวคงไม่หมด”
“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบขนมอะไรเลย ซื้อมาหลายอย่างถ้าทานไม่หมดก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราก็มาดูกันอีกเรื่อยๆ ดีไหมครับ”
“ดีค่ะ เราไปดูกันเลยไหม ฉันเลือกเรื่องได้แล้วคิดว่าเรื่องนี้คุณก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน”
หนังที่หญิงสาวเลือกหนังมหากาพย์ของสงครามอวกาศอย่างเรื่องสตาร์ วอร์ส ภาค 8
“ได้ข่าวว่าปีนี้ภาค 9 จะฉายตอนสิ้นปีนะครับ เราดูภาคนี้แล้วพอภาค 9 เข้า เราไปดูด้วยกันนะครับ”
“ค่ะ” พุดพิชชาหันมายิ้มให้เขาแล้วก็นั่งดูหนังต่อเงียบๆ แต่ภายในใจตอนนี้กำลังสับสนเต็มที เพราะสิ่งที่เขาทำมันเหมือนการที่หนุ่มสาวชวนกันไปเดทมากกว่าการชวนเพื่อนไปดูหนัง
รัญภาคย์นั่งดูหนังอย่างไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะตอนนี้หญิงสาวที่นั่งดูด้วยกับเขานั้นนั่งชิดติดกับเขาจนได้กลิ่นแชมพูที่คุ้นเคย ผ้าห่มที่เขาเอามาให้นั้นหญิงสาวใช้ห่มตัวเองและเผื่อมายังเขาด้วย ดูเหมือนคู่รักที่นั่งดูหนังด้วยกัน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะบอกความรู้สึกที่มีให้เธอรู้ได้ยังไง แม้ว่าท่าทีที่เธอแสดงออกมานั้นไม่มีทีท่ารังเกียจเขาเลยสักนิด แต่เขาก็กังวลในเรื่องอายุที่ห่างกันถึง 10 ปี อีกทั้งเขาเองยังเคยแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มั่นใจว่าหญิงสาวที่ทั้งสวยทั้งเก่ง จะมองผู้ชายที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วอย่างเขายังไง แต่ระหว่างที่เขายังไม่ได้บอกความในใจกับเธอนั้นเอาก็อยากใช้โอกาสที่มีอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าตอนนี้เขาไม่ได้แค่ชอบหรือชื่นชม แต่รัญภาคย์คิดว่าเขาหลงรักเธอไปแล้ว เขาอยากให้เวลากับตัวเองเองสักนิดก่อนที่จะบอกพุดพิชชาถ้าหลังจากที่บอกความรู้สึกไปแล้วจากนั้นถ้าเธอจะปฏิเสธหรือตีตัวออกห่างเขาก็จะได้ไม่ต้องเสียใจมากเพราะถือว่าอย่างน้อยก็ได้มีความทรงจำที่ดีกับเธอ
พอดูหนังจนจบหญิงสาวก็ขอตัวกลับโดยมีเขาเดินไปส่งที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มรอจนกระทั่งเธอเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับมาที่บ้านของตัวเองด้วยรอยยิ้มประดับไปทั่วไปหน้า
ลดานั่งจิบชาสมุนไพรอยู่บนระเบียงบ้าน มองดูคนงานกำลังเอาต้นกุหลาบลงดิน เพราะวันก่อนนั้น ฐิตาภาลูกสาวของเธอบอกว่าอยากปลูกดอกกุหลาบ แค่ได้ฟังสามีของฐิตาภาก็จัดหาคนงานมาปรับพื้นดินตรงหน้าบ้าน เขาอยากให้ภรรยามองลงมาจากระเบียงแล้วได้เห็นแปลงกุหลาบที่เขาตั้งใจปลูกให้
“เป็นยังไงบ้างละ วันนี้” ลดาถามอย่างเป็นห่วงเพราะเมื่อวานอยู่ๆ ฐิตาภาก็คลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาอีกหลังจากที่หายจากอาการแพ้ท้องไปได้หลายเดือนแล้ว
“วันนี้ดีขึ้นมากเลยค่ะแม่ แม่ค่ะ รินอยากให้แม่อยู่ตอนที่รินคลอดได้ไหมคะ”
“ได้สิลูก”
“รินกลัวค่ะแม่” เธอเสียงแผ่วเบาเมื่อนึกไปถึงวันที่ตัวเองจะคลอด
“ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด เป็นเรื่องยินดีมากกว่าจ้ะ” เธอเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกสาวเครียดเพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อลูกในท้อง
“ค่ะแม่ มีแม่อยู่ด้วยรินก็สบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะแล้วแม่โทร. ไปคุยกับพี่รัญพี่เค้าว่าอะไรไหมคะ ที่แม่จะอยู่ที่นี่จนรินคลอด”
“พี่เค้าไม่ได้ว่าอะไร ช่วงนี้พี่เค้ากำลังยุ่งเพราะเห็นว่าฟิตเนสฯ ใกล้จะเปิดแล้ว"
"ป้าใจก็ไม่อยู่พี่รัญคงลำบากแย่ รินหวังว่าเด็กที่พี่รัญจ้างมาจะทำกับข้าวเป็นนะคะ” ฐิตาภาเป็นห่วงเรื่องนี้เพราะรู้ดีว่าพี่ชายของเธอนั้นทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง
“เรื่องนี้ยิ่งไม่ต้องห่วง พี่เค้ามีคนทำให้ทานอยู่แล้ว”
“ใครคะแม่ รินตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า” สีหน้าตื่นเต้นของฐิตาภาทำให้ผู้เป็นมารดายิ้มกว้างที่เห็นว่าเธอไม่ได้เอาแต่กังวลเรื่องลูกในท้องเพียงอย่างเดียว ถ้าเรื่องพี่ชายจะทำให้หญิงสาวผ่อนคลายได้บ้างก็เป็นเรื่องน่ายินดี
“ก็เพื่อนของหนูป่านแก้วที่บ้านติดกับเรานั่นแหละจ้ะ วันนี้รัญเล่าให้แม่ฟังว่าหนูพุดมาทำกับข้าวให้ทานที่บ้าน”
“ใช่คนที่มาช่วยดูแลเรื่องอาหารที่แม่เล่าให้ฟังหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเริ่มนึกออก
“คนเดียวกันนั่นแหละจ้ะ แม่ว่าพี่ขายของเราน่าจะชอบหนูพุดนะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่แม่พูดก็ดีสิคะ รินอยากเห็นพี่รัญมีครอบครัวสักทีอายุก็เยอะแล้ว ขืนไม่ยอมแต่งงานสักทีแม่จะไม่ได้เป็นคุณย่านะคะ”
“เรื่องนั้นแม่ก็กังวลอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้แม่ก็กำลังจะได้เป็นคุณยายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นแม่ต้องอยูที่นี่กับรินนานๆ เลยนะคะ ตลอดไปเลยยิ่งดีค่ะ พี่รัญจะได้ใกล้ชิดกับคุณพุดให้มากๆ เผื่อแม่จะได้จัดงานแต่งอีกรอบ”
“แม่ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าหนูพุดจะไม่ได้ชอบพี่ชายเราเพราะอายุก็ห่างกันถึง 10 ปี แล้วพี่เราก็ยังจะเป็นพ่อหม้ายอีกนี่สิ น่ากังวล”
“ถ้าคนเรารักกันจริงก็คงจะไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหรอกคะแม่ อย่าพึ่งกังวลเลย”
“นี่แม่ว่าจะโทร. ไปชวนหนูพุดขึ้นมาเที่ยวที่นี่ รอให้รินคลอดก่อน เราจะได้ช่วยกันดูท่าทีของเธอด้วยดีไหม”
“ดีเหมือนกันค่ะแม่ รินชักอยากรู้จักผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว” ฐิตาภายิ้มตาเป็นประกายเมื่อนึกไปถึงความสุขของพี่ชายที่มีคนคอยเคียงข้าง
รสบัสสองชั้นค่อยๆ เคลื่อนมาจอดที่หน้าโรงเรียน พุดพิชชาชะเง้อมองหาปราณติญา คืนนี้เธอมารอรับเพื่อนที่พึ่งกลับจากการไปดูงานกับคณะครูที่โรงเรียน
“ป่านทางนี้” เธอโบกมือแล้วตะโกนเรียกเมื่อเห็นว่าเพื่อนลงมาจากรถเกือบเป็นคนสุดท้าย “สนุกไหมป่าน”
“สนุกสุดๆ ครั้งหน้าแกไปกับฉันนะ”
“ครั้งหน้าของแกก็คงปีหน้าเอาไว้ค่อยคุยกันดีไหม แกนั่งรถมาเหนื่อยๆ รีบกลับกันดีกว่า” พุดพิชชาช่วยเพื่อนถือถุงใบใหญ่ในมือเพื่อให้ปราณติญาไปเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่จากใต้ท้องรถได้สะดวกขึ้น
“ปะ รถแกจอดอยู่ไหน” ปราณติญามองหาแจ๊สสีเหลืองของเพื่อน แต่ก็หาไม่เจอ
“อ๋อ ฉันลืมบอกแกไป พอดีคุณรัญรู้ว่าแกจะกลับมาและเห็นว่ามันดึกแล้วเลยอาสามารับแกด้วยอีกคน นั่นไง เดินมาตรงนู้นแล้ว”
“สวัสดีค่ะพี่รัญ ขอบคุณนะคะที่มารับ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วทานข้าวเย็นมาหรือยัง”
“ทานมาแล้วค่ะ แต่จะเป็นอะไรไหม ถ้าจะบอกว่าตอนนี้หิวอีกแล้ว” ปราณติญาเอามือลูบท้อง
“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรทานก่อนเข้าบ้านดีไหมครับ” เขาหันไปถามปราณติญาและพุดพิชชา
“ดีเลยค่ะ เราไปทานข้าวต้มกุ๊ยกันไหมคะ ป่านอยากทานผัดผักบุ้งไฟแดง”
“ได้สิ เอาร้านที่มีโชว์โยนผักบุ้งด้วยดีไหม ร้านอื่นคงจะปิดกันไปแล้ว”
“ดีเลยค่ะ ป่านว่าจะพาพุดไปทานแต่ก็ไม่ได้ไปกันสักที”
ร้านที่ทั้ง 3 คนมาทานนั้นเป็นร้านข้าวต้มกุ๊ยที่เปิดตั้งแต่หัวค่ำถึงตี 2 แม้เวลาจะดึกลูกค้าก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก บริเวณหน้าร้านมีโชว์โยนผักบุ้งไฟแดงแล้วให้ลูกค้าเป็นคนถือจานรอรับ และตอนนี้ก็มีลูกค่าอยู่กลุ่มยืนถือจากรอรับผักบุ้งอยู่
“สนใจไหมครับ” รัญภาคย์ถามพุดพิชชาที่นั่งมองไปทางหน้าร้านอย่างสนใจ
“ไม่ดีกว่าคะ กลัวว่าจะพลาดอายแย่เลยค่ะ” พุดพิชชาหันมาตอบเขา
“แล้วป่านแก้วล่ะครับ”
“ป่านก็ไม่ค่ะ แค่ดูก็พอค่ะ แล้วพี่รัญล่ะคะ เอาไหม เดี๋ยวป่านไปบอกเจ้าของร้านให้”
“พี่ก็ไม่เอาเหมือนกันครับ” ทั้ง 3 คนก็พากันหัวเราะแล้วนั่งทานอาหารกันต่อ
ปราณติญาแอบมองการกระทำรัญภาคย์ที่ปฏิบัติต่อเพื่อนของเธอแล้วก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนว่าชายหนุ่มจะคอยดูแลตักกับข้าวให้อย่างเอาใจ
“พุด พี่รัญเค้ามาจีบแกหรือเปล่า” ปราณติญาถามขึ้นในคืนหนึ่งในขณะที่กำลังนั่งดูทีวีด้วยกัน
“จะมาจีบได้ยังไง แกก็รู่ว่าเค้าไม่ใช่ชายแท้นะ”
“บางทีเราสองคนอาจเข้าใจผิดก็ได้นะแก” ปราณติญาเริ่มไม่ค่อยแน่ใจเพราะเธอสังเกตว่าช่วงนี้ชายหนุ่มจะมาสนิทสนมกับเพื่อนของเธอมากเป็นพิเศษ
“ฉันว่าคงไม่หรอก เค้าคงเห็นฉันเป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
“แล้วทำไมต้องทำหน้าเศร้าอย่างนั้นด้วยล่ะ อย่าบอกนะว่าแกชอบเค้าทั้งๆ ที่รู้ว่าเค้าไม่คิดจะชอบผู้หญิง” ปราณติญามีสีหน้าตกใจที่เห็นท่าทางของเพื่อนเหมือนคนอกหักอย่างนั้น
“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พอได้ใกล้ชิดก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อเขา คนอะไรก็ไม่รู้ทั้งหล่อ ทั้งใจดี สุภาพอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ” หญิงสาวทำหน้าเพ้อฝัน
“เฮ้อ ฉันเห็นใจแกจริงๆ” ปราณติญารู้สึกเห็นใจเพื่อน
“แกอย่าบอกเรื่องนี่กับใครนะ” พุดพิชชารีบห้าม
“ฉันไม่บอกหรอกน่า แล้วแกจะเอายังไงต่อดีล่ะจะปล่อยให้เป็นอย่างนี่เรื่อยๆ เหรอ ถอยห่างออกมาดีไหมจะได้ไม่เจ็บไปมากกว่านี้”
“ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อเหมือนกัน ช่วงนี้ป้าดาไม่อยู่ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น ฉันเองก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ แม้จะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่อย่างที่ต้องการก็เถอะ”
“พุด ฉันว่าเราลองถามเค้าหน่อยดีไหมว่าเขาเป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ หรือเปล่า”
“จะบ้าหรือเปล่าใครจะไปกล้าถามแบบนั้นตรงๆ และใครที่ไหนจะกล้ายอมรับ เค้าคงปิดบังเรื่องนี้มานานป้าดาเองก็คงยังไม่รู้ถ้าเกิดฉันไปถามแล้วเค้าเป็นอย่างที่เราคิดแกคิดว่าเค้าจะกล้าบอกเราไหมล่ะ”
“แต่โลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะแกเรื่องแบบนี้ใครๆ เค้าก็ยอมรับได้” ปราณติญาก็มีเพื่อนลักษณะนี้หลายคน
“แต่ฉันสงสารป้าดาน่ะสิแก ถ้าเค้าเปิดตัวขึ้นมาจริงๆ ป้าดามีลูกชายแค่คนเดียวนะ เธอจะเสียใจแค่ไหน”
“ข้อนี้ฉันก็เห็นด้วยกับแกนะพุด เอาเป็นว่าเราลองสังเกตเขาไปอีกสักพักแล้วกันเผื่อบางทีเค้าอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด พอถึงตอนนั้นแกก็สารภาพรักกับเขาไปเลยนะ”