บท
ตั้งค่า

20 คุ้นเคย

พุดพิชชากำลังชงชาเพิ่มเพราะที่ชงไว้ตั้งแต่มาถึงร้านั้นหมดไปนานแล้ว เด็กมาเรียนกันเยอะทุกๆ วันที่ร้านของเธอขายดีทั้งแซนวิชและชา จนเธอเองแทบไม่ได้จับโทรศัพท์ขึ้นมาดูเลยสักครั้ง

“ผมกะแล้วว่าคุณต้องกำลังยุ่ง” เขาส่งเสียงมาก่อนด้วยน้ำเสียวที่ฟังดูสนิทสนม

“ค่ะ ยุ่งนิดหน่อย” หญิงสาวเงยหน้ามองก็เห็นชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงยืนยิ้มอย่างเป็นมิตร

“ผมซื้อข้าวกลางวันมาให้ครับ” รัญภาคย์ชูถุงใส่ข้าวกล่องในมือให้เธอดูแล้ววางลงบนโต๊ะ

“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณทานหรือยัง”

“ยังครับเดี๋ยวผมกลับไปทานที่ห้องทำงาน ไม่อยากรบกวนคุณ”

เขาส่งยิ้มให้เธออีกครั้งเธอแล้วก็เดินกลับไปยังตึกที่เขากำลังทำเป็นฟิตเนสเซ็นเตอร์โดยกั้นห้องเล็กๆ ไว้เป็นห้องทำงานของตัวเอง บริเวณชั้นล่างเขาทำเป็นห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์บางอย่างส่งมาเตรียมติดตั้งบ้างแล้ว ชั้นสองจัดเป็นห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และล็อกเกอร์เก็บของ รวมไปถึงห้องพักผ่อนระหว่างรอสอนของพนักงานที่กันไว้เป็นสัดส่วนโดยมีบันใดขึ้นคนละทางกับลูกค้าที่มาใช้บริการ ส่วนชั้นสามนั้นจัดเป็นห้องสำหรับเรียนโยคะและซุมบ้า

ชายหนุ่มนั่งทำงานต่อหลังจากที่เดินกลับจากร้านของพุดพิชชา ก่อนหน้านั้นเขาสั่งอาหารจากร้านที่อยู่ใกล้ๆ ตึกของตัวเองก่อนที่จะไลน์ไปบอกเธอแต่รอจนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงหญิงสาวก็ยังไม่อ่าน นั่นเขาก็พอจะเดาออกว่าที่ร้านของเธอคงกำลังยุ่งจนเธอมามีเวลาจับโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาจึงเดินเอาไปให้เธอที่ร้าน

เวลาบ่ายลูกค้าเริ่มน้อยลงแล้วพุดพิชชามีเวลาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่ารัญภาคย์ส่งข้อความมาทางไลน์หลายข้อความก่อนที่เขาจะเอาอาหารกลางวันมาให้ เธอแอบไปคิดว่าถ้าเขาเป็นแฟนเธอก็คงจะดี แต่มันก็เป็นเพียงความคิดของเธอคนเดียว เธอนั่งทานอาหารแล้วก็ส่งข้อความไปขอบคุณที่เขาซื้ออาหารมาให้ จากนั้นเขาก็ส่งข้อความกลับมาและขอให้เธอชงกาแฟดำให้เขา 1 แก้ว พออ่านแล้วหญิงสาวก็รีบชงให้เขาทันที

“รอนานไหม” เขารีบเดินมาทันหลังจากเห็นว่าเธออ่านข้อความแล้ว

“ไม่นานค่ะ พึ่งเสร็จพอดีเลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับอาหารกลางวัน”

“ผมรู้ว่าคุณยุ่ง แล้วนี่ทานไปแล้วใช่ไหมครับ” เขาถามอย่างเป็นห่วงเพราะเวลาบ่ายมากแล้ว

“ค่ะทานแล้วค่ะ”

“ขอโทษนะครับ ผมทำงานเพลินไปหน่อย” ชายหนุ่มมองพุดพิชชาที่กำลังเก็บของอยู่ในร้าน เขากะว่าจะกลับไปทำงานต่ออีกสักพักหลังจากที่ดื่มกาแฟกับเธอไปเมื่อตอนบ่าย แต่ก็นั่งตรวจงานที่ผู้จัดการแต่ละสาขาส่งรายงายมาให้จนเพลิน พอมองนาฬิกาอีกทีก็เกือบหกโมงเย็น

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่คะ คุณมาก่อนเวลาเสียอีก ฉันก็ยังเก็บของไม่เสร็จเลยคุณนั่งรอก่อนนะคะ”

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”

“ถ้าบอกว่าไม่คุณก็คงไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นช่วยเก็บโต๊ะกับธงญี่ปุ่นหน้าร้านเข้ามาเก็บก็ได้ค่ะ” เธอพูดเหมือนรู้ใจเขา ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าระหว่างเขากับเธอนั้น ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมายก็เข้าใจถึงสิ่งที่อีกฝ่ายคิดได้อย่างดี

“ไปไหนกันดีครับ หิวหรือยัง” เขาถามทันทีเมื่อเธอขึ้นมานั่งบนรถที่จอดอยู่ที่ไม่ไกลจากร้านเธอนัก

“ยังไม่หิวเลยค่ะ คุณมีที่ไหนต้องไปหรือเปล่าคะ”

“ไม่ครับ แล้วคุณละครับต้องไปซื้อของไหม” เขาพอจะเข้าใจว่าอาชีพของเธอนั้นต้องไปซื้อของมาเพิ่มที่ร้านอยู่บ่อยๆ

เธอส่ายหน้าเป็นคำตอบ ของที่จะซื้อมาขายนั้นเธอจะซื้อทุกอย่างมาพอขายได้ใน 1 สัปดาห์ส่วนของสดก็จะไปซื้อในตอนเช้า

“จริงสิ ผมเกือบลืมไปเลย ร้านดอกไม้ให้ผมเข้าไปดูแบบที่จะใช้ในวันเปิดร้าน ไปช่วยผมเลือกหน่อยนะ” ชายหนุ่มหมายถึงฟิตเนสเซ็นเตอร์ของเขาที่กำลังจะเปิดในอีกไม่นาน

“ได้ค่ะ แต่คงได้แค่ไปเป็นเพื่อนนะคะเพราะฉันเองก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องดอกไม้เท่าไหร่เลย”

“แค่ดูแบบเองครับ ส่วนว่าเอาดอกอะไร คุณษาผู้ช่วยของผมเธอเป็นคนจัดการครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน” เขาหัวเราะเบาๆ

ชายหนุ่มจอดรถริมทางเท้าหน้าร้านดอกไม้ พอเดินเข้าไปในร้านบรรยากาศก็ดูจะสดชื่นกว่าข้างนอกมาก ดอกไม้นานาชนิดที่เจ้าของร้านนำมาวางขายนั้นล้วนส่งกลิ่นหอมและสีสันสวยงามชวนให้เลือกซื้อเป็นอย่างมาก เธอเดินตามชายหนุ่มเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านที่มุมรับแขกเล็กๆ เจ้าของร้านนำแบบดอกไม่มาให้เธอกับเขาเลือกอยู่หลายแบบแล้วทั้งสองก็ตกลงแบบที่คิดว่าดูแล้วแล้วสบายตา ชายหนุ่มไม่อยากให้ดอกไม้ในงานเด่นกว่าเครื่องออกกำลังกายอันทันสมัยที่เขานำเข้าจากต่างประเทศแต่ก็อยากให้บรรยากาศดูเป็นธรรมชาติ

“คุณไปรอที่รถสักครู่นะครับ ผมมีอะไรคุยกับเจ้าของอีกนิดหน่อย” เขายื่นกุญแจรถให้เธอ เหมือนเป็นการบังคับไปในตัวว่าเธอต้องออกไปรอเขาข้างนอก

พุดพิชชาเองก็เข้าใจถึงสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการสื่อ เธอรับกุญแจรถไปจากมือเขาแล้วเดินออกไปนั่งรอที่รถ เพียงครู่รัญภาคย์ก็เดินตามเธอมา ในมือของเขาถือช่อดอกไม้สีขาวมาด้วยหนึ่งช่อ

รัญภาคย์ยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวที่แซมด้วยดอกยิปโซสีม่วงให้กับหญิงสาวที่นั่งรอเขาอยู่บนรถ เธอมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็รับมาถือไว้

“ให้ฉันหรือว่าฝากถือคะ” เธอไม่ค่อยแน่ใจนักเลยถามออกไปตรงๆ อย่างนั้นแต่ก็ภาวนาให้เขาตอบอย่างที่ใจต้องการ

“ผมให้ครับ”

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

“ให้เพราะอยากให้ครับ” เขาตอบสั้นๆ แล้วทำทีว่าตั้งใจขับรถทั้งๆ ที่ตอนนี้บนถนนไม่มีรถคันอื่นเลยสักคัน

“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มดีใจแม้จะรู้ว่าที่เขาดอกไม้กับเธออาจเป็นเพราะที่เธอมาช่วยเขาเลือกแบบที่จะใช้ในวันเปิดร้านของเขาก็ตาม เธอไม่จำเป็นต้องสนใจถึงเหตุผลที่เขามอบให้เพราะถึงยังไงตอนนี้เธอก็ได้ดอกไม้จากเขามาแล้ว

“ไปทานร้านเดิมไหมครับ”

เสียงของเขาทำให้เธอต้องออกจากความคิดตัวเองแล้วหันมาตอบ “ได้ค่ะ”

ออกจากร้านอาหารรัญภาคย์ก็พาเธอกลับมาส่งที่บ้าน เขานั่งคุยกับเธออีกครู่ใหญ่ก่อนจะขอตัวกลับบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดกันเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว

พุดพิชชาเตรียมของที่จะขายในวันพรุ่งนี้ไว้บางส่วน ระหว่างเตรียมก็หันมามองช่อดอกไม้แล้วยิ้มคนเดียว เธอไม่ได้ไลน์ไปบอกปราณติญาเพราะเมื่อตอนบ่ายที่คุยกันเพื่อนของเธอบอกว่าคืนนี้จะมีกิจกรรมคงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เป็นแน่ แล้วเสียงไลน์ก็ดังขึ้น หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะเดินไปดูก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มข้างบ้านที่ไลน์มาหา หญิงสาวรีบล้างมือก่อนจะส่งข้อความตอบกลับ แล้วเขาก็โทร. มาชวนเธอคุยอยู่เป็นนานก่อนจะวางสาย

ตลอดทั้งวันที่ร้าน พุด – ชา มีลูกค้าประปรายเพราะสายฝนที่ตกมาตั้งแต่หลังมื้อกลางวัน หญิงสาวคิดว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วกว่าปกติเพราะอากาศแบบนี้คงไม่มีใครอยากจะหาเครื่องดื่มเย็นๆ เป็นแน่และในระหว่างที่รอให้รัญภาคย์มารับตามเวลาเธอลองคิดเมนูใหม่เพิ่มจากเดิมเพราะไม่อยากให้ลูกค้าเบื่อ สายฝนยังคงโปรยปรายอย่างไม่ขาดสาย เมื่อมองไปยังถนนข้างหน้าแล้วก็ยิ้มเพราะเห็นว่าคนที่กำลังรออยู่นั้นขับรถมาจอดที่หน้าร้าน ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือเขาถือร่มลงมาจากรถด้วย จะมีใครที่ไหนเป็นเหมือนเขาบ้างนะที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาอย่างชายหนุ่มคนนี้

“ปิดเร็วจัง” เขาถามเมื่อเห็นว่าเธอเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

“ลูกค้าไม่ค่อยมีค่ะคงเพราะฝนตกด้วย แล้วทำไมถึงมาก่อนเวลาล่ะคะ”

“ผมว่าจะมาช่วยคุณเก็บของ แต่คิดว่าคงไม่ทันแล้ว” เขายิ้ม ช่างเป็นยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์จนคนถามไม่อยากให้เขาไปยิ้มแบบบี้กับใครที่ไหนเลย

“กลับเลยไหมคะ วันนี้ไม่ต้องไปทานข้าวนอกบ้านดีไหมคะ ที่ตลาดตอนเย็นจะมีรถอาหารทะเลมาขายฉันว่าจะไปซื้อมาทำทานเอง”

“คุณไหวแน่นะ วันนี้ก็ขายของทั้งวัน” เขาเป็นห่วงไม่อยากให้หญิงสาวต้องเหนื่อย แต่ถ้าให้เลือกเขาก็อยากให้เธอเป็นคนทำกับข้าวให้เขาทานที่บ้านมากกว่าไปนั่งทานที่ร้าน

“สบายมากค่ะ อยู่ที่ว่าคุณจะกล้าทานหรือเปล่า”

“ได้สิครับไม่เห็นต้องใช้ความกล้าเลย ผมรู้ว่าคุณน่ะมืออาชีพ” เขาชมขณะที่กำลังช่วยกันยกกล่องใส่ของขึ้นหลังรถ

พุดพิชชาให้เขาเป็นคนยกกล่องใส่ของทั้งหมดลงจากหลังรถไปวางไว้ในครัว ส่วนตัวเองก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพราะตกลงกันไว้แล้วว่าจะไปทำอาหารที่บ้านของเขา ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยกับชายหนุ่ม เนื่องจากเธอเกรงใจปราณติญาที่พาเขามาทำอาหารทานระหว่างที่เจ้าของบ้านไม่อยู่

“เมื่อมาถึงห้องครัวที่เธอคุ้นเคยในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่มเธอก็บอกให้เขาไปอาบน้ำ

“คุณรัญไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะคะ โดนฝนมาเดี๋ยวจะไม่สบาย” เพราะว่าเขาเอาแต่กางร่มให้เธอจนตัวเองเปียกฝน

“ครับผมขอไปอาบน้ำแป๊บเดียวเดี๋ยวจะรีบลงมาช่วย”

“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะแค่นี้ฉันทำเองได้สบายมาก” พุดพิชบาบอกเขาไปแบบนั้นเพราะกลัวว่าถ้าเขามาช่วยเธอจริงๆ แล้วเธอจะไม่มีสมาธิทำกับข้าว ใช่ว่าเขาไม่เคยมองเวลาเธอทำอาหารแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาทำอาหารที่บ้านของเขาโดยไม่มีคนอื่นอยู่เลย แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายเต็มร้อย แต่ก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้เวลาที่อยู่ใกล้ๆ แม้ว่าอาการใจเต้นแรงจะหายไปบ้างแล้วก็ตาม

“หอมจัง” ชายหนุ่มเข้ามาตอนไหนพุดพิชชาไม่ทันรู้ตัว ตอนนี้เขายืนใกล้จนเธอได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำโชยมาแตะจมูก

“ไม่ใช่แค่หอมนะครับรสชาติอร่อยด้วย” เขาพูดหลังจากที่คว้ามือของเธอซึ่งถือช้อนตักปูผัดผงกะหรี่ในกระทะขึ้นมาเป่าเข้าปากตัวเองไปอย่างหน้าตาเฉย

“จริงนะคะ” เธอตกใจที่เขาจับมือเธอไปป้อนให้ตัวเองแบบนั้นเลยต้องรีบถามกลบเกลื่อน

“จริงครับ ผมช่วยยกไปนะ” แล้วชายหนุ่มก็ยกชามใส่ต้มยำกุ้งกับจานใส่หอยลายผัดพริกเผา ไปวางไว้บนโต๊ะที่ห้องอาหาร ขณะที่หญิงสาวก็ตักปูผัดผงกระหรี่ใส่จานแล้วถือตามเขาออกไป หน้าชายหนุ่มตักข้าวสวยใส่จานนั่งรออยู่แล้ว

หลังจากทานข้าวแล้วเขาก็อาสาเป็นคนล้างจานเพราะอยากให้เธอได้พักบ้าง แต่พุดพิชชานั้นไม่อยากนั่งรออยู่เฉยๆ แล้วให้เขาต้องทำงานอยู่คนเดียว เธอจึงเอาเมล่อนที่ซื้อจากตลาดเมื่อตอนเย็นออกมาผ่าแล้วจากนั้นก็เอาเมล็ดและเปลือกออกก่อนจะหั่นเป็นชิ้นพอคำใส่จานทันเวลาพอดีกับที่ชายหนุ่มล้างจานเสร็จ

“ดูหนังด้วยกันสักเรื่องไหมยังไม่ดึกเลยครับ”

“ค่ะ แล้วคุณมีเรื่องอะไรให้ดูบ้างล่ะ”

รัญภาคย์พาเธอเดินไปยังห้องนั่งเล่นที่อยู่ถัดจากห้องรับแขก ห้องนี้เป็นห้องที่ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนักเพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านมาก กลางห้องมีทีวีขนาดประมาณ 50 นิ้วพร้อมชุดเครื่องเล่นดีวีดีรวมไปถึงชุดเครื่องเสียงที่เหมาะกับการนอนดูหนักพักผ่อนอยู่บ้านเป็นอย่างมาก

“เลือกได้เลยว่าจะดูเรื่องไหนผมไปหาขนมมาเพิ่มดีกว่า”

พุดพิชชากำลังเลือกว่าจะดูเรื่องไหน เพราะเธอเองก็ไม่ได้ดูหนังมานานมากแล้ว บางแผ่นที่เธอเห็นยังไม่ได้แกะพลาสติกออกเลยด้วยซ้ำเขาเองก็คงยังไม่ได้ดูเหมือนกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel