18 คงได้แค่แอบชอบ
ปราณติญาอาบน้ำเสร็จก็มานั่งคุยกับเพื่อนที่กำลังจัดของที่ซื้อมาเข้าที่
“พุด แกซื้อหนังสือนี้มาทำไม” ปราณติญาชูหนังสือหัวนอกที่หน้าปกเป็นผู้ชายถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อขึ้นมาให้เพื่อนดู
“หนังสืออะไร” พุดพิชชาเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ก็เห็นหนังสือที่เพื่อนพูดถึง
“เฮ้ย ฉันไม่ได้ซื้อนะ คงเป็นของคุณรัญฉันเพราะเขาเป็นคนเอาหนังสือที่ฉันซื้อฉันไปจ่ายเงิน” หนังสือยังอยู่ในซองพลาสติกใส เธอกับปราณติญาไม่เห็นว่าข้างในมีอะไรบ้าง แต่ถ้าดูจากหน้าปกก็น่าดูจะล่อแหลมจนไปเพราะชายหนุ่มไม่ได้สวมกางเกง มีเพียงหมวกฟางใบเล็กๆ ที่ปิดอยู่ที่บริเวณส่วนสงวนของผู้ชายเท่านั้น
“นี่เค้าอ่านหนังสืออย่างนี้เหรอ” ปราณติญาพลิกหนังสือไปมา ที่ปกหลังก็มีภาพคล้ายๆ กันเป็นภาพเล็กๆ อีกหลายภาพ
“ฉันคงเป็นอย่างที่เราคิดแน่เลยแก ถึงว่าสิอายุตั้ง 35 ปี แล้วถึงยังไม่แต่งงานสักที” พุดพิชชานึกไปถึงกิริยามารยาทและการเลือกครีมอาบน้ำของเขาแล้วก็สรุปไปแล้วว่าเขาเป็นเก้งกวาง แต่เธอไม่ได้รังเกียจที่เขาเป็นแบบนั้น เธอเองดีใจด้วยซ้ำเพราะนั้นหมายถึงเธอไม่ต้องกังวลเวลาที่อยู่ใกล้ๆ เขา
"ก็คงอย่างนั้น ดีเหมือนกันนะ แกจะได้มีเพื่อนเพิ่มไง แกว่าป้าดาจะรู้ไหมพุด”
“ฉันว่าคงไม่รู้แน่ๆ เลย เพราะป้าดาก็ยังบ่นๆ ว่าเขาไม่มีครอบครัวสักที” เธอยังจำบทสนทนาที่คุยกันบนโต๊ะอาหารได้ วันนั้นป้าลดาถามเขาว่าเมื่อไหร่จะมีครอบครัว แต่ชายหนุ่มบอกว่าอยากอยู่กับมารดาแบบนี้ไปตลอด
“ฉันว่าคุณรัญคงไม่อยากให้แม่รู้หรอกนะ” ปราณติญาตั้งข้อสังเกต
“นั่นสิ เค้าคงกลัวป้าดารับไม่ได้ แต่ฉันว่าถ้าบอกไปป้าดาน่าจะเข้าใจนะ” พุดพิชชาอยากให้เขาเปิดใจคุยกับมารดามากกว่าปิดบังไว้อย่างนี้ เพราะนั่นจะทำให้เขาอึดอึดและไม่มีความสุข แต่เธอก็ไม่รู้จะเริ่มคุยกับเขายังไง เพราะเธอกับเขายังไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นที่จะไปบอกให้เขาทำหรือไม่ทำอะไร
เช้านี้พุดพิชชาตื่นเช้ากว่าปกติเล็กน้อย หลังจากหุงข้าวทิ้งไว้แล้ว เธอก็ขับรถออกไปยังตลาดสดเพราะอยากได้ เนื้อปลากะพงเพื่อมาทำข้าวต้มให้กับป้าลดา พอขับรถผ่านบ้านหลังใหญ่ก็ต้องตกใจเพราะรัญภาคย์ยืนอยู่ที่หน้าบ้าน พอเธอขับมาใกล้จะถึงเขาก็โบกมือให้เธอจอด แล้วก็รีบขึ้นมานั่งโดยที่เธอไม่ทันชวนเขาเลย
“คุณรัญจะไปไหนคะ” หญิงสาวถามเขาเมื่อเขาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว
“ก็คุณจะไปตลาด ซื้อของทำกับข้าวให้แม่ผม ผมในฐานะลูกก็ต้องไปด้วยจริงไหมครับ” เขาพูดอย่างหน้าตาเฉย พุดพิชชาไม่ได้ห้ามเขา ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงระแวงว่าเขาอาจจะเข้ามาจีบ แต่หลังจากเมื่อวานเธอเห็นหนังสือที่เขาซื้อมาแล้วเธอก็เลิกความคิดนั้นไป เธอมองเขาว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
“ค่ะ แล้วนี่มารอนานหรือยังคะ”
“นิดหน่อยครับ ปกติคุณออกเช้ากว่านี้” เอาแอบมองเวลาที่เธอออกไปตลาดเกือบทุกเช้า
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันออกไปซื้อเวลาไหน” เธอแปลกใจเพราะไม่เคยเจอเขาเวลานี้เลยสักครั้ง
“ก็ผมตื่นมาวิ่งทุกเช้าก็เลยเห็นเวลาที่คุณออกไปซื้อของ” เขารีบอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่คอยตามผู้หญิง
“ค่ะ เช้าเหมือนกันนะคะ คุณชอบออกกำลังกายเหรอคะ”
“ชอบมากเลยล่ะครับ เพราะผมเป็นคนชอบกินครับ เลยต้องออกกำลังกาย ไม่อยากอ้วนลงพุงครับ” เขาพูดไปเรื่อยโดยไม่ได้หันไปมองหญิงสาวเลยว่าตอนนี้เธอยิ้ม เพราะเข้าใจดีว่าชายรักชายมักจะดูแลรูปร่างของตัวเองเป็นอย่างดี
เมื่อซื้อของเสร็จแล้วพุดพิชชาก็ส่งเขาลงที่หน้าบ้าน ส่วนตัวเองก็ขอตัวเอารถกลับไปเก็บก่อนที่จะกลับไปที่บ้านของเขาอีกครั้งเพื่อทำอาหารเช้าให้มารดาของเขาโดยมีลียาและป้าใจเป็นผู้ช่วย
“มีของผมไหมครับ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาในครัวหลังจากที่เขาพึ่งวิ่งออกกำลังกายเสร็จ
“ค่ะ”
“น่าทานจัง คุณก็ทานด้วยกันเลยสิ” เขาเอ่ยชวนเพราะรู้สึกดีที่มีเธอมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ เช้านี้ฉันกันป่านแก้วว่าจะไปไหว้พระแล้วทานก๋วยเตี๋ยวกันค่ะ” พุดพิชชาทำผัดฉ่าปลากะพง แกงส้มผักรวมใส่ปลาช่อนและยังมีน้ำพริกผักต้มอีกหนึ่งอย่าง
ตลอดทั้งสองสัปดาห์ที่พุดพิชชามาทำอาหารให้ป้าลดาและชายหนุ่มทานที่บ้าน รัญภาคย์รู้สึกว่าเขามีความสุขเขาตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปตลาดกับหญิงสาวจากนั้นก็กลับมาออกกำลังกาย เขาแอบมองหญิงสาวที่ทำอาหารอยู่ในครัวทุกๆ วัน เธอเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเขาการได้พูดคุยหญิงสาวและตามเธอไปตลาดเกือบทุกวันทำให้ชายหนุ่มเปิดใจให้เธอเข้ามาทีละนิดโดยไม่รู้ตัว มารดาของเขาเองก็เหมือนจะรู้ว่าลูกชายมีความรู้สึกที่พิเศษกับหญิงสาวข้างบ้าน เธอได้แต่คอยดูอยู่ห่างๆ เพราะไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของลูกชาย แต่ก็แอบลุ้นว่าทั้งสองจะมีใจตรงกันเธอหรือเปล่า ลดาไม่เห็นท่าทีรังเกียจของพุดพิชชาเลยสักนิด หญิงสาวสนิทสนมกับลูกชายของเธอเป็นอย่างดีและเหมือนว่าลูกชายของเธอจะกลายเป็นคนยิ้มง่ายกว่าแต่ก่อนมาก
“ผลเลือดครั้งนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกตินะครับคุณน้า แต่ก็ยังวางใจไม่ได้คุณนะอาจจะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเดิมเพียงแต่ไม่ต้องเคร่งครัดมากแล้วครั้งหน้าผมจะนัดคุณนะอีกประมาณหนึ่งเดือนถ้าไม่มีอะไรผิดปกติคุณน้าก็จะสามารถทานอาหารปกติทั่วไปได้ครับ” นายแพทย์ดูผลเลือดในแฟ้มแล้วก็อธิบายให้ลดาและลูกชายฟัง
“แล้วถ้าน้าจะทานอาหารคลีนหรืออาหารเพื่อสุขภาพไปเรื่อยๆ จะมีผลกระทบอะไรกับร่างกายไหมคะหมอ”
“นั่นยิ่งดีเลยครับคุณนะถ้า คุณน้าทำได้เป็นกิจวัตรประจำวันมันจะดีต่อสุขภาพของคุณน้าในระยะยาวครับเพราะว่าคนที่มีอายุมากแล้วระบบการเผาผลาญในร่างกายจะช้ากว่าคนวัยหนุ่มสาวรวมถึงระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็เริ่มจะเสื่อมลงตามอายุถ้าเราทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ลดอาหารประเภทของหวานของมันอาหารเค็มก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีตลอดไปครับ”
“แม่คิดว่าจะให้หนูพูดมาทำอาหารให้ที่บ้านต่อไปรัญว่าดีไหม เพราะแม่ชักชอบอาหารที่หนูพูดทำเสียแล้วสิ” เมื่อนั่งรถกลับจากโรงพยาบาล ลดาก็ถามลูกชาย
“แล้วแต่แม่เลยครับ ผมว่าก็ดีเหมือนกันแต่ก็น่าจะเปลี่ยนเป็นอาหารธรรมดาบ้างก็ได้ผมกลัวไปนานๆ แล้วคุณแม่จะเบื่อ”
“เอาไว้ถ้าแม่เบื่อแม่จะบอกเอง แต่ตอนนี้แม่ยังอร่อยกับอาหารที่หนูพูดทำ อยู่แล้วรัญล่ะชอบอาหารที่เธอทำไหม”
“ชอบครับ” เขาตอบแค่นั้น แต่ใจจริงก็อยากจะบอกมารดาว่าเขาชอบตัวเธอและอาหารที่เธอทำ
“รัญจะเข้ากรุงเทพฯ อีกเมื่อไหร่” ลดาถามลูกชายเพราะนี้ก็เกือบเดือนแล้วที่ลูกชายอยู่กับเธอที่บ้านนี้ตลอด
“อีก 2 วันครับ พอดีของที่สั่งมาทางเรือจะพึ่งถึงวันนี้ผมให้ลูกน้อง ไปจัดการเรื่องภาษีให้เรียบร้อยก่อน ผมค่อยเข้าไปตรวจความเรียบร้อยอีกทีครับแม่”
“คราวนี้ไปนานไหมล่ะ”
“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็คงจะสักอาทิตย์หนึ่งครับแม่ แม่จะลงไปกับผมไหม”
“ไม่หรอกจ้ะ แม่ว่าจะขึ้นไปหาน้องสาวเราที่เชียงใหม่สักหน่อย” ลดาอยากไปดูแลลูกสาวเพราะว่าช่วงนี้หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที
“ก็ดีเหมือนกันครับผมจะได้ไม่ต้องห่วง แม่พาป้าใจกับลุงผลไปด้วยหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามถึงคนงานเก่าแก่ที่มักจะตามมารดาของเขาไปด้วยทุกครั้ง
“ไม่หรอกจ้ะ แม่จะให้ลุงผลกับป้าใจได้พักสักหน่อย เห็นว่าลูกสาวจะแต่งงานเดือนหน้าเลยอยากให้กลับไปช่วยงานแต่งที่อยุธยา”
“ครับ บ้านเราคงเหลือแค่ลียาอยู่คนเดียว”
“จ้ะ คงไม่เป็นไรหรอกเพราะแม่ดูแล้วลียาเป็นเด็กดี น่าจะให้ดูแลบ้านคนเดียวได้”
“ครับ ถ้างานเสร็จเร็วผมจะขึ้นไปหาแม่ที่เชียงใหม่แล้วเราค่อยกลับพร้อมกันเลยดีไหมครับ”
“ดีเหมือนกันยายรินคงดีใจที่ลูกจะไปเยี่ยม”
“ครับแม่”