บท
ตั้งค่า

16 เหมือนออกเดท

“คุณติดต่อหนูพุดได้หรือยังผกา” ปรีชาถามผกาเมื่อเห็นว่าลูกสาวนั้นขาดการติดต่อไปนาน

“ผกาพยายามแล้วค่ะ แต่ติดต่อไม่ได้เลย ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าหนูพุดหนีไปอยู่กับใคร”

“ผมเป็นห่วงลูก”

“อย่ากังวลไปเลยนะคะ ผกาโอนเงินเข้าบัญชีหนูพุดตามที่คุณบอกแล้ว คงไม่ได้ลำบากอะไรมากหรอกค่ะ เธอคงอยากออกไปใช้ชีวิตตามประสาคนหนุ่มสาวน่ะคะ เดี๋ยวเธอก็คงกลับมาเอง” ผการีบบอกเพราะกลัวปรีชาจะออกตามาพุดพิชชาจริงๆ เธอไม่ได้โอนเงินให้อย่างที่บอกกับปรีชา แต่ผการู้ดีว่าปรีชานั้นทำแต่งานคงไม่มีเวลามาจับผิดเธอเรื่องนี้อย่างแน่นนอน

ร้าน พุด-ชา เริ่มเป็นที่รู้จักและมีลูกค้าประจำมากขึ้น แม้ว่าจะหมดช่วงซื้อ 2 ฟรี 1 ไปแล้ว ก็ยังขายดีอยู่ พุดพิชชามองบัญชี ร่ายรับ – รายจ่ายแล้วก็ยิ้มออก เงินที่ได้เธอจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช้าร้าน รวมถึงค่าไฟกับค่าน้ำที่บ้านของปราณติญาด้วยก็ยังพอเหลือเก็บ แม้ปราณติญาจะบอกว่าให้ช่วยกันออกค่าใช้จ่ายภายในบ้านแต่พุดพิชชาก็ไม่ได้ทำอย่างที่เพื่อนบอกเพราะมาอยู่โดยที่เพื่อนไม่คิดค่าเช่าเธอจึงขอเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

“หมออยากให้คุณน้าควบคุมเรื่องอาหารด้วยเพราะจากผลตรวจครั้งนี้ระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติอยู่เล็กน้อยถ้าควบคุมอาหารลดประเภททอดอาหารที่มีไขมันสูง พวกแกงกะทิก็งดไปก่อนนะครับ เปลี่ยนมาทานข้าวกล้องแทนข้าวขาวที่ผ่านการขัดสี รวมไปถึงขนมปังก็ควรเป็นประเภทโฮลวีทแทนครับ แล้วอีกประมาณสองสัปดาห์หมอจะนัดคุณน้ามาตรวจเลือดอีกครั้งถ้าระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเส้นเลือดยังไม่ลดลงจากครั้งนี้ คุณน้าอาจจะต้องเริ่มรับประทานยาลดระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเลือด ถ้าจะให้ดีก็ให้คุณน้าออกกำลังกาบแบบเบาๆ บ้างก็ดีนะครับ” นายแพทย์วัยเกือบๆ 40 ปีอธิบายให้สองแม่ลูกที่เข้ามาติดตามผลการตรวจเลือดฟังอย่างละเอียด

“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอแล้วน้าจะพยายามควบคุมอาหารน้าไม่อยากทานยาเลย”

“หมอเองก็หวังไว้อย่างนั้นครับคุณน้า ควบคุมอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยได้ครับ”

หลังจากชำระเงินแล้วรัญภาคย์ก็พามารดาออกมาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

“แม่ไม่อยากทานยาเลยรัญ”

“ผมว่า ถ้าเราทำตามที่หมอแนะนำผลเลือดครั้งหน้าก็คงจะดีขึ้นนะครับแม่อย่าพึ่งคิดมากเลย” ชายหนุ่มปลอบใจมารดา

“แม่ก็หวังจะให้เป็นอย่างนั้นแหละเรื่องอาหารแม่ยังหนักใจอยู่เพราะป้าใจคงทำอาหารคลีนอย่างที่หมอแนะนำไม่ได้”

พอมารดาพูดถึงอาหารคลีนอีกครั้งทำให้รัญภาคย์นึกอะไรออกมาได้ว่าเขาจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง

“ทำไมแม่ไม่ลองปรึกษาคุณพุดเรื่องอาหารคลีนล่ะครับ ให้เค้ามาสอนป้าใจทำก็ได้”

“นั่นสิแม่ลืมหนูพูดไปได้ยังไงไม่ต้องให้มาสอนหรอกแม่ว่าจะให้หนูพูดมาทำอาหารให้แม่ทานที่บ้านเราเลยดีไหม”

“ก็ดีเหมือนกันนะครับแม่ แต่เธอจะมีเวลาว่างหรือเปล่าแม่ลองถามเธอดูอีกทีนะครับเพราะเท่าที่แม่เล่าให้ผมฟังรู้สึกว่าเธอจะทำข้าวกล่องส่งทางโรงเรียนและทางโรงพยาบาลนะครับแม่”

“แม่ว่าจะลองคุยกับเธอดู”

“ได้สิคะป้าดา พุดยินดีค่ะ ช่วงแรกๆ พุดจะไปทำที่บ้านป้าดานะคะ ป้าใจกับลียาจะได้ทำไปด้วยค่ะ ส่วนรายการอาหารที่เหมาะสมพุดจะจดไว้ให้ดีไหมคะ ป้าดาอยากทานอะไรก็บอกพุดได้เลยค่ะ” พุดพิชชารีบบอกเมื่อป้าลดาเดินมาคุยกับเธอที่บ้านหลังจากที่เธอพึ่งลงจากรถ

“แล้วหนูพุดอย่าลืมคิดค่าเสียเวลาด้วยนะลูก”

“ป้าดาอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ พุดยินดีทำให้ป้าดา แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับที่ป้าดาเมตตาพุด” เธออยากตอบแทนที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอประหยัดเวลาไปได้มากเหลือเกินจากหุงข้าว 4 รอบ รอบละ ครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้เธอหุงข้าวแค่รอบเดียวและทำให้เธอมีเวลาไปทำอย่างอื่นเพิ่มและไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่อย่างเดิมอีกแล้ว

“ป้าเกรงใจหนูจังเลย”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะคะ พุดเต็มใจค่ะ แล้วป้าดาจะเริ่มพรุ่งนี้เลยไหมคะ” พรุ่งนี้โรงเรียนก็ปิดเทอมแล้วเธอไม่ต้องทำอาหารไปส่งที่โรงเรียน

“ดีเลยจ้ะ แต่ว่าที่บ้านป้าไม่รู้จะมีวัตถุดิบให้หนูทำหรือเปล่าน่ะสิ”

“เดี๋ยวพุดไปดูก่อนก็ได้ค่ะว่ามีอะไรทำได้บ้าง พรุ่งนี้ป้าดาอยากทานอะไรคะ”

“อะไรก็ได้ แล้วแต่หนูเลย”

“ตอนเช้าปลากะพงผัดฉ่าดีไหมคะพุดจะใช้น้ำมันมะกอกผัดแทนน้ำมันพืชที่ใช้ทั่วไปส่วนข้าวก็ใช้ข้าวกล้องผสมกับข้าวหอมมะลิ เพราะถ้าทานข้าวกล้องอย่างเดียวกลัวว่าป้าดาจะยังไม่ค่อยชินค่ะ แล้วจะค่อยๆ ลดอัตราส่วนของข้าวหอมมะลิลงเรื่อยๆ นะคะ น้ำปลาก็คงต้องเปลี่ยนเป็นแบบที่โซเดียมต่ำดีกว่าเพราะจะดีต่อสุขภาพ

“ดีเลย แต่ที่หนูพูดมารู้สึกว่าที่บ้านป้าจะมีแต่ข้าวหอมมะลิอย่างเดียวนี่สิ”

“ที่บ้านพุดมีค่ะ เดี๋ยวพุดเอามาเองก็ได้ ส่วนอย่างอื่นเดี๋ยวเย็นนี้พุดต้องไปซื้อของสำหรับเตรียมมาขายอยู่แล้วพุดจะซื้อมาเพิ่มเองค่ะ” พุดพิชชาบอกถึงความตั้งใจของเธอ

“ป้าว่าเอาอย่างนี้ดีไหม ให้รัญไปเป็นเพื่อนช่วยซื้อของส่วนของหนูพุดที่จะซื้อมาขายก็ให้ตารัญเป็นคนจ่าย ถือว่าเป็นค่าแรงที่มาทำอาหารให้ป้านะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะป้าดา พุดซื้อของมาเพื่อทำขายไม่อยากให้ป้าดาต้องมารับผิดชอบค่าใช่จ่ายตรงนี้ด้วย”

“เอาเถอะน่า สักครั้งก็ยังดี แล้วซื้อมาให้เยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจ ถือว่าทำเพื่อป้านะ ป้าจะได้สบายใจ”

แล้วพุดพิชชาก็ต้องมาซื้อของกับรัญภาคย์เพราะไม่อยากทำให้ป้าลดาไม่สบายใจ

“เราจะไปซื้อกันที่ห้างเลยใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเมื่อขับรถพาหญิงสาวออกมาจากหมู่บ้านแล้วตรงไปเส้นทางที่ใช้เข้าไปยังตัวเมือง

“ค่ะซื้อที่ห้างก่อน แต่บางอย่างก็ต้องซื้อที่ตลาดสดด้วย คุณรัญส่งแค่ที่ห้างก็ได้นะคะ ฉันซื้อของคนเดียวได้ แล้วขากลับก็ค่อยนัดกันอีกที”

“ทำไมละ”

“เผื่อคุณมีธุระต้องไปทำที่อื่นจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

“ผมไม่ได้ไปไหน เดี๋ยวผมเดินซื้อของด้วยก็ได้ เพราะผมเองก็อยากรู้ว่าเหมือนกันว่าต้องซื้ออะไรที่ไหนบ้าง”

รัญภาคย์เข็นรถเข็นใส่ของเดินตามหญิงสาวไปเรื่อยๆ เขาไม่เคยต้องมาเดินเลือกซื้อของแบบนี้มาก่อนเพราะทุกอย่างมารดาของเขาเป็นคนจัดการ แต่พอได้มาเดินเองแล้วชายหนุ่มก็ตั้งใจแล้วว่าต่อไปเขาจะมาเดินซื้อของดีกว่าเพราะของแต่ละอย่างนั้นอยู่ไม่ได้ใกล้กันเลยสักนิด เขาไม่อยากให้มารดาต้องเหนื่อยอีกต่อไป

“ได้ของครบไหมครับ”

“ครบค่ะ มีบางอย่างต้องไปที่ตลาดสดตอนเช้าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปซื้อเอง”

“แล้วคุณซื้อของคุณเองหรือยัง” ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอเกรงใจเขา

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยมาซื้อก็ได้”

“ซื้อไปเลย คุณคงไม่อยากให้ผมบอกแม่ใช่ไหม”

“ซื้อก็ได้ค่ะ” พุดพิชชาเลือกซื้อของตัวเองอีกเล็กน้อย แต่ดูที่รถเข็นก็ต้องตกใจ

“คุณทำอะไร” ในรถเข็นตอนนี้มีของที่เธอเลือกไว้สำหรับทำข้าวกล่องเพิ่มขึ้นจากที่เธอเลือกอย่างละเท่าตัว

“ผมรู้ว่าคุณเกรงใจซื้อแค่อย่างละนิดผมเลยช่วยซื้อไงครับ”

“พอแล้วค่ะ ฉันจำเป็นต้องใช่แค่นี้จริงๆ เพราะปิดเทอมแล้วฉันไม่ต้องทำส่งที่โรงเรียน” เธอพูดแล้วหยิบของที่เกินออกเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาก็หยิบของชิ้นเดียวกับเธอ กลายเป็นว่ามือของชายหนุ่มกำลังจับมือเธออยู่ พุดพิชชานิ่งไปชั่วขณะแล้วรีบชักมือออก ก่อนะจะเดินนำเขาไปเพื่อชำระเงิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel