14 เพื่อนต่างวัย
พุดพิชชาเปิดร้านมาได้ครบ 1 เดือนแล้วรายได้ก็ยังพอมีเข้ามาแต่ตลอด แม้ไม่มากมายเหมือนกับร้านกาแฟที่เคยเปิดแต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกท้อเลยสักนิด เธอเข้าใจดีว่าทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป วันหนึ่งพอกลับมาถึงบ้านหญิงสาวเห็นบิลค่าน้ำค่าไฟเสียบอยู่ที่ตู้ไปรษณีย์เธอก็รีบจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ทันที เพราะรู้ว่าถ้าบอกปราณติญาก่อน เพื่อนคงจะไม่ยอมให้เธอจ่ายเงินคนเดียวแน่ๆ
วันนี้หญิงสาวจำเป็นที่จะต้องปิดร้านหนึ่งวันไม่ใช่เพราะว่าเธอเหนื่อยหรืออยากพักแต่เป็นเพราะการไฟฟ้ามีจดหมายแจ้งว่าจะตัดไฟในเวลากลางวัน เธอจึงถือโอกาสนี้หยุดพักแต่ก็ต้องทำอาหารไปส่งปราณติญาและกรกนกอย่างเดิม หลังจากส่งข้าวกล่องเสร็จแล้วหญิงสาวก็ไปเดินเลือกซื้อของใช้เข้าบ้าน และเมื่อได้ของครบตามที่ต้องการแล้วพุดพิชชาก็นำของทั้งหมดไปเก็บไว้ที่รถก่อนจะเดินไปยังแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า
ลูกค้าในร้านไม่ค่อยเยอะคงเพราะไม่ใช่วันหยุด พุดพิชชาเดินดูหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาด 5 ลิตร เพราะคิดว่าถ้าใช้หม้อขนาดนี้เธอจะประหยัดเวลาไปได้มากเลยทีเดียว หม้อเดิมที่หญิงสาวใช้อยู่เป็นหม้อใบเล็กกว่าจะหุงได้ครบพอดีกับจำนวนจำนวนกล่องก็ต้องหุงหลายรอบทำให้เสียเวลาไปเยอะ เมื่อดูราคาและคำนวณเงินในกระเป๋าแล้วก็คิดว่าจะพอจะจ่ายไหน
ในระหว่างนั้นเธอก็เห็นลดากับลูกชายอยู่ภายในร้าน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปทักทาย
“สวัสดีค่ะป้าดา” พุดพิชชายกมือไว้ทักทายและยกมือไหว้เลยไปถึงลูกชายของเธอด้วย “ป้าดามาซื้อของเหรอคะ”
“จ้ะ ป้ามาเดินเลือกซื้อเตาอบ ว่าจะหัดทำขนมสักหน่อย อยู่บ้านเฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เริ่มจะเบื่อ”
“ให้พุดช่วยเลือกไหมคะ” หญิงสาวรีบอาสาเพราะเธอคุ้นเคยกับการทำขนมและใช้เตาอบมาแล้วหลายแบบ
“ดีเลยแหละ ป้ารบกวนหนูหรือเปล่า แล้วหนูมาทำไรคนเดียว” ลดามองหาเพื่อนของเธอแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคงเพราะไม่ใช่วันหยุด
“พุดมาดูหม้อหุงข้าวไฟฟ้าค่ะป้าดา”
“หม้อหุงข้าวเสียเหรอจ้ะ”
“เปล่าค่ะ ที่มีอยู่มันใบเล็ก พุดต้องตื่นเช้าหุงหลายรอบทำให้เสียเวลาไปเยอะค่ะ เลยตัดสินใจว่าจะลงทุนซื้อใบใหม่ดีกว่าจะได้ประหยัดเวลาไปด้วย”
“ป้าว่าหนูพุดอย่าพึ่งซื้อเลยนะ ไปช่วยป้าเลือกเตาอบก่อนดีกว่า” พุดพิชชาพยักหน้าแล้วเดินตามเธอไปอย่างว่าง่ายเพราะเรื่องหม้อหุงข้าวค่อยกลับมาซื้อวันหลังก็ได้
รัญภาคย์แอบมองเพื่อนบ้านที่วันนี้หญิงสาวปล่อยผมยามสลวย ล้อมกรอบใบหน้ารียาวทำให้ดูแปลกตากว่าทุกครั้งที่ เจอ นอกจากผมที่ปล่อยยาวแล้ววันนี้เขายังเห็นเธอสวมกระโปรงเป็นครั้งแรกอีกด้วย เพราะหลายๆ ครั้งที่เจอนั้นหญิงสาวมักจะสวมกางเกงยีนส์
“แล้วป้าดาจะทำขนมอะไรบ้างคะ พุดจะได้ช่วยแนะนำได้ถูกค่ะ” เมื่อยืนอยู่หน้าเตาอบหลายขนาดเธอก็ถามขึ้น
“ป้าอยากลองทำขนมที่มันทำง่ายๆ อย่างพวกคุกกี้หรือเค้กเท่านั้นแหละจ๊ะ ไม่ได้ทำอะไรเยอะมากเอาแค่หายเหงาก็พอ”
“พุดว่าเอาแค่สัก 50 ลิตรก็พอนะคะ เพราะถ้าใหญ่กว่านี้คงต้องเป็นเตาอบแบบใช้แก้ส พุดว่ามันจะยุงยากไป เพราะเราควบคุมอุณหภูมิของเตาได้ค่อนข้างยากค่ะ”
“แล้วยี่ห้อไหนดีละ” เมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่ว่าจะซื้อยี่ห้อไหน
“แล้วแต่ป้าดาเลือกเลยนะคะ”
“เยอะจังป้าเลือกไม่ถูกเลย รัญล่ะว่ายังไงช่วยแม่ดูหน่อยว่าจะเอายี่ห้อไหน” เธอหันไปขอความคิดเห็นจากลูกชายที่ยืนเงียบมานาน
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับแม่ แล้วคุณเคยใช่ยี่ห้อไหนมาก่อนล่ะครับ” รัญภาคย์หันมาถามหญิงสาว
“ฉันเคยใช่มาหลายยี่ห้อนะคะ แต่ล่าสุดที่ใช้ก็คล้ายๆ กับตัวนี้ล่ะคะ” หญิงสาวชี้ไปที่เตาอบขนาด 50 ลิตรที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
“ผมว่าเอาตามนี้ก็ได้ คุณจะได้แนะนำวิธีใช้ให้แม่ผมด้วย” เขาสรุป
“ดีเหมือนกัน ถ้าให้อ่านคู่มือคงไม่ค่อยเข้าใจ ว่าแต่หนูจะว่างมาแนะนำป้าเหรอลูก” ลดารู้ว่าหญิงสาวต้องตื่นแต่เข้ามาทำข้าวกล่องและยังต้องไปเปิดร้านชาอีกจนถึงเย็นก็ไม่อยากจะรบกวนเวลาอันมีค่าของเธอ
“มีสิคะป้าดาอยากทำขนมอะไรเป็นอย่างแรกคะ”
“ป้าว่าจะทำอะไรที่ง่ายๆ คุกกี้ดีไหม”
“ได้เลยค่ะ พุดมีสูตรที่เคยทำกับแม่รับรองว่าอร่อยไม่เหมือนใครเลยล่ะคะ” เธอนึกถึงครั้งที่ทำขนมกับแม่แล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ดีเลย เราไปซื้อของสำหรับทำคุกกี้กันเลยไหม หนูพุดว่างทั้งวันหรือเปล่า” เธอถามหญิงสาวอย่างเกรงใจ
“ว่างทั้งวันค่ะ” ความรู้สึกเดิมๆ กลับมาอีกครั้ง หญิงสาวนึกไปถึงตอนที่ตัวเองกับมารดาช่วยกันเลือกซื้อของเพื่อเอาไปทำขนม
“แม่ไปกับหนูพุดเลยนะลูก เจอกันที่บ้านเลย” ลดาบอกลูกชายที่กำลังคุยกับพนักงานว่าให้เอาเตาไปส่งที่ไหน
พุดพิชชาพาหญิงสูงวัยไปร้านขายวัสดุอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ เพื่อทำขนมเป็นร้านที่เธอซื้อเป็นประจำหญิงสาวช่วยลดาเลือกซื้อของที่จำเป็นต่างๆ เช่นไม้พาย ถาดอบ ถ้วยตวงของแห้ง และถ้วยตวงของเหลว รวมพวกแป้ง เนย น้ำตาลและอะไรอีกหลายๆ อย่างที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นทำขนม เพราะดูแล้วลูกชายของลดาคงจะไม่ได้พามาซื้อได้ถูกต้องอย่างแน่นอน เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วทั้งสองคนก็พากันกลับมาบ้านหลังใหญ่ของลดาพอดีกับช่างกำลังติดตั้งเตาอบบริเวณห้องครัวเสร็จพอดี
“แม่ครับ กลางวันมีอะไรทานบ้าง” รัญภาคย์เริ่มหิว
“แม่ลืมไปสนิทเลย” ลดาเองเพลินไปกันการเลือกซื้อของจนลืมมื้อกลางวันไปเลย วันนี้เธอบอกป้าใจกับลียาว่าไม่ต้องทำอาหารกลางวันเพราะจะออกไปซื้อของกับรัญภาคย์และจะทานอาหารข้างนอก
“เอาอย่างนี้ไหมคะป้าดา เดี๋ยวพุดไปทำอาหารกลางวันให้ระหว่างที่รอเผาเตา” แล้วพุดรีบอธิบายให้สองแม่ลูกฟังว่าเตาอบที่ซื้อมาใหม่ให้เปิดเตาทิ้งไว้เพราะอาจจะมีสิ่งสกปรกหรือสารเคมีตกค้างอยู่บ้าง โดยขั้นตอนก็ไม่ได้ยุ่งยากแค่เพียงตั้งอุณหภูมิสูงสุดแล้วใช้ไฟทั้งบนและล่าง ตั้งเวลาไว้ที่ 15-20 นาทีเท่านั้น
“เดี๋ยวพุดไปทำที่บ้านก็ได้ค่ะ เพราะระหว่างเผาเตาบางทีอาจมีกลิ่นและควันลอยออกมาบ้าง ป้าดารอที่ห้องรับแขกก่อนก็ได้นะคะ กลิ่นจะได้ไม่รบกวน”
“ให้ป้าไปช่วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพุดทำไม่นานแป๊บเดียวเองค่ะ ป้าดาพักก่อนก็ได้เมื่อกี้พุดพาป้าดาเดินซะทั่วร้านเลย”
“เดี๋ยวผมไปช่วยก็ได้” ลดาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเสียงที่ได้ยินนั้นจะเป็นของลูกชายเพราะรัญภาคย์ที่เธอรู้จักนั้นไม่เคยเข้าไปยุ่งกับงานในครัวเลยสักครั้ง
“ก็ดีเหมือนกันให้รัญไปด้วยก็ดี เสร็จแล้วจะได้ช่วยกันยกมาทานกันที่นี่”
พุดพิชชาพยักหน้าแล้วก็เดินนำชายหนุ่มมายังบ้านของปราณติญา
“คุณนั่งรอในห้องรับแขกก็ได้ค่ะ ฉันทำไม่นานหรอก”
รัญภาคย์ไม่ยอมไปนั่งตามที่หญิงสาวบอก เขาเลือกที่จะยืนดูเธอทำอาหารมากกว่า
ทางด้านพุดพิชชาก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อมีคนมายืนจ้องอย่างนี้ เรื่องที่เขากอดเธอไปเมื่อวันก่อนเธอยังจำได้ดี แต่เธอคิดว่าเขาคงจะลืมไปแล้วเพราะเหมือนว่าคืนนั้นเขาน่าจะดื่มมาด้วย และเมื่อท้องเริ่มส่งสัญญาณความหิวมาเรื่อยๆ เธอก็ตั้งสติแล้วเริ่มลงมือทำข้าวคลุกกะปิ วัตถุดิบเธอมีพร้อมอยู่แล้วเพราะเธอตั้งใจจะทำเป็นข้าวกล่องสำหรับวันพรุ่งนี้
“ให้ผมช่วยอะไรไหม” เสียงของเขาทำให้เธอถึงกับสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้เธอหมุนตัวหันไปตามเสียงก็ต้องรีบถอยหลังเพราะเขายืนอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ
“ทำไมต้องทำท่าทางเหมือนกลัวผมขนาดนั้นล่ะ” ชายหนุ่มนึกสนุกที่เห็นเธอกลัวเขา
“เปล่า ฉันไม่ได้กลัว เพียงแต่ตกใจนิดหน่อยที่คุณเข้ามาใกล้ขนาดนี้” พุดพิชชารีบแก้ตัว
“ก็ผมถามคุณว่ามีอะไรให้ช่วยไหม แต่คุณไม่ตอบ ผมเลยเดินเข้ามาใกล้ๆ”
“ค่ะ เข้าใจแล้ว ถ้าคุณอยากช่วยก็ช่วยปลอกมะม่วงได้ไหมคะ”
“ได้สิ” พุดพิชชายื่นมะม่วงกับมีดปลอกผลไม้ให้ชายหนุ่ม แล้วตัวเองก็รีบผัดข้าวคลุกกะปิอย่างชำนาญ
รัญภาคย์เก้ๆ กังๆ กับการปลอกมะม่วงในมือจน หญิงสาวผัดข้าว เจียวไข่ ทอดกุนเชียงและปลอกไข่เค็มจนเสร็จเขาก็ยังปลอกไปได้ไม่ถึงครึ่ง เธอแอบยิ้มแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเพราะอย่างน้อยก็ช่วยให้เขาเลิกจ้องเธอไปได้
หญิงสาวล้างและหั่นถั่วฝักยาวใส่จานแล้วก็เริ่มปลอกหอมแดงและเริ่มซอยด้วยความชำนาญแล้วก็ต้องหยุดซอยเมื่อได้ยินเสียงฟึดฟัดเหมือนคนร้องไห้
“คุณรัญ ไหวไหมคะ” หญิงสาวมองดวงตาที่แดงกล่ำของเขาแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“ไหวครับ ผมแค่แสบตา”
“ฉันว่าไปล้างหน้าก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวฉันทำต่อเอง อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ”
“คุณไม่แสบตาบ้างเหรอครับ” เขามองหน้าเธอซึ่งดูทุกอย่างปกติ
“ก็แสบบ้างค่ะ แต่ฉันทำกับข้าวบ่อยก็เลยชิน ปกติจะหอมแดงจะต้องปลอกเปลือกและแช่น้ำแล้วค่อยซอยแต่วันนี้ฉันคงรีบไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้สบายมาก”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมไปล้างหน้าเธอจึงรีบทำทุกอย่างให้เสร็จแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาให้เขา
“ขอบคุณครับ” รัญภาคย์รับผ้าเช็ดหน้าไปแล้วเช็ดอย่างแรงจนเธอต้องดึงผ้าออกมาจากมือเขา
“ค่อยๆ เช็ดสิคะ” เธอเอาผ้าเช็ดค่อยเช็ดรอบๆ ตาให้เขา
รัญภาคย์รู้สึกได้ว่ายิ่งใกล้เธอเขาก็ยิ่งไม่ค่อยเป็นตัวเของตัวเองลมหายใจเขาติดขัดเขาไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเลยสักนิด แต่เหมือนว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ” เมื่อเธอเห็นน้ำตาของเขาหยุดไหลแล้วเธอก็ดึงผ้าเช็ดหน้าออก
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ น่าอายจัง”
“ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรนี่คะ ใครๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละค่ะ” เธอส่งผ้าเช็ดหน้าเขาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าน้ำตาเริ่มไหลออกมาอีก
“ครับ แล้วคุณทำเสร็จแล้วใช่ไหมครับ น่าทานจัง” รัญภาคย์มองจานข้าวคลุกกะปิที่มีทั้งหมูหวาน ไข่ฝอย ไข่เค็ม กุ้งแห้ง มะม่วงสับ หอมแดงและพริกขี้หนูที่ตกแต่งอย่างสวยงามแล้วต้องกลืนน้ำลาย
“คุณช่วยถือไปก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวฉันเก็บของล้างแล้วจะเดินตามไป”
“ได้ แต่อย่านานนะครับ” รัญภาคย์ถือถาดที่ใส่จานทั้ง 3 จานแล้วเดินออกจากบ้านหลังเล็กตรงไปบ้านของตัวเอง
“ค่ะ”
พอรัญภาคย์เดินมาถึงบ้านหลังใหญ่ชายหนุ่มก็เห็นมารดาของเขากำลังให้เด็กรับใช้ยกกล่องขนาดใหญ่มาวางไว้ที่หน้าห้องครัว
“กล่องอะไรครับแม่” รัญภาคย์ถามมารดา แล้วเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อนำจานข้าวไปวางบนโต๊ะกลางห้องรับประทานอาหาร
“กล่องหม้อหุงข้าวน่ะสิไม่รู้ยังใช่ได้ไหมตั้งแต่ซื้อมาก็ไม่เคยได้ใช้เลย ว่าจะให้หนูพุดไปลองใช้ดู”
“ใหญ่จัง ของใครครับแม่”
“ก็น้องสาวเราน่ะสิ จะสั่งหม้อหุงข้าวที่ให้ทานสำหรับ 5 คน แต่ไม่รู้ไปพูดยังไงได้หม้อหุงข้าวขนาด 5 ลิตรมา กว่าจะรู้ว่าสั่งผิดก็คืนไม่ทันแล้ว เพราะเจ้าตัวบินไปเมืองนอกเสียก่อนแม่จะเอาไปเปลี่ยนก็หาใบเสร็จไม่เจอเลยทิ้งไว้นานจนเกือบลืมไปแล้ว”
“อ๋อ ที่แม่บ่นว่าสั่งของแล้วไม่อยู่รอใช่ไหม”
“นั่นแหละ อย่ามัวคุยเลยแม่ว่าทานข้าวกันก่อนดีไหม หนูพุดมานั่งข้างป้านี่ลูก” ลดาเรียกหญิงสาวที่เดินตามเข้ามาทีหลัง
“ค่ะป้าดา ไม่รู้ว่าจะอร่อยไหม พุดรีบทำเพราะเห็นว่าเลยเวลาอาหารมานานแล้ว”
“อร่อยครับ” คนที่ตอบไม่ใช่ลดาแต่เป็นรัญภาคย์ที่เป็นคนทานไปคนแรก
“ป้าดาล่ะคะ” หญิงสาวอยากได้คำตอบจากลดามากกว่าเพราะรู้ดีว่าผู้ชายส่วนใหญ่นั้นจะเป็นพวกลิ้นจระเข้
“อร่อยมากไม่เค็มไป ไม่จืดไปรสชาติกำลังดี หมูหวานก็นุ่มไม่แข็งเหมือนที่ป้าเคยซื้อมาทาน”
“ขอบคุณค่ะ แต่ก่อนพุดกับแม่เคยรับทำข้าวกล่องค่ะ” เธอนึกไปถึงวันเก่าที่เธอกับมารดาช่วยกันทำข้าวกล่องขาย เพราะบางครั้งลูกค้าให้ร้านจัดเบรกไปส่งให้ตอนบ่ายและอยากได้อาหารกลางวันด้วย เธอกับมารดาเลยรับทำทั้งสองอย่างแม้จะเหนื่อยและกำไรต่อกล่องไปเยอะแต่ก็ยังดีกว่าให้ลูกค้าไปที่ร้านอื่น เนื่องจากเธอเข้าใจดีว่าลูกค้าก็ไม่อยากไปสั่งซื้อหลายๆ ที่
ป้าดามองหน้าหญิงสาวแล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้แล้วว่ามารดาของเธอนั้นเสียไปหลายปีแล้ว
“เมื่อกี้เราเผาเตาไปแล้ว วันนี้เราจะทำคุกกี้กันได้เลยไหม”
“ได้ค่ะ ตอนนี้เตาคงเย็นแล้ว เดี๋ยวเราใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดอีกหน่อยก็พอ จากนั้นก็มาเริ่มทำคุกกี้กันได้เลยค่ะ”