13 หัวใจเต้นแปลกๆ
ปราณติญานั่งดื่มไปพร้อมกับดูซีรี่ย์เกาหลีไปได้ไม่นานก็เริ่มเมา พุดพิชชาจึงต้องประคองเพื่อนเข้าไปนอน จากนั้นตัวเองก็มาจัดการทำความสะอาดจานชาม เมื่อเห็นว่าปราณติญาเมาหลับไปแล้วเธอก็เริ่มลงมือทำน้ำสลัดตามสูตรที่เคยทำ เมื่อลองชิมรสชาติแล้วก็ยังไม่ลงตัวเธอเลยต้องปรับลดบางอย่างและเพิ่มบางอย่างกว่าจะถูกใจก็เกือบจะเที่ยงคืน พุดพิชชาเก็บเศษอาหารทั้งหมดใส่ถุงเดินไปทิ้งที่ถังขยะหน้ารั้วบ้าน เพราะไม่อยากให้มีเศษอาหารอยู่ในบ้าน หญิงสาวกลัวพวกหนูและแมลงสาบจะพากันมากินเศษอาหาร เธอหย่อนถุงลงไปในถังขยะแล้วขณะ ที่กำลังจะหันหลังกลับก็ปะทะกับร่างสูงใหญ่ของใครบางคน พุดพิชชากรี๊ดสุดเสียง เธอทุบกำปั้นไปที่แผงออกกว้างโดยไม่คิดจะมองว่าเป็นใครจากนั้นก็ตั้งท่าจะวิ่งหนี แล้วมือใหญ่ก็กำข้อมือเธอไว้ แล้วดึงร่างของเธอกลับเข้ามา เขากอดเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอทุบเขาได้อีก กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ทำให้เธอคิดว่าเป็นพวกขี้เมาเมื่อคิดได้พุดพิชชาก็ยิ่งกลัวมากขึ้น
“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย” มือใหญ่รีบปิดปากเธอทำให้ตอนนี้ได้ยินแต่เสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์
“คุณ คุณ ผมเอง ลืมตาสิ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ยอมลืมตาชายหนุ่มเจ้าของร่างใหญ่จึงขู่ขึ้น “นี่คุณ ผมบอกให้ลืมตา ถ้าไม่ลืมตาผมจะทำมากกว่าเอามือปิดปากนะ”
พุดพิชชาได้สติรีบลืมตามตามคำสั่งแล้วก็ต้องตกใจเพระตอนนี้ใบหน้าของเธออยู่ห่างจากใบหน้าของชายหนุ่มข้างบ้านเพียงนิด
เมื่อรัญภาคย์เห็นว่าหญิงสาวน่าจะจำเขาได้คลายมือที่ปิดปากเธอออกอย่างช้าๆ
“คุณ” พุดพิชชาพยายามนึกว่าชายหนุ่มชื่ออะไรแต่ตอนนี้สมองของเธอมึนงงเกินกว่าจะนึกอะไรออก และเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วเธอเองก็เรียกสติกลับมาได้ค่อนข้างยากเลยทีเดียวเดียว
“ผมเอง”
“ค่ะ ปล่อยก่อนได้ไหมคะ” พุดพิชชาบอกอย่างอาย
ชายหนุ่มเองก็ลืมตัวไปว่าเขากำลังกอดเธออยู่ “คุณออกมาทำอะไรดึกขนาดนี้” เขาถามแก้เก้อ
“ฉันเอาขยะมาทิ้งค่ะ” เสียงยังมีแววของความตื่นตกใจ
“ใครเขาทิ้งขยะกันเวลานี้บ้าง ไม่กลัวอะไรเลยหรือยังไงครับ” รัญภาคย์แกล้งทำเสียงเข้มไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้ภายในใจกลับรู้สึกแปลกๆ เมื่อสักครู่ตอนที่เขากอดเธอไว้นั้นหัวใจของเขาเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ กลิ่นหอมอ่อนจากเรือนผมของหญิงสาวทำให้เขาต้องสุดหายใจเข้าอีกรอบ
“ก็ฉันพึ่งทำงานเสร็จนี่คะ แล้วคุณล่ะออกมาทำอะไรเวลานี้” เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็ถามเขากลับบ้าง
รัญภาคย์นั้นไม่ตอบคำถามของเธอ แต่เขาเดินนำหญิงสาวมายังประตูรั้วบ้านของปราณติญา “ดึกแล้วคุณเข้าบ้านไปเถอะ เป็นผู้หญิงออกมาเวลานี้มันอันตราย” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงเรียบ
พุดพิชชาทำตามเขาโดยเธอรีบเดินเข้าบ้านแล้วล็อคประตูรั้วอย่างงงๆ กับการกระทำของชายหนุ่มแต่เธอก็ง่วงเกินกว่าจะถามเขาให้รู้เรื่อง
ส่งหญิงสาวเข้าบ้านไปแล้วรัญภาคย์ก็เดินเข้าบ้านตัวเอง วันนี้ชายหนุ่มไปดูตึกแห่งหนึ่งที่ประกาศขาย เป็นตึกขนาด 4 คูหาสูงสามชั้นสภาพของอาคารยังใหม่อยู่มากเพราะเจ้าของเดิมเปิดให้เช่าเป็นสำนักงานตรวจสอบบัญชีแต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจผู้เช่าเดิมจึงขอย้ายไปเช่าที่อื่น พอเจ้าของเดิมไม่มีรายได้จึงประกาศเพราะดีกว่ารอให้คนมาเช่า เมื่อเขาเห็นป้ายประกาศขายจึงโทร. ไปนัดกับเจ้าของเพื่อต่อรองราคา จากนั้นเขาก็ติดต่อเพื่อนของเขาที่เป็นวิศวกรเพื่อมาวิเคราะห์ความแข็งแรงโครงสร้างก่อนที่เขาจะทำตึกนี้เป็นฟิตเนสเซ็นเตอร์อย่างที่ตั้งใจ กว่าจะขับรถมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว ขณะที่เขากำลังจะเดินมาปิดประตูรั้วก็เห็นหญิงสาวข้างบ้านเดินออกมา ชายหนุ่มเห็นว่าดึกแล้วเขาเลยจะเดินมาดูว่าเธอมีอะไรให้เขาช่วยหรือเปล่า แต่ก็ต้องโดยทุบรัวๆ จนต้องกอดร่างบอบบางนั้นก่อนที่เธอจะทำร้ายเขามากไปกว่านี้ นานแล้วที่รัญภาคย์ไม่รู้สึกใจเต้นแรงและหายใจไม่ทั่วท้องแบบนี้มาก่อนไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงแต่ความรู้สึกมันต่างออกไปจากทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
ทางด้านพุดพิชชาเข้ามาในบ้านก็รีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เมื่อหลับตาก็นึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ อ้อมกอดของชายหนุ่มในเวลาเพียงนิดทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน หญิงสาวคิดว่าคงเป็นเพราะว่าตอนนี้เธอรู้สึกว้าเหว่ก็เป็นได้ เมื่อหาเหตุผลให้ตัวเองได้แล้วเธอก็หลับตาลงด้วยความอ่อนล้า
ตีห้าของเช้าวันอาทิตย์ขณะที่ใครหลายๆ คนคงยังไม่ตื่นเพราะเป็นเช้าวันหยุด แต่อาชีพอย่างเธอถ้าหยุดก็เท่ากับขาดรายได้ แม้ว่าวันนี้เธอจะไม่ต้องทำข้าวกล่องเพราะเป็นวันหยุด แต่นั่นก็หมายความว่าเงินที่ได้ก็จะลดลงด้วย ระหว่างที่รอต้มมุกให้สุกเธอจึงเริ่มทำแซนวิชใส่กล่องพลาสติกสามเหลี่ยมเพื่อไปวางขายที่ร้านชาด้วย หลังจากที่เมื่อคืนเธอทำน้ำสลัดจนได้รสชาติที่คิดว่าอร่อยถูกใจแล้ว อันที่จริงน้ำสลัดสำเร็จรูปก็มีขายอยู่มากมายหลายยี่ห้อ แต่พุดพิชชาอยากทำเองมากกว่าเพราะจะได้รสขาติที่ถูกใจ เช้านี้เธอทำไว้เพียง 30 กล่องเท่านั้นเพราะไม่รู้ว่าจะขายได้ดีหรือเปล่า แต่พุดพิชชาก็เตรียมวัตถุดิบใส่กล่องใหญ่ไว้เผื่อว่าขายหมดจะได้ทำเพิ่มที่ร้านอีกที จากนั้นหญิงสาวก็เตรียมของใส่หลังรถออกไปร้านก่อนที่ปราณติญาจะตื่นเสียอีก
แจ๊สสีเหลืองแล่นผ่านหน้าบ้านหลังใหญ่ที่รั้วติดกันไปอย่างช้าๆ รัญภาคย์กำลังยืนบิดขี้เกียจอยู่บนระเบียงห้องนอนเมื่อเห็นรถของเพื่อนบ้านผ่านไปเขาก็ดูนาฬิกา
“วันหยุดแท้ๆ ไปไหนแต่เช้านะ” เขาพูดกับตัวเอง ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงยังห้องอาหารก็มีมารดารอยู่แล้ว
“เมื่อคืนกลับมาตอนไหนล่ะรัญ” ลดาถามลูกชายเพราะเธอเองนั้นเข้านอนแต่หัวค่ำ
“ประมาณเที่ยงคืนครับแม่ คุยเรื่องงานกันเสร็จก็พากันไปนั่งดื่มนิดหน่อย” นานๆ ทีเขาถึงจะออกไปดื่มเพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบบรรยากาศร้านเหล้ามากนัก
“อันที่จริงรัญไม่ต้องรีบตื่นก็ได้นะลูก วันหยุดทั้งทีน่าจะนอนให้สบาย”
“ไม่เป็นไรครับแม่ผมไม่อยากให้แม่ต้องนั่งทานข้าวคนเดียว” เขาอยากทำหน้าที่แทนบิดาที่ทานอาหารกับมารดาของเขาในทุกๆ เช้าแม้ว่าบิดาจะทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่เคยให้มารดาต้องนั่งทานอาหารเช้าคนเดียว
“ตามใจจ้ะ แล้ววันนี้ต้องออกไปทำงานไปไหนอีกไหม” ลดาเป็นห่วงอยากให้ลูกชายได้พักบ้าง
“ไม่มีครับแม่ วันนี้ว่างทั้งวัน นัดทีมช่างเข้ามาทำตึกอีกทีก็วันจันทร์หน้าครับ”
“แล้วนี่กะจะอยู่ยาวกับแม่ที่นี่เลยใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้นครับแม่ ผมว่าที่นี่ยังไม่ค่อยมีฟิตเนสฯ มากนัก เราเปิดเป็นเจ้าแรกๆ มีอุปกรณ์ครบและทันสมัย ลูกค้าน่าจะเยอะอยู่นะครับแม่ แล้วก็อยากอยู่กับแม่ด้วยครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างเอาใจ
“แม่ภูมิใจที่เห็นลูกแม่เป็นคนขยัน แต่ก็อยากให้หาเวลาพักผ่อนบ้างนะ ทำงานทุกวันร่างกายคงจะรับไม่ไหว”
“ครับแม่ พูดถึงเรื่องทำงานหนักผมอยากถามแม่หน่อยครับว่าเพื่อนของป่านแก้วเค้าทำงานอะไรเหรอครับ”
“หมายถึงหนูพุดใช่ไหม”
“ครับแม่”
“มีอะไรหรือเปล่าทำไมอยู่ๆ ก็อยากรู้เรื่องคนอื่นขึ้นมาอย่างนั้น” ลดาแปลกใจเพราะตามปกติแล้วลูกชายเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก
“ก็เมื่อคืนผมกลับมาดึกมาก เจอเธอกำลังออกมาทิ้งขยะหน้าบ้านแล้วบอกว่าพึ่งทำงานเสร็จ เมื่อเช้าผมออกมาสูดอากาศที่ระเบียงห้องนอนก็เห็นว่าเธอขับรถออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุด” เขารีบบอกสิ่งที่เห็นให้มารดาทราบ
“หนูพุดเธอเปิดร้านชาไข่มุกจ้ะ แล้วก็ทำข้าวกล่องขายด้วย”
ชายหนุ่มพยักหน้า “อ้อ ผมนึกว่าเป็นครูเหมือนป่านแก้ว” เขาพอจะเข้าใจ
“หนูพุดนี่ก็อีกคนที่แม่เป็นห่วง แม้จะพึ่งรู้จักแต่ก็นิสัยดี ขยันทำงาน เธอตัวคนเดียวเลยต้องทำงานหนักมากสักหน่อยทั้งขายชา ทั้งทำอาหารกล่องตัวแค่นั้นไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ” เธอเล่าให้บุตรชายฟังอย่างที่ได้รับรู้มา
“เท่าที่ฟังดูรู้สึกว่าแม่จะเอ็นดูเธอมากกว่าป่านแก้วอีกนะครับ”
“แม่ไม่ได้แค่เอ็นดูนะ แม่รู้สึกถูกชะตากับเธอด้วย ผู้หญิงที่ขยันแบบนี้หายากนะ”
รัญภาคย์ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเขาเองแม้จะได้เจอกับเธอเพียงสองครั้งก็รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เวลาอยู่ใกล้แล้วทำให้หัวใจของเขาเต้นแปลกๆ เธอเป็นคนสวยและมีเสน่ห์เวลามองเธอแล้วยากที่จะหันไปมองที่อื่น