12 ทุกอย่างเริ่มเข้าที่
ดูเหมือนทุกอย่างในชีวิตจะเริ่มลงตัว พุดพิชชาทำข้าวกล่องไปส่งที่โรงเรียนและที่โรงพยาบาล รวมกันวันละประมาณ 40 กล่อง ยกเว้นวันเสาร์และอาทิตย์ เพราะหญิงสาวต้องมาเปิดร้านแต่เช้า วันนี้ก็เช่นกันพุดพิชชาเตรียมอาหารเช้าให้เพื่อนแล้วก็ลงมือทำกะเพราไก่ไข่ดาว เมนูง่ายๆ แต่กรกนกบอกว่าลูกค้าชอบเมนูนี้มากหญิงสาวกำลังคิดว่าในเดือนหน้าเธอจะลองเสนอเมนูประเภทแกงหรือแต้มจืดบ้างเพราะกลัวลูกค้าจะเบื่อแต่ก่อนอื่นเธอต้องให้กรกนกลองชิมก่อนเพราะวันนี้เธอทำพะแนงไก่ไข่ดาวไปให้ปราณติญาที่โรงเรียนเธอจึงทำเผื่อกรกนกทานเองหนึ่งชุดและยังเผื่อป้าลดาอีกหนึ่งชามใหญ่
เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นขณะที่รัญภาคย์กำลังนั่งดูทีวีอยู่กับมารดาในห้องนั่งเล่น
“ใครมากันนะ” ลดาหันไปถามลูกชาย
“สงสัยไอ้เต้แน่ๆ เลย มันบอกว่าจะแวะมาหา” รัญภาคย์บอกมารดาจากนั้นชายหนุ่มก็เดินออกมาดู
“ใครมาเหรอลียา” เมื่อเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นแล้วแต่ก็ไม่เห็นมีใครเดินเข้ามาสักคนชายหนุ่มจึงถามลียาที่เดินถือชามเข้ามาพอดี
“คุณพุดค่ะ เอาแกงมาให้แล้วก็กลับไปแล้วค่ะ” สาวใช้บอกกับรัญภาคย์
ชายหนุ่มมองชามในมือของลียาแล้วก็เริ่มหิว เมื่อเช้าเขาทานขนมปังสองแผ่นกับดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว กลิ่นแกงหอมๆ ทำให้เขาต้องรีบบอกให้เธอเอาไปเก็บ ส่วนตัวเองก็เดินกลับเข้าไปหามารดา
“ทำไมเดินเข้ามาคนเดียวล่ะไหนว่าเพื่อนมาหา”
“ไม่ใช่หรอกครับแม่ คุณพุดที่อยู่ข้างบ้านเอาแกงมาให้”
“อ้าวแล้วหนูพุดไปไหนแล้ว”
“ลียาบอกว่าเธอเอาแกงมาให้แล้วก็กลับบ้านเธอเลย”
มื้อกลางวันของสองแม่ลูกวันนี้นอกจากจะมีกับข้าวที่มารดาของเขาทำให้แล้วยังมีพะแนงไก่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง ชายหนุ่มต้องตักข้าวเพิ่มเป็นจานที่สอง
“ผมว่าคงต้องหาที่ทำฟิตเนสฯ แล้วล่ะครับ เพราะที่ดินที่ผมพาแม่ไปดูครั้งก่อน ยังตกลงกันไม่ได้เพราะเจ้าของมีพี่น้องที่ถือครองกรรมสิทธิ์ร่วมกัน”
“ทำไมรีบขนาดนั้นล่ะรัญ รอหน่อยก็ได้ให้เค้าตกลงกันก่อนไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ลูก”
“ก็คุณแม่ทำอาหารอร่อยอย่างนี้มีหวังผมได้น้ำหนักขึ้นแน่ๆ เลย”
“แม่ก็ทำอาหารปกตินะ ส่วนของหนูพุดนี่สิทำอะไรก็อร่อย แต่แม่ว่าน้ำหนักของรัญขึ้นสักนิดสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร เรานะจะห่วงไรกันหนักหนา”
“ผมต้องรักษาหุ่นนี่ครับแม่ ขืนปล่อยตัวเองให้อ้วนลูกค้าคงไม่ไว้ใจมาใช้บริการ”
“ไม่อ้วนหรอก ลูกแม่หุ่นดีที่สุด”
“แม่ก็ชมผมเกินไป”
“ก็แม่มีลูกชายคนเดียวนี่จะให้ไปชมใครที่ไหนล่ะ” สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะอย่างมีความสุข
“พี่พุด ชาเขียวนมสด 3 แก้ว ไม่ปั่นเดี๋ยวอีก 10 นาทีหลิวมาเอานะคะ” ต้นหลิวเดินมาบอกแล้วก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็วพุดพิชชารีบพยักหน้ารับแล้วแล้วทำตามที่ต้นหลิวสั่งก่อนจะเก็บไว้ในกล่องโฟมที่ทีน้ำแข็งรองอยู่ใต้กล่อง ระหว่างรอให้เจ้าของมารับ
เวลาผ่านไป 15 นาทีเด็กสาวก็มารับชาที่สั่งไว้
“นึกว่าจะไม่มาเอาซะแล้ว” พุดพิชชาพูดที่เล่นทีจริง
“มาเอาสิคะ พอดีร้านข้าวคนเยอะค่ะ เกือบไม่มีที่นั่ง”
“เยอะทุกร้านเลยเหรอ” พุดพิชชาไม่เคยไปเดินดูร้านอื่น เพราะเวลานี้ลูกค้าของเธอก็เยอะเช่นกัน
“ค่ะพี่พุด หลิวล่ะเบื่อเลยจะไปซื้ออะไรกินที่เซเว่นคนก็เยอะอีก”
“คราวหน้าซื้อมานั่งกินที่ร้านพี่ก็ได้ มีโต๊ะว่างอยู่” พุดบอกเด็กสาวเพราะโต๊ะด้านในที่เธอใช้วางของนั้นยังพอมีที่ว่าง ส่วนหน้าร้านก็มีลูกค้ามานั่งแต่ก็ไม่ทีใครนั่งนานส่วนใหญ่ซื้อแล้วก็กลับ
“ขอบคุณค่ะพี่พุด”
“พี่ว่าจะทำพวกแซนวิชมาขาย หลิวว่าจะขายได้ไหม”
“น่าจะได้นะพี่ กินง่ายดีหลิวจะอุดหนุนเป็นคนแรกเลย”
“พี่ยังทำไม่ค่อยอร่อยนี่สิ เอาอย่างนี้เดี๋ยวเสาร์หน้าพี่ว่าจะทำแซนวิชสำหรับใครที่ซื้อชา 1 แก้วพี่จะลดราคาให้เหลือชิ้นละ 15 บาทดีไหม ส่วนใครจะซื้อแค่แซนวิชก็คิด 20 บาท”
“พี่พุดขยันจัดโปรโมชั่นจังเลย นี่จะแข่งกับเซเว่นใช่ไหมคะ”
“พี่ว่ามันก็ไม่น่าเบื่อดีนี่” อีกเหตุผลหนึ่งที่เธอต้องขยันก็เพราะเธออยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เธอไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เธอยังแรงก็ควรจะทำทุกอย่างให้เต็มที่
“ก็จริงนะคะพี่” ต้นหลิวพยักหน้า
“อย่ามัวคุยเพลินนะต้นหลิว แล้วมีเรียนอีกทีกี่โมง”
“วันนี้มีเรียนถึงเย็นเลยค่ะ หลิวไปก่อนนะคะ” เด็กสาวรีบจ่ายเงินแล้วถือถุงใส่แก้วชาเขียววิ่งไปยังดึกด้านหน้าที่สถาบันกวดวิชาตั้งอยู่เรียงราย
ลูกค้าวันนี้ยังเยอะเหมือนเดิมพุดพิชชายิ้มแย้มต้อนรับลูกค้า จนเวลาบ่ายสองโมงถึงได้ทานข้าวกลางวันที่เธอเตรียมมาจากบ้าน ขณะนั่งทานก็เปิดสมุดเล่มเล็กที่เธอกับแม่มักจะจดสูตรต่างๆ ไว้ เพียงไม่นานก็เจอหน้าที่ต้องการ หญิงสาวจดรายการที่ต้องซื้อลงกระดาษคิดไว้ว่าหลังจากปิดร้านวันนี้เธอจะไปซื้อของเพื่อมาทำน้ำสลัดสำหรับทาลงบนขนมปัง
พุดพิชชาขับรถมาถึงบ้านเมื่อท้องฟ้าไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์แล้วพอเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังแว่วออกมาทางห้องรับแขก เธอเดินเลี่ยงมาเข้าทางประตูหลัง เก็บของทุกอย่างเข้าที่ก่อนจะเดินไปตามเสียง
“สวัสดีค่ะป้าดา” พุดพิชชายกมือไหว้ลดาอย่างเคย
“สวัสดีจ้ะหนูพุด วันนี้กลับเสียมืดเลยนะจ๊ะ”
“พุดไปซื้อของมาค่ะ ป้าดามานานหรือยังคะ”
“มานานแล้วจ้ะ นี่ก็กำลังจะกลับพอดี”
“ทำไมรีบกลับล่ะคะ ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอคะ”ปราณติญาเอ่ยชวน
“ป้าทานมาแล้วจ้ะ ที่มาก็แค่จะแวะเอาส้มมาแบ่งให้ทาน”
“ขอบคุณนะคะป้าดา” พุดพิชชากล่าวขอบคุณ จากนั้นก็อาสาเดินไปส่งลดาที่หน้าบ้านหลังใหญ่
“ป่าน หิวหรือยัง” หญิงสาวถามเมื่อเดินกลับมาถึงบ้าน
“ยังไม่หิวเลย แล้วแกละพุด”
“ยังไม่หิวเหมือนกันวันนี้กินข้าวตอนบ่ายสอง”
“ระวังเป็นโรคกระเพาะเอานะ แล้วนี้ไปซื้ออะไรมา”
“ซื้อของมาเพิ่มนิดหน่อย ว่าจะลองทำแซนวิชไปวางขายด้วย เด็กๆ บอกว่าร้านข้าวกลางวันคนเยอะ ฉันเลยอยากเอาแซนวิชไปขายเผื่อเป็นทางเลือก”
“ขยันจริงๆ เลยเพื่อนฉัน”
“ก็ต้องขยันสิแก ไม่ขยันก็ได้อดตายกันพอดี เดี๋ยวรอสิบนาทีนะ ฉันจะทำสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาของโปรดให้แก ส่วนตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป อาหารเย็นจะเป็นพวกสลัดสลับกับผลไม้ โอเคไหม” พุดพิชชาบอกเพื่อนถึงเมนูอาหารเย็นที่เมื่อเช้าเธอเตรียมทุกอย่างแพ็คไว้แล้ว แค่เอาลงผัดก็ทานได้เลย
“ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวฉันออกไปซื้อของหน้าปากซอยแป๊บหนึ่ง”
พุดพิชชาทำสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเลให้ตัวเองกับปราณติญาคนละจาน พอนำมาวางบนโต๊ะปราณติญาก็กลับมาพอดี
“ไปซื้ออะไรมาน่ะป่าน” เธอมองถุงจากร้านสะดวกซื้อในมือเพื่อน
“นี่ไง ไม่ได้กินนานแล้ว” ปราณติญาชูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขวดสีน้ำตาลแดงกับสีม่วงให้หญิงสาวดู
“กินคืนนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ไหวหรอก” พุดพิชชาเป็นห่วงเพื่อนเพราะสมัยเรียนปราณติญากับเธอเคยดื่มด้วยกันบ่อยและเพื่อนของเธอก็มักจะเมาจนตื่นอีกทีเที่ยงของวันใหม่
“พรุ่งนี้โรงเรียนหยุดหนึ่งวัน” ปราณติญาบอกแค่นั้นแล้วตัวเองก็เดินไปหยิบแก้วกับน้ำแข็งเดินนำเพื่อนไปยังโซฟาหน้าทีวี
“เอายำเพิ่มไหมป่าน” เมื่อเห็นว่าเพื่อนอยากนั่งดื่มเธอเลยหากับแกล้มเพิ่มให้
“ได้สิ ขอบใจมากนะพุด”