บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 กำเนิดจิ้งจอกทองเก้าหาง (3/3)

หากมหาเทพหยางหลงไม่ตอบคำถามนี้ เพียงเพ่งพินิจร่างเงานี้อย่างละเอียด หากก็ไม่อาจทราบความใดทั้งสิ้น

“เป็นไปได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะว่าเผ่าจิ้งจอกเก้าหางน่าจะมีเรื่องมงคลใหญ่เกิดขึ้น”

“ข้าก็เชื่อว่าเป็นเรื่องมงคลใหญ่ของเผ่าจิ้งจอก เพียงแต่เรื่องใด คาดเดาไม่ออกจริงๆ” เสียงราบเรียบเฉยชาตอบกลับมา

ผ่านไปอีกสามวัน

“มหาเทพ ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ราชาเสวี่ยหมิงแห่งเผ่าจิ้งจอกเพิ่งได้องค์หญิงน้อยเสวี่ยหลินจากราชินีเหม่ยเมิ่งเมื่อสามวันก่อน ทางเผ่าจิ้งจอกเพิ่งประกาศเรื่องนี้ออกมาเมื่อครู่พ่ะย่ะค่ะ” หย่งเสียนบอกออกมา

มหาเทพหยางหลงพยักหน้ารับรู้ “ส่งของขวัญไปแสดงความยินดีกับเสวี่ยหมิงด้วย เขาอยากได้ลูกสาวมานาน เพิ่งจะสมใจก็ครั้งนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เสวี่ยหลินถูกเลี้ยงดูในหอคอยเทพจิ้งจอกเช่นเดียวกับเสวี่ยซานเมื่อยังเยาว์ นางชมชอบหอคอยเทพจิ้งจอกยิ่งนักเพราะมีปราณทิพย์มากมายให้นางได้ฝึกฝนเพิ่มพูนลมปราณ

“องค์หญิงน้อยไม่ดื้อ ไม่งอแงเลย เลี้ยงง่ายจริงๆ” เสวี่ยปิงออกปาก เมื่อนางพบว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เสวี่ยหลินไม่เคยร้องกวนตอนดึกเลยสักครั้ง นางหลับสนิทตลอดทั้งคืน เมื่อใดที่หิวนมจึงจะร้องออกมา

“นั่นสิ เลี้ยงง่ายกว่าซานเอ๋อร์” เหม่ยเมิ่งสัพยอกบุตรชายที่เข้ามานั่งโคจรลมปราณในห้องที่นางเลี้ยงบุตรสาว

“แหม เสด็จแม่ ท่านน่ะรีบเข้าข้างน้องเล็กไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ นางเพิ่งอายุครบเดือนเอง เดี๋ยวอีกหน่อยต้องร้องกวนเสด็จแม่ตอนดึกแน่ๆ”

“ไม่หรอก หลินเอ๋อร์เป็นเด็กดี หลินเอ๋อร์ไม่กวนแม่ใช่หรือไม่” เหม่ยเมิ่งถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดูรักใคร่

มองเห็นทารกน้อยเสวี่ยหลินพยักหน้าให้อย่างรวดเร็ว สร้างความประหลาดใจให้เหม่ยเมิ่ง เสวี่ยซาน และเสวี่ยปิงยิ่งนัก

“เอ่อ...เหมือนว่าน้องเล็กจะเข้าใจที่พวกเราพูดคุยกันนะพ่ะย่ะค่ะ” เสวี่ยซานเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ

“ไม่ใช่กระมัง นางเพิ่งเดือนเดียวเองนะ คงบังเอิญมากกว่า” เหม่ยเมิ่งไม่เชื่อ

“เมื่อไม่กี่วันก่อน มหาเทพหยางหลงส่งของขวัญอวยพรองค์หญิงน้อยมาให้องค์ราชาด้วยเพคะ เห็นองค์ราชากล่าวว่าเป็นกำไลหยกขาวที่สร้างจากหยกน้ำค้างหิมะ กำไลนี้สามารถเพิ่มพลังป้องกันให้กับผู้ใช้ได้สูงมาก มหาเทพคงจะทรงเห็นว่าองค์หญิงน้อยยังเยาว์นักจึงมอบให้เพื่อใช้ป้องกันตนเองยามเติบโตมากกว่านี้” เสวี่ยปิงบอกเล่าให้ฟัง

“กำไลหยกน้ำค้างหิมะ?”

“ใช่เพคะ ได้ยินว่าเป็นกำไลที่มหาเทพสร้างขึ้นเมื่อยังทรงนั่งบัลลังก์ประมุขฟ้าดิน ตั้งพระทัยจะประทานเป็นรางวัลให้ราชินีฉิงเฟิ่ง (หงส์แห่งวันฟ้าใส) แห่งเผ่าหงส์แดงเพื่อตอบแทนที่เผ่าหงส์แดงช่วยกันดับอัคคีผลาญพิภพเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนที่มหาเทพจะสละบัลลังก์ให้หยางเจี้ยนเทียนจวินเพคะ แต่ราชินีฉิงเฟิ่งอยากได้เป็นหยกสีแดง มหาเทพจึงต้องสร้างกำไลหยกขึ้นมาใหม่ด้วยหยกเพลิงชาด ทำให้นางสามารถใช้อัคคีธาตุได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพคะ”

“บังเอิญเสียจริง กำไลหยกน้ำค้างหิมะ กับนามของบุตรสาวข้า เสวี่ยหลิน คือหยกหิมะ” เหม่ยเมิ่งกล่าวออกมา

“จริงด้วยเพคะ บังเอิญจริงๆ”

“ยามนี้ฉิงเฟิ่งก็อายุสองแสนหนึ่งหมื่นปี เท่ากับข้า แต่นางยังไม่สมรสเลย”

“ราชินีฉิงเฟิ่งจะเทียบกับองค์ราชินีได้อย่างไรเพคะ องค์ราชินีน่ะงดงามเพียบพร้อมทุกประการ พระทัยก็ดี แต่นางน่ะใจร้อน เอาแต่ใจตัวเองจนเหลือรับ ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ยิ่งตอนนี้นางดำรงตำแหน่งราชินีของเผ่าหงส์แดง ยิ่งเย่อหยิ่งกว่าเดิมนัก” เสวี่ยปิงค่อนแคะอย่างไม่เกรงใจ

“โชคดีนะเพคะว่าองค์ราชาเสวี่ยหมิงไม่สนใจนาง หากองค์ราชาสนใจนางล่ะก็ เสวี่ยปิงผู้นี้คงอกแตกตายแน่ๆ ถ้าต้องรับใช้นาง”

นั่นเพราะเสวี่ยปิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับราชาจิ้งจอกเสวี่ยหมิง หากนางมาจากตระกูลจิ้งจอกขาวสายรอง ขณะที่เหม่ยเมิ่งเป็นองค์หญิงของจิ้งจอกแดงเก้าหาง เมื่อเสวี่ยหมิงเข้าพิธีสมรสกับเหม่ยเมิ่ง ลูกหลานตระกูลจิ้งจอกขาวเก้าหางสายรองจึงถูกเลือกให้มาคอยช่วยเหลือและดูแลราชินีแห่งเผ่าจิ้งจอก เสวี่ยปิงจึงถูกเลือกให้มารับใช้เหม่ยเมิ่งตั้งแต่วันที่นางเข้าพิธีสมรสกับเสวี่ยหมิง

ช่วงก่อนที่เสวี่ยหมิงจะเข้าพิธีกับเหม่ยเมิ่ง ราชินีฉิงเฟิ่งที่ยามนั้นยังดำรงตำแหน่งองค์หญิงบังเอิญพบเจอเสวี่ยหมิงแล้วชมชอบเขาอย่างมาก จึงติดตามพัวพันเขาไม่เลิกราอยู่ถึงหนึ่งหมื่นปี เสวี่ยหมิงที่มิได้ชมชอบองค์หญิงฉิงเฟิ่งเมื่อทราบว่าบิดามารดาต้องการให้เขาแต่งกับเหม่ยเมิ่งแห่งเผ่าจิ้งจอกแดงเก้าหาง เขาจึงตอบตกลงทันที เพราะเขาเคยรู้จักกับเหม่ยเมิ่งมาก่อนแล้วว่านิสัยใจคอของนางน่าคบหากว่าฉิงเฟิ่งมากนัก แล้วเขาก็ตัดสินใจไม่ผิด

การแต่งงานนี้ทำให้องค์หญิงฉิงเฟิ่งเสียหน้าอย่างหนัก นางจึงพาลไม่ชอบเผ่าจิ้งจอกเก้าหางไปเสียหมด และต่อมานางมีโอกาสได้พบเจอมหาเทพหยางหลง นางก็เปลี่ยนใจไปชมชอบมหาเทพทันที

เหม่ยเมิ่งได้แต่ยิ้มขบขันกับอาการของเสวี่ยปิง

เมื่อเสวี่ยหลินอายุครบหนึ่งปี เสวี่ยหมิงจึงเปิดจุดชีพจรทั้งห้าสิบสี่จุดให้นางทันที และการเปิดจุดชีพจรนี้ทำให้เขา เหม่ยเมิ่ง เสวี่ยซาน และเสวี่ยปิง ตกตะลึงตาค้าง นั่นเพราะระดับปราณเซียนจิ้งจอกของเสวี่ยหลินอยู่ที่ผลิดอกขั้นที่ห้า จากเดิมที่อยู่ที่แตกหน่อขั้นที่ห้า เท่ากับภายในเวลาหนึ่งปี เสวี่ยหลินสามารถเพิ่มพูนปราณเซียนจิ้งจอกได้ถึงหนึ่งช่วงชั้นใหญ่ ทั้งการเพิ่มขึ้นนี้ยังหนาแน่นและเสถียรอย่างยิ่ง ! !

การเพิ่มขึ้นอย่างมากมายของระดับลมปราณนี้เป็นผลจากการที่เสวี่ยหลินสามารถฝึกฝนโคจรลมปราณได้ตลอดเวลาตามระบบที่นางตั้งไว้ เสวี่ยหลินจำได้ดีว่านางจะสามารถมองเห็นค่าสถานะของทุกคนได้เมื่อลมปราณของนางอยู่ที่ขึ้นสวรรค์ขั้นที่หนึ่ง ดังนั้น นางจึงตั้งใจว่าเมื่อนางอายุหนึ่งหมื่นสี่พันปีที่เป็นวัยเริ่มต้นศึกษาหาความรู้ เวลานั้นระดับลมปราณของนางควรอยู่ที่ขึ้นสวรรค์ขั้นที่หนึ่งได้แล้ว

เหม่ยเมิ่งพาเสวี่ยหลินออกมาจากหอเทพจิ้งจอกได้เพียงวันเดียวก็ต้องพากลับไปใหม่ เพราะเมื่อออกมานอกหอเทพจิ้งจอกแล้ว เสวี่ยหลินสัมผัสได้ทันทีว่าปราณทิพย์ลดน้อยลงไปมากนัก นางไม่ต้องการเสียเวลาเพิ่มพูนลมปราณ ดังนั้น จึงร้องไห้โยเยมากมายจนเหม่ยเมิ่งนึกเฉลียวใจพานางกลับไปที่หอเทพจิ้งจอก เพียงกลับเข้าไป เสวี่ยหลินก็หยุดร้องไห้ทันทีราวกับสั่งได้ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนนัก

“ฟูจวิน ข้าคงต้องเลี้ยงหลินเอ๋อร์ในหอเทพจิ้งจอกเสียแล้ว นางไม่ยอมออกจากหอเทพเลย น่าจะติดใจปราณทิพย์กระมัง” เหม่ยเมิ่งคาดเดาได้ถูกต้องโดยไม่รู้ตัว

“ไม่เป็นไร ข้าจะมาพักที่หอเทพกับเจ้าด้วย” เสวี่ยหมิงตัดสินใจง่ายๆ

เสวี่ยหลินพักที่หอเทพจิ้งจอกจนกระทั่งอายุ 14,000 ปี (เทียบเป็นอายุมนุษย์ได้ที่ 7 ปี) จึงค่อยยอมออกมาอยู่ที่ตำหนักพยับหมอก

ระดับลมปราณของนางยามนี้อยู่ที่พ้นบาปขั้นห้าห่างจากขึ้นสวรรค์ขั้นที่หนึ่งอยู่หกขั้นย่อย หากระดับพ้นบาปขั้นห้านี้ก็ทำให้บิดามารดาของนางและเสวี่ยปิงตื่นตะลึงยิ่งนัก เพราะเด็กเซียนในวัยเดียวกับนางจะอยู่ไม่เกินนักพรตขั้นห้า

บิดามารดาของนางบอกกล่าวกับนางว่ายิ่งนางมีระดับลมปราณสูงเท่าใด นางจะสามารถเรียนรู้วิชาเวทได้มากขึ้นเท่านั้น จุดนี้ทำให้เสวี่ยหลินคาดเดาได้ทันที วิชาเวทนี้จะหมายถึง Skill ที่นางสามารถใช้ได้ในแต่ละเลเวลที่เพิ่มขึ้น ยามนี้ระดับลมปราณที่พ้นบาปขั้นห้า เทียบเป็นเลเวลได้ที่เลเวล 75 ดังนั้น นางจะมีแต้มในการอัพเกรด Skill จำนวน 75 แต้มเช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel