บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 กำเนิดจิ้งจอกทองเก้าหาง (2/3)

“ทูลองค์ราชา ท้องฟ้าเหนือแดนพายัพของพวกเราปรากฏภาพร่างเงาจิ้งจอกเก้าหางขนาดใหญ่ ร่างเงานั้นทอประกายสีทองงดงามมากพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้ทุกคนกำลังตื่นเต้นกันมาก นี่เป็นครั้งแรกที่แดนพายัพเราปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้” ทหารที่เฝ้าเวรประจำตำหนักธารพายัพบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ฮุ่ยหลันมองเห็นคุณพ่อของเธอขมวดคิ้ว สายตากวาดมองรอบด้านอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอพลอยมองตามไปด้วย ผู้คนรอบข้างเวลานี้มีเพียงนางกำนัลที่ยืนรอรับใช้ห้าถึงหกคน สีหน้าของพวกนางทุกคนมีเพียงรอยยิ้มยินดีที่องค์ราชาได้มีบุตรสาวเสียที

“ซานเอ๋อร์ เจ้าอุ้มน้องตามพ่อเข้ามาในห้อง เสวี่ยปิง เจ้าเข้ามาด้วย”

พี่ชายของเธออุ้มเธอเข้าไปในห้องที่องค์ราชินีนอนพักผ่อนอยู่หลังจากคลอดเธอเสร็จสิ้น ในห้องมีเพียงนางกำนัลสองคน

“พวกเจ้าสองคนออกไป” องค์ราชาสั่งทันที

“เพคะ”

มือขององค์ราชายกขึ้นวาดออกก่อนจะปรากฏม่านปราการครอบคลุมห้องนั้นไว้ ปกปิดมิให้ผู้ใดทราบว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น

“ฟูจวิน ท่านมีอะไร ทำไม...” องค์ราชินีถามด้วยความงุนงงผสมความอ่อนเพลีย

“เหม่ยเมิ่ง (ความฝันอันงดงาม) เจ้าคงไม่ทันสังเกตกระมัง” องค์ราชาถามขึ้น และเวลานี้ฮุ่ยหลันก็ได้รู้แล้วว่าคุณแม่คนใหม่ของเธอชื่อ เหม่ยเมิ่ง

เหม่ยเมิ่งส่ายหน้าช้าๆ

“ลูกสาวของเราคนนี้เป็นจิ้งจอกทองเก้าหาง” คำตอบนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

“เจ้าคงลืมไปว่าเผ่าจิ้งจอกเก้าหางของเรามีน้อยคนยิ่งนักที่จะมีปานบนหน้าผาก แต่ลูกสาวเรากลับมีปานสีทองรูปหางทั้งเก้าของจิ้งจอก ปานนี้คือสิ่งยืนยันว่านางเป็นจิ้งจอกทองเก้าหาง และเมื่อข้าแผ่ปราณออกตรวจในร่างของนางยิ่งชัดเจนว่านางเป็นจิ้งจอกทองเก้าหางจริงๆ”

“ทั้งยามนี้ บนท้องฟ้าเหนือแดนพายัพของพวกเรายังปรากฏร่างเงาของจิ้งจอกเก้าหาง ร่างเงานั้นทอประกายสีทอง จึงยิ่งยืนยันได้ว่านางเป็นจิ้งจอกทองเก้าหาง จิ้งจอกอันเป็นเหมือนตำนานที่เล่าขานในเผ่าของเรา”

คราวนี้ฮุ่ยหลันก็รู้ชัดแล้วว่าครอบครัวใหม่ของเธอเป็นเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง

โชคดีนะเนี่ยที่เราเลือกเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง ถ้าเลือกเป็นมังกรหรือกิเลนนี่ จะเป็นไงวะ ครอบครัวเป็นจิ้งจอก แต่ดันมีลูกเป็นมังกรหรือกิเลน คงยุ่งพิลึก ดีไม่ดีคุณแม่ได้ถูกหาว่ามีชู้แน่ ฮุ่ยหลันคิดในใจก่อนจะถอนหายใจเฮือก

“เจ้าสมควรทราบดีว่าจิ้งจอกทองเก้าหางไม่เคยปรากฏมาก่อน ครั้งนี้ปรากฏขึ้นแม้เป็นเรื่องอัศจรรย์และเรื่องน่ายินดี แต่ก็เป็นเรื่องร้ายเช่นกัน จิ้งจอกทองเก้าหางย่อมนำพาความรุ่งเรืองมาสู่เผ่าของเราอย่างมากมาย แต่ความสามารถสำคัญที่สุดของจิ้งจอกทองเก้าห้างคือ เสน่ห์ของจิ้งจอกจะทำให้ผู้อื่นหลงรักนางได้อย่างง่ายดาย ยิ่งหากนางตั้งใจโปรยหว่านเสน่ห์ ไม่มีผู้ใดจะรอดมือนางไปได้”

“ประการสำคัญคือจิ้งจอกทองเก้าหางสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าผู้ใดและซุกซ่อนร่องรอยรัศมีพลังของตนเองได้เก่งกาจไม่มีผู้ใดเทียบ คิดจับกุมกระทั่งค้นหาร่องรอยของนาง กล่าวได้ว่างมเข็มในมหาสมุทรยังง่ายเสียกว่า”

“เผ่าอื่นอาจจะมองว่าเผ่าจิ้งจอกเราจะใช้นางไปสืบความลับของพวกเขา หรือใช้นางล่อลวงราชาหรือรัชทายาทแห่งเผ่าให้หลงรักนาง ทำให้ทุกเผ่าวุ่นวาย เผ่าจิ้งจอกจะได้ยึดครองดินแดนของพวกเขา โดยเฉพาะเผ่าหงส์แดงที่ไม่เคยมองเราในแง่ดีสักครั้ง”

ฟังแล้วฮุ่ยหลันต้องนึกผวา

ไอ้ที่เราเลือกจิ้งจอกทองเก้าหางก็เพราะไอ้ความสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและซ่อนร่องรอยได้ดีที่สุดนี่แหละ ไหงกลายเป็นเรื่องแย่ไปได้ ฮุ่ยหลันนึกอย่างอ่อนใจด้วยความคาดไม่ถึง

“เสด็จพ่อ เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ น้องเล็กไม่มีความผิดที่เกิดมาเป็นจิ้งจอกทองเก้าหางนะพ่ะย่ะค่ะ” พี่ชายของเธอที่ยังอุ้มน้องสาวแรกเกิดไว้กล่าวออกมาอย่างกังวล

ราชาแห่งจิ้งจอกขาวเก้าหางพลันแบมือออก บนฝ่ามือปรากฏสร้อยหยกสีขาวหม่นราวพยับเมฆเส้นหนึ่ง เขาสวมใส่สร้อยนี้ให้บุตรสาวตัวน้อยทันที

“นี่เป็นสร้อยมายาจิ้งจอก มันจะซ่อนเร้นลักษณะแท้จริงของจิ้งจอกทองเก้าหางไว้ ยามนางใช้ร่างจิ้งจอก ไม่ว่าผู้ใดจะมองเห็นเพียงจิ้งจอกขาว และสร้อยนี้ยังสามารถอำพรางระดับที่แท้จริงของปราณจิ้งจอกของนางได้ด้วย”

“เหม่ยเมิ่ง เสวี่ยปิง เสวี่ยซาน (ภูเขาหิมะ) จำไว้ให้ดีว่าห้ามให้ผู้ใดถอดสร้อยเส้นนี้ออกจากตัวนาง และต้องไม่ให้ผู้ใดตรวจชีพจรของนางเด็ดขาดนอกจากพวกเราสี่คน ไว้เมื่อนางเติบโตรู้ความมากกว่านี้ พวกเราค่อยบอกเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง นางจะได้ระมัดระวังตัว”

ทั้งหมดพยักหน้าตอบรับทันที ฮุ่ยหลันเองก็จดจำไว้มั่นว่าเธอต้องไม่ถอดสร้อยเส้นนี้ออกเด็ดขาดไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม และเธอก็ได้รู้แล้วว่าพี่ชายของเธอชื่อ ‘เสวี่ยซาน’ แซ่ของเธอคือ ‘เสวี่ย’

“อีกเรื่องที่ข้าต้องบอกพวกเจ้า ยามนี้ระดับลมปราณของลูกสาวเราอยู่ที่แตกหน่อขั้นที่ห้า”

คำพูดนี้ทำให้เหม่ยเมิ่ง เสวี่ยซาน และเสวี่ยปิงแตกตื่นอย่างยิ่ง

“ฟูจวิน ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ข้าเพิ่งคลอดนางออกมาเองนะ ระดับลมปราณของนางจะสูงเช่นนั้นได้อย่างไร”

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองตรวจดูสิ”

เหม่ยเมิ่ง เสวี่ยซาน และเสวี่ยปิงแผ่ปราณเซียนจิ้งจอกออกตรวจสอบ หากครู่เดียวทั้งหมดก็ตกตะลึงอย่างแท้จริง

“เป็นไปได้อย่างไร น้องเล็ก...เอ่อ...” เสวี่ยซานกล่าวออกมาอย่างแทบไม่อาจเชื่อ เพราะตอนที่เหม่ยเมิ่งให้กำเนิดเขา ตัวเขายังไม่มีลมปราณใดๆ ด้วยซ้ำ จนเมื่อเขาอายุได้หนึ่งหมื่นสี่พันปีจึงเริ่มต้นฝึกฝน ยามนี้ระดับลมปราณของเขาจึงอยู่ที่เซียนนภาขั้นที่แปด นี่มิหมายความว่าหากน้องสาวของเขาอายุเท่ากับเขา ระดับลมปราณของนางต้องไม่ต่ำกว่าเจ้าเซียนขั้นห้าหรอกรึ

นี่เขามีน้องสาวเป็นสัตว์ประหลาดใช่หรือไม่

“ทีนี้เชื่อข้าแล้วกระมัง ไว้รอให้นางอายุครบสิบสองเดือนเสียก่อน ข้าจะเปิดจุดชีพจรทั้งห้าสิบสี่จุดให้นาง ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่ายามนั้น ระดับลมปราณของนางจะเป็นอย่างไร”

“ฟูจวิน ท่านยังไม่ได้ตั้งนามให้นางเลย” เหม่ยเมิ่งท้วงขึ้น

ราชาแห่งเผ่าจิ้งจอกขาวเก้าหางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ให้นางใช้นาม เสวี่ยหลิน (หยกหิมะ)”

เสวี่ยหลิน ชื่อเพราะดีแฮะ ตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่ฮุ่ยหลันแล้วแต่เป็น ‘เสวี่ยหลิน’ เอ ! แล้วคุณพ่อของฉัน ท่านชื่ออะไรล่ะ เธอคิดในใจอย่างสงสัย เพราะแน่ใจว่ายังไม่ได้ยินใครเรียกชื่อของเขาเลย

“ท่านตั้งนามได้ไพเราะยิ่ง เสวี่ยหมิง (หิมะที่สว่างไสว)” เป็นเหม่ยเมิ่ง คุณแม่คนใหม่กล่าวชมออกมาราวกับรู้ใจว่าเธออยากรู้ชื่อของคุณพ่อคนใหม่

“เหม่ยเมิ่ง เดี๋ยวข้าจะพาเจ้ากับเสวี่ยหลินไปที่หอคอยเทพจิ้งจอก พวกเจ้าไปพักที่นั่นเถิด ปราณทิพย์ที่นั่นมีมากมาย เหมาะสมกับพวกเจ้าสองแม่ลูกที่สุด”

“ซานเอ๋อร์ เจ้าก็ไปหอคอยเทพจิ้งจอกด้วย เจ้าควรฝึกฝนให้ดี จะได้แข็งแกร่งพอจะปกป้องแม่กับน้องสาวของเจ้าและแดนพายัพของพวกเรา”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”

ณ วังมังกรสวรรค์ แดนบูรพา

“มหาเทพ นี่เป็นร่างเงาจิ้งจอกเก้าหางนี่พ่ะย่ะค่ะ” หย่งเสียน เซียนรับใช้คนสนิทของมหาเทพหยางหลง (มังกรสุริยัน) เอ่ยขึ้นขณะยืนดูปรากฏการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า

“แต่แปลก ไฉนจึงทอแสงสีทองด้วย นี่หมายความว่าอย่างไร” หย่งเสียนรำพึงกึ่งถาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel