บทที่ 29 หุบเขาบูรพานิรันดร์ (2/3)
“แล้วมหาเทพกล่าวว่ากระไรบ้าง” หยางเจี้ยนถามถึงมหาเทพหยางหลงที่เสด็จกลับไปก่อนงานเลิกไม่นาน โดยมีราชินีฉิงเฟิ่งแห่งเผ่าหงส์แดงที่เพียงเห็นว่ามหาเทพลุกขึ้นเพื่อจะเสด็จกลับ นางก็รีบตามติดไปทันที
“ไม่ได้ทรงกล่าวอะไรเลยเพคะ แต่ทรงสั่งให้เติมอยู่ตลอด ไม่ว่าแนะนำอะไรไป ทรงชิมทั้งหมดจนหมดสิ้น” เสวี่ยหลินกล่าวยิ้มๆ
เช่นนี้ก็ชัดเจนว่ามหาเทพหยางหลงโปรดร้านชาจิ้งจอกน้อยเป็นอย่างมาก
ผ่านไปอีกสามวัน วันนี้ร้านชาจิ้งจอกน้อยต้องตื่นเต้นและตื่นตะลึงเมื่อได้พบเห็นมหาเทพหยางหลงเสด็จมาถึงหน้าร้าน พร้อมด้วยเซียนรับใช้ผู้หนึ่ง เสวี่ยหลินถูกนางกำนัลตามตัวอย่างรวดเร็ว
“คารวะมหาเทพ ร้านชาจิ้งจอกน้อยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะที่มีโอกาสได้ต้อนรับมหาเทพ เชิญเสด็จมากับข้าด้านนี้เพคะ”
เสวี่ยหลินพามหาเทพและเซียนรับใช้มานั่งที่มุมหนึ่งของร้าน ที่นั่งตรงนี้มองเห็นทิวทัศน์ภายนอกอย่างชัดเจน และยังเป็นเก้าอี้ที่สามารถปรับเอนได้เพื่อให้ได้ทั้งนั่งและเอนนอนอย่างสบาย มหาเทพได้ลองแล้วต้องนึกทึ่งอย่างยิ่ง ร้านชาจิ้งจอกน้อยมีอะไรแปลกใหม่มากมายนัก
“นี่คือหย่งเสียน คนสนิทของข้า” มหาเทพกล่าวแนะนำสั้นๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักท่านอาหย่งเสียน ข้าขอเรียก ‘ท่านอา’ นะเจ้าคะ จะได้คุ้นเคยกันไว้ และข้าก็คาดเดาว่าท่านน่าจะอายุน้อยกว่าเสด็จพ่อของข้า” เสวี่ยหลินรีบตีเนียนทำความรู้จักเซียนรับใช้ข้างกายมหาเทพอย่างรวดเร็ว นางกระทำเช่นนี้ย่อมไม่น่าเกลียดเพราะด้วยรูปโฉมที่ยังเป็นเพียงเซียนเด็กหญิงเท่านั้น นางทราบดีว่าเด็กๆ ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดเพราะความเป็นเด็ก
“ขอบพระทัยองค์หญิงน้อยที่ให้เกียรติข้า ข้าอ่อนกว่าราชาเสวี่ยหมิงจริงๆ” หย่งเสียนตอบรับอย่างเอ็นดู
หากการตีสนิทของเสวี่ยหลินกลับทำให้มหาเทพรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาเสียเฉยๆ
เด็กหญิงนี้กล้าเรียกหย่งเสียนว่าท่านอา แต่กับข้า นางกลับเรียกมหาเทพ ไฉนจึงไม่เรียกท่านอาเหมือนกัน แล้วข้าก็รู้จักนางก่อนหย่งเสียน
มหาเทพครุ่นคิดอย่างไม่พอพระทัย สีหน้าพลันเรียบนิ่งทันทีจนเสวี่ยหลินสังเกตเห็น แต่นางไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจึงทำให้มหาเทพไม่พอพระทัย
“เอ่อ...วันนี้ที่ร้านจิ้งจอกน้อยมีชาตัวใหม่ ของหวานชนิดใหม่ ข้าจะนำมาถวายนะเพคะ” เห็นมหาเทพอยู่ๆ ก็อารมณ์ไม่ดี นางจึงรีบนำเสนอของหวานมาทำให้อารมณ์ดีทันที
“มหาเทพเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ อยู่ๆ ก็อารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวองค์หญิงน้อยตกพระทัยแย่ว่านางทำอะไรไม่ถูกต้องหรือไม่” หย่งเสียนเอ่ยขึ้นเมื่อคล้อยหลังเสวี่ยหลิน เขาสังเกตเห็นว่ามหาเทพอารมณ์ไม่ดี
“นางเรียกเจ้าว่า ท่านอา” คำตอบเรียบๆ
“เป็นธรรมดานี่พ่ะย่ะค่ะ นางเป็นเด็ก จะประจบผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องปกติ” หย่งเสียนเองก็ทราบดีว่าเสวี่ยหลินประจบตนเอง หากเพราะนางเป็นเด็ก เขาจึงไม่ได้ติดใจอะไร มีแต่จะเอ็นดูนางยิ่งกว่าเดิมเพราะความช่างประจบเท่านั้น
“แต่กับข้า นางเรียกมหาเทพ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งกว่าเดิม
“ก็ท่านเป็นมหาเทพ นางจะกล้าประจบท่านได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ถึงนางจะเป็นเด็ก แต่นางก็รู้ความไม่น้อย มิฉะนั้น คงไม่สามารถมีร้านชาใหญ่โตเช่นนี้ได้”
คำตอบของหย่งเสียนยังไม่สามารถทำให้มหาเทพพอพระทัยได้ สีหน้าของมหาเทพยังคงเรียบสนิท
รออีกครู่หนึ่ง เสวี่ยหลินก็กลับมาพร้อมชากาใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เตะจมูก ขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานสองจานใหญ่ พร้อมจานแบ่งสองจาน
“ขนมหวานใหม่นี้ ปริมาณออกจะมากสักนิด ข้าจึงจัดจานแบ่งมาให้ด้วยเพคะ มหาเทพกับท่านอาจะได้ทดลองชิมได้” เสวี่ยหลินอธิบายให้ฟังก่อนจะวางของทั้งหมดลงตรงหน้าของพวกเขาพร้อมกับรินชาใส่ถ้วยจนเสร็จเรียบร้อย
“เชิญ...”
“องค์หญิงน้อย” หย่งเสียนกล่าวแทรกขึ้น
“ท่านอาต้องการอะไรเพิ่มเจ้าคะ”
“เอ่อ...ไหนๆ องค์หญิงน้อยก็เรียกข้าว่าท่านอาแล้ว เช่นนั้นก็ควรเรียกมหาเทพว่า...เอ่อ...”หย่งเสียนทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อ
“...ท่านลุงจะดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”
เสวี่ยหลินชะงักไปนิดหนึ่ง นางเหลือบตามองมหาเทพอย่างไม่แน่ใจ เห็นสีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารักของนางเผยอค้างน้อยๆ ไม่กล้ากล่าวคำ ‘ท่านลุง’ ออกมา
“ท่านอา เรียกข้าว่า ท่านอา” เขาบอกเสียงเรียบ
หนอยแน่ะ เจ้าหย่งเสียน ให้นางเรียกข้าว่าท่านลุง ข้ายังไม่แก่เสียหน่อย ยังออกจะหนุ่มแน่น มหาเทพคิดอย่างหงุดหงิด
“...เอ่อ...ท่านอา...หยางหลง...” เสียงหวานใสเล็กๆ เรียกออกมาอย่างไม่แน่ใจเท่าใดแม้จะได้ยินคำอนุญาต
“ดีมาก ต่อไป เจ้าเรียกข้า ท่านอาหยางหลง อย่าได้เรียกผิดเด็ดขาด”
“เจ้าค่ะ” เสวี่ยหลินรับคำเสียงอ่อย
“เอ่อ...เชิญท่านอาทั้งสองรับประทานให้อร่อยและพักผ่อนได้ตามสบายนะเจ้าคะ หากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม เรียกข้าได้ทันที ข้าจะอยู่แถวๆ นี้”
เสวี่ยหลินบอกกล่าวก่อนจะรีบเผ่นแน่บ นางรู้สึกไม่ชินเลยกับการเรียกมหาเทพหยางหลงว่า ‘ท่านอา’ มันไม่คุ้นปากไงก็ไม่รู้ เรียก ‘มหาเทพ’ ยังจะเข้าปากมากกว่า
เสวี่ยหลินให้นางกำนัลผู้หนึ่งรีบเข้าวังพายัพเพื่อบอกกล่าวต่อราชาเสวี่ยหมิงว่ามหาเทพเสด็จ ผ่านไปราวหนึ่งเค่อจึงได้เห็นบิดาของนางกระหืดกระหอบเข้ามา เสวี่ยหลินชี้ทางให้บิดาทราบว่ามหาเทพประทับอยู่ที่ใด ครั้งนี้นางต้องเอาบิดามาช่วยรับหน้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสวี่ยหลินจึงแอบมองว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง หากภาพที่เห็นก็ทำให้นางประหลาดใจ มหาเทพและหย่งเสียนดูพูดคุยเป็นกันเองอย่างมากกับบิดาของนาง เห็นเช่นนี้แล้ว นางจึงค่อยโล่งอก
ผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วยาม ราชาเสวี่ยหมิงจึงเดินนำมหาเทพ พร้อมกับมาชำระค่าอาหารทั้งหมดที่เหม่ยเมิ่ง
“ครั้งนี้ให้ข้าได้มีโอกาสชำระแทนมหาเทพนะพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงให้เกียรติมาเยือนร้านชาของหลินเอ๋อร์” นั่นเพราะเทพเซียนทั้งร้านต่างได้เห็นว่ามหาเทพหยางหลงเสด็จมาเยือนร้านชาจิ้งจอกน้อย มหาเทพที่แทบไม่เคยไปเยือนที่ใดในสี่ทะเลแปดดินแดนเป็นการส่วนตัว เช่นนี้จะยิ่งทำให้ร้านชาจิ้งจอกน้อยเป็นที่รู้จักกว้างขวางและมีชื่อเสียงมากกว่าเดิม
“หลินเอ๋อร์ แล้วข้าจะมาอีก เตรียมชาและของว่างดีๆ ไว้ด้วยล่ะ” มหาเทพหันมากล่าวกับเสวี่ยหลิน หากเขาเรียกขานนางว่า ‘หลินเอ๋อร์’ เช่นเดียวกับบิดาของนาง
“เจ้าค่ะ” เสวี่ยหลินรับคำอย่างอิหลักอิเหลื่อ เพราะไม่เคยถูกคนนอกครอบครัวเรียกขานตนเองเช่นนี้
หลังจากนั้นมหาเทพหยางหลงจะเสด็จมาพักผ่อนที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยทุกสิบห้าวัน ราชินีฉิงเฟิ่งแห่งเผ่าหงส์แดงที่เพิ่งทราบว่ามหาเทพหยางหลงเสด็จมาที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยในแดนพายัพก็ต้องหงุดหงิดอย่างยิ่ง ที่มหาเทพไม่แวะมาที่แดนทักษิณเพื่อชักชวนนางไปด้วย
“มหาเทพเสด็จไปที่ร้านชาจิ้งจอกน้อยทุกสิบห้าวันเพคะ เป็นเช่นนี้มาหกเดือนแล้ว และทุกครั้งที่มหาเทพเสด็จ จะเป็นองค์หญิงน้อยเสวี่ยหลินให้การต้อนรับ มหาเทพยังเรียกขานนางว่า ‘หลินเอ๋อร์’ เช่นเดียวกับที่ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งเรียกนางเพคะ” สายสืบผู้หนึ่งบอกเล่าถึงเรื่องราวที่สืบมาได้
“เขาถึงกับเรียกมันว่า ‘หลินเอ๋อร์’ นางเด็กนี่ช่างประจบนัก”
“นางเป็นเพียงเด็กน้อยอายุหนึ่งหมื่นแปดพันปีเท่านั้นนะเพคะ เด็กประจบผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องปกติ” สายสืบผู้นั้นกล่าวขึ้น
“เด็ก? เด็กที่เป็นเจ้าของร้านชาใหญ่โต มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนนี่น่ะรึ ข้าว่านางประจบเพราะหวังประโยชน์จากมหาเทพต่างหาก”
“ก็เป็นธรรมดานะเพคะ นางประจบก็เพื่อร้านชาของนาง องค์ราชินีอย่าได้ทรงขุ่นเคืองเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลยเพคะ”