บท
ตั้งค่า

บทที่ 27 พบหน้าครั้งแรก (3/3)

ที่นั่งจิบชารับประทานขนมเป็นโต๊ะไม้สีขาวสะอาดเรียบง่าย เก้าอี้บุด้วยผ้าหนานุ่มสีชมพูเกือบขาว ทั้งหมดถูกจัดวางตามมุมต่างๆ อย่างเหมาะสม เทพจิ้นเหอเดินเคียงข้างเสวี่ยหลินคอยร่ายเวทสร้างสิ่งต่างๆ ตามที่นางต้องการ ทั้งหมดนี้ค่อยๆ ถูกจัดแต่งแก้ไขอย่างละเอียดในทุกจุด

กุ้ยตานเทียนโฮ่วที่มายืนดูต้องมองอย่างตื่นตะลึง นางไม่เคยพบเห็นการตกแต่งที่งดงามแปลกตาเช่นนี้มาก่อนจริงๆ นางเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่าร้านชาจิ้งจอกน้อยตกแต่งได้งดงามน่าสบาย ยามนี้ได้มาเห็นการตกแต่งร้านชาจิ้งจอกน้อยที่แม้จะเป็นเพียงชั่วคราวหากก็งดงามและดูอ่อนหวาน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง

เสวี่ยหลินใช้เวลาตกแต่งเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ ไปถึงสองชั่วยาม หลายจุดนางให้เทพจิ้นเหอเนรมิตสร้างให้ใหม่

วันนี้เป็นวันจัดงานเลี้ยงน้ำชายามบ่ายแล้ว แขกที่ได้รับเทียบเชิญต่างทราบดีว่าผู้ที่รับผิดชอบงานเลี้ยงนี้คือ ร้านชาจิ้งจอกน้อยแห่งแดนพายัพ แขกที่ได้รับเชิญทยอยมางานอย่างต่อเนื่อง

นางกำนัลจากร้านจิ้งจอกน้อยที่เสวี่ยหลินจัดไว้แล้วว่าต้องดูแลแขกคนใด เมื่อเห็นแขกผู้นั้นก้าวเข้ามา พวกนางก็นำพวกเขาไปยังที่นั่งที่จัดเตรียมไว้อย่างรู้หน้าที่ รายการชา ขนมหวาน และของว่างถูกนำเสนอพร้อมคำแนะนำ เมื่อได้รายการสิ่งที่ต้องการ นางกำนัลจะนำไปแจ้งแก่นางกำนัลที่ทำหน้าที่ชงชา นางกำนัลที่ทำหน้าที่จัดขนมและของว่าง ราวหนึ่งในสามเค่อพวกนางก็นำชาและขนมของว่างมาวางให้อย่างเรียบร้อย การบริการอย่างรวดเร็วและเรียบร้อยนี้สร้างความประทับใจให้แขกทุกคนในงานยิ่งนัก

หยางเจี้ยนเทียนจวินและกุ้ยตานเทียนโฮ่วชื่นชอบงานเลี้ยงน้ำชายามบ่ายนี้มาก เอ่ยชมบ่อยครั้งถึงความอร่อยของชา ขนมหวาน และของว่างที่ได้ลิ้มลอง ทั้งยังเอ่ยชมกับราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งที่เป็นหนึ่งในแขกรับเชิญว่าองค์หญิงน้อยเสวี่ยหลินเก่งกาจตั้งแต่ยังเยาว์

งานเลี้ยงน้ำชายามบ่ายเริ่มไปได้ราวสองเค่อ พลันปรากฏแขกได้รับเชิญหนึ่งและไม่ได้รับเชิญหนึ่ง นางกำนัลที่มองเห็นแขกได้รับเชิญที่ตนเองต้องดูแลแล้วต้องชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อมองเห็นว่าแขกผู้นั้นมาพร้อมผู้ใด นางเหลือบตามององค์หญิงน้อยของนาง

“องค์หญิงน้อย นั่นมหาเทพหยางหลง ทำอย่างไรดีเพคะ” นางกำนัลผู้นั้นกระซิบถามเสียงสั่น

เสวี่ยหลินหันมาสบตากับนาง “เจ้ารอที่นี่ ข้าจัดการเอง”

นางกำนัลผู้นั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก

แขกสองรายนี้ เสวี่ยหลินต้องออกหน้าเอง แม้จะรู้สึกสุ่มเสี่ยงอยู่สักหน่อยแต่นางก็เป็นรองหัวหน้ากิลด์มาก่อน การเผชิญหน้ากับหัวหน้ากิลด์ใหญ่หลายคน นางก็รับมือมาแล้วทั้งสิ้น

ให้มันได้อย่างนี้สิ ลางสังหรณ์ข้าก็แม่นเกิ๊น เสวี่ยหลินคิดในใจหากใบหน้าอ่อนเยาว์น่ารักยังคงปั้นรอยยิ้มแจ่มใสเข้าไปรับหน้า

“คารวะมหาเทพหยางหลง ราชินีฉิงเฟิ่ง แม้ไม่ทราบล่วงหน้าว่ามหาเทพจะเสด็จร่วมงานนี้ด้วย แต่ร้านชาจิ้งจอกน้อยพร้อมถวายการต้อนรับเพคะ”

เสวี่ยหลินเปิดฉากด้วยคำพูดต้อนรับที่สร้างความสบายใจให้กับทุกคน กระทั่งหยางเจี้ยนเทียนจวินและกุ้ยตานเทียนโฮ่วต้องนึกทึ่ง คาดไม่ถึงว่าเซียนน้อยเยาว์วัยอายุเพียง 18,000 ปี ถึงกับสามารถออกรับรองแขกเหรื่อได้อย่างเหมาะสมเช่นนี้

ฉิงเฟิ่งขึ้นดำรงตำแหน่งราชินีเผ่าหงส์แดงแทนบิดาของนางมา 30,000 แล้ว เสวี่ยหลินจึงต้องเรียกขานองค์หญิงฉิงเฟิ่งเป็นราชินีฉิงเฟิ่ง ศักดิ์ฐานะของฉิงเฟิ่งย่อมทัดเทียมกับราชาเสวี่ยหมิง บิดาของเสวี่ยหลิน

“มหาเทพเสด็จมาร่วมงานเช่นนี้ คาดว่าคงเพราะทราบถึงร้านชาจิ้งจอกน้อยกระมัง” หยางเจี้ยนเอ่ยทักทายต่อ

มหาเทพหยางหลงมิได้กล่าวตอบ หากหันมากล่าวกับเสวี่ยหลิน “ได้ยินว่าร้านชาจิ้งจอกน้อย เจ้าเป็นผู้ริเริ่มขึ้น”

“เพคะ ข้าเป็นคนริเริ่ม”

“เช่นนั้น จงแสดงให้ข้าดูว่าร้านชาของเจ้าจะดีเลิศสมคำร่ำลือหรือไม่”

“เพคะ เชิญมหาเทพเสด็จตามข้ามาด้านนี้เพคะ”

เสวี่ยหลินหันไปเรียกนางกำนัลผู้นั้นที่นางกำหนดให้ดูแลฉิงเฟิ่ง “เจ้ามาดูแลราชินีฉิงเฟิ่ง” ทว่า...

“ข้ามาพร้อมมหาเทพ ไยเจ้าจึงกล้าละเลยข้า ให้นางกำนัลมารับรองข้า” เป็นฉิงเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ สีหน้าเย็นชาเย่อหยิ่ง มหาเทพหยางหลงแม้ห้ามปรามนางได้แต่กลับปิดปากเงียบสนิท

ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งเองก็พูดไม่ออก ทราบดีว่าเสวี่ยหลินเห็นว่ามหาเทพมิได้มีความสัมพันธ์ใดกับฉิงเฟิ่ง เสวี่ยหลินจึงได้น้อมเชิญมหาเทพเพียงผู้เดียว และให้นางกำนัลมาดูแลฉิงเฟิ่งตามที่ควรจะเป็น ทั้งตามปกติแล้วการนั่งร่วมโต๊ะในงานเลี้ยงจะต้องมีศักดิ์ฐานะเสมอกันหรือมีความสัมพันธ์อันดีและแนบแน่นกับผู้มีศักดิ์ฐานะสูงสุดของโต๊ะนั้น

อีตาหยางหลงนี่ จะพูดจาช่วยเด็กอย่างข้าสักนิดก็ไม่มี ชิส์ เสวี่ยหลินนึกบ่นอยู่ในใจ หากสีหน้ายังคงแย้มยิ้มเช่นเดิม

“ทูลมหาเทพ จะทรงอนุญาตให้ราชินีฉิงเฟิ่งนั่งร่วมโต๊ะกับท่านหรือไม่เพคะ” เสวี่ยหลินโยนกลับให้เป็นหน้าที่ของมหาเทพอย่างรวดเร็ว

ไม่ช่วยพูดให้ข้า ก็แก้ปัญหาเองแล้วกันย่ะ เสวี่ยหลินนึกค่อนอยู่ในใจ

เสวี่ยหลินพอคาดเดาท่าทีของมหาเทพออกว่าต้องการทดสอบนาง แต่ที่นางแน่ใจก็คือมหาเทพมิได้ชมชอบฉิงเฟิ่งเช่นชายหนุ่มหญิงสาว ท่าทียืนสองมือไพล่หลังซึ่งเป็นภาษากายที่มหาเทพแสดงออก ชัดเจนว่าเขามองฉิงเฟิ่งอย่างเทพเซียนทั่วไป เพราะหากเขาชมชอบนาง ท่าทีเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างย่อมดูละมุนละไมกว่านี้เหมือนเช่นที่นางเคยเห็นบิดามารดาแสดงต่อกัน

ดังนั้น คำถามที่นางถามออกไป จึงเป็นการบอกมหาเทพว่าหากท่านพอใจที่จะนั่งจิบชาอย่างอึดอัดตลอดงานเลี้ยงก็จงตอบรับ หากพอใจจะนั่งจิบชาอย่างสบายใจก็จงปฏิเสธ ทั้งการตอบรับหรือปฏิเสธนี้ ฉิงเฟิ่งไม่สามารถทำอะไรเสวี่ยหลินได้เพราะมหาเทพแสดงความต้องการออกมาเอง

คำถามของเสวี่ยหลินทำให้มุมปากของมหาเทพหยางหลงเผลอยกขึ้นเล็กน้อยที่หากไม่สังเกตให้ดีย่อมไม่มีทางพบเห็น หากเสวี่ยหลินนั้นเห็นชัดเจนเลยทีเดียว ก็นางจงใจจ้องหน้าและสบตามหาเทพอย่างไม่หวั่นเกรง

แหม สมัยเป็นมนุษย์ นางก็ตามกรี๊ดดาราหนุ่มหล่ออยู่หลายคนนะ เพียงแต่ไม่มีใครหล่อทิ่มตาทะลุใจขนาดมหาเทพหยางหลงก็เท่านั้น

มีคนหล่อลากไส้ขนาดนี้มาให้ข้าดูแล ข้าย่อมต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว แถมไม่มีใครสงสัยข้าด้วย เพราะข้าเป็นเด็ก เสวี่ยหลินหัวเราะอยู่ในใจที่มีโอกาสใกล้ชิดคนหล่อโดยไม่มีผู้ใดผิดสังเกต

คำถามของเสวี่ยหลินยังทำให้เทพเซียนทุกคนต่างชื่นชมนางที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว

เห็นมหาเทพหยางหลงกรอกตารอบหนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา “ฉิงเฟิ่ง เจ้าตามนางกำนัลผู้นั้นไปเถิด”

คำตอบนี้ชัดเจนว่ามหาเทพไม่ประสงค์ให้ฉิงเฟิ่งร่วมโต๊ะด้วย เสวี่ยหลินแทบหลุดหัวเราะออกมาทันที หากฉิงเฟิ่งกลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางจงใจเข้างานมาพร้อมมหาเทพเพราะหมายจะแสดงให้เหล่าเทพเซียนสำคัญที่ได้รับเชิญมาได้เห็นว่ามหาเทพหยางหลงโปรดปรานนาง และนางอาจเป็นว่าที่มหาเทวีของมหาเทพ

ฉิงเฟิ่งกล่าวอะไรไม่ออกทั้งสิ้นเมื่อได้ยินชัดเจน นางจำต้องเดินตามนางกำนัลที่เสวี่ยหลินจัดไว้ให้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel