บท
ตั้งค่า

บทที่ 19 ร้านชาจิ้งจอกน้อย (ต้น) [1/3]

“เสด็จพ่อเพคะ ชาและของหวานที่เสด็จแม่ทำให้ เสด็จพ่อชอบหรือไม่เพคะ” เสวี่ยหลินถามขึ้นในวันหนึ่งหลังจากวางแผนการเรียบร้อย

“ชอบมากเลยลูก ทุกอย่างที่เจ้าสอนให้แม่ของเจ้าทำ พ่อชิมแล้ว รสชาติดีมาก ชาหอมกรุ่น รสกลมกล่อม ขนมก็หวานกำลังดี เข้ากันมาก รู้หรือไม่ว่าพ่อติดใจชาและขนมหวานฝีมือแม่เจ้ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก”

ได้ยินเช่นนี้ เสวี่ยหลินต้องกระหยิ่มใจ แบบนี้ก็มีโอกาสมากว่าชาวจิ้งจอกเก้าหางน่าจะชอบเหมือนที่เสด็จพ่อของนางชอบ ประการสำคัญคือในแดนเซียนยังไม่เคยมีร้านชามาก่อน พวกเขาฝึกฝนชงชาจีนกันเอง แต่ที่เสวี่ยหลินจะขายคือขายทั้งชาจีน ชาฝรั่ง ของหวานแบบจีนและฝรั่งที่เข้ากันได้ดีกับชาต่างๆ รวมทั้งของว่าง

“เช่นนี้ก็ดีเลยเพคะ ลูกมีเรื่องมาปรึกษาเสด็จพ่อ เสด็จแม่ และท่านน้าเสวี่ยปิงเพคะ”

ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งต้องประหลาดใจ

“เจ้าจะปรึกษาเรื่องอะไร” เหม่ยเมิ่งถาม

เสวี่ยหลินจึงเล่าเรื่องที่นางอยากสร้างบ้านพักแยกออกมาต่างหาก ร้านขายชา และพื้นที่ที่ต้องใช้ในการปลูกพืชและสมุนไพรต่างๆ ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งฟังด้วยความประหลาดใจ

“หลินเอ๋อร์ เพราะเหตุใดเจ้าจึงคิดจะแยกออกไปอยู่ เจ้าอายุเพียงหมื่นสี่พันกว่าปีเองนะ เจ้ายังเด็กนัก” บิดาของนางถามอย่างเป็นห่วง

“เพราะลูกอยากมีร้านขายชาและขนมหวาน อยากชมทิวทัศน์สวยๆ อยากหาอะไรให้ตัวเองทำ จะได้ไม่เหงาเพคะ จะให้ลูกนั่งฝึกฝนบำเพ็ญตนแต่เพียงอย่างเดียวก็ออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย” นางให้เหตุผลง่ายๆ แม้ที่จริงแล้ว ด้วยระบบเกมที่ผู้เฒ่าตว๋อเทียนให้มา เสวี่ยหลินสามารถฝึกฝนโคจรลมปราณได้ตลอดเวลาไม่ว่านางจะทำอะไร

เสวี่ยหมิงและเหม่ยเมิ่งหันมามองหน้ากันครู่หนึ่ง

“แล้วถ้าเจ้าอายุสองหมื่นห้าพันปี เจ้าก็ต้องไปศึกษาที่บูรพานิรันดร์ ใครจะดูแลบ้าน ร้าน และพื้นที่เพาะปลูกให้เจ้า”

“ก็เสด็จแม่กับท่านน้าเสวี่ยปิงไงเพคะ ลูกเห็นว่าทุกวันเมื่อเสด็จพ่อออกว่าราชการ เสด็จแม่กับท่านน้าก็ดูจะเหงาและว่างอยู่ ถ้าลูกทำร้านนี้ขึ้นมา เสด็จแม่กับท่านน้าจะได้มีอะไรทำทั้งวัน ไม่ต้องเหงาอีก เสด็จแม่และท่านน้ายังจะได้พบปะผู้คนมากมาย เสด็จพ่อก็จะได้เสด็จมาที่ร้านชา มานั่งเล่น พูดคุยกับสหายและชาวจิ้งจอกเก้าหางได้ด้วยไงเพคะ”

“อีกอย่างก็คือ ในภายภาคหน้า พี่ใหญ่ซานก็ต้องขึ้นรับตำแหน่งราชาแทนเสด็จพ่อ ถึงเวลานั้น เสด็จพ่อจะว่าง ร้านชานี้จะทำให้เสด็จพ่อไม่เหงาและได้พบปะผู้คนอยู่เรื่อยๆ เพคะ” เสวี่ยหลินให้เหตุผลอย่างน่าฟัง

“ก็ไม่เลวนะเพคะ ที่องค์หญิงน้อยเสนอความคิดนี้ แต่เช่นนี้พวกเราก็เหมือนต้องไปคอยรับใช้ผู้อื่นสิเพคะ” เสวี่ยปิงหันมาถามเสวี่ยหลิน

“ตอบตรงๆ ก็คือใช่ เพราะถ้าเสด็จแม่และท่านน้าไปอยู่ที่ร้านนั้น ลูกตั้งใจจะให้เสด็จแม่ทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนท่านน้าจะเป็นผู้ดูแลนางกำนัลและเซียนรับใช้ให้ชงชาและจัดเตรียมของมาให้ลูกค้า”

“ตัวลูกเองจะทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้า รับคำสั่งจากลูกค้าว่าพวกเขาต้องการอะไรและนำมาส่งให้ท่านน้าเป็นผู้จัดการให้ และลูกก็จะส่งใบคำสั่งนั้นให้เสด็จแม่คิดเงินเพคะ เมื่อลูกนำของไปให้ลูกค้าก็จะคิดเงินทันที ส่วนลูกค้าจะนั่งอยู่ในร้านนานเพียงใดก็ได้ เพราะลูกตั้งใจทำให้ร้านชานี้เป็นเหมือนที่พบปะสังสรรค์กัน แต่เชื่อได้ว่าด้วยการตกแต่งที่เหมาะสมและรสชาติของชาและขนมหวานที่ถูกใจ พวกเขาย่อมต้องสั่งเพิ่มแน่นอน ในอนาคตลูกยังคิดจะเพิ่มรายการอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่มอื่นๆ”

“แบบนี้ไม่เหมาะนะเพคะ นี่คือองค์ราชินี ท่านคือองค์หญิงน้อย จะไปนั่งตากหน้าขายของและรับใช้ผู้อื่นได้อย่างไร ไม่สมเกียรติอย่างยิ่ง” เสวี่ยปิงแย้งออกมา

“แต่ก็ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายใครนี่นา เป็นสิ่งสุจริตเสียด้วยซ้ำ ข้าเองก็ทราบดีว่ามันไม่เหมาะสม แต่ข้ามองอีกมุมว่าเสด็จแม่จะได้มีสหายไว้พูดคุย เทพเซียนที่เข้ามาก็ต้องมีบางส่วนมาพูดคุยกับเสด็จแม่ แม้จะเป็นการถามเกี่ยวกับของที่ขาย แต่อย่างน้อยก็ได้พูดคุย เสด็จแม่ก็ไม่เหงา ทั้งยังมีผลพลอยได้ที่จะได้มีสหายเพิ่มขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าจะมีคนคิดร้าย แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีคนคิดร้ายไม่ใช่หรือ ถ้ามัวแต่กลัวเช่นนั้น คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี” เสวี่ยหลินแย้งด้วยเหตุผล

“แต่ถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วย ลูกก็ไม่คัดค้าน ลูกก็จะเพียงสร้างบ้านพักเท่านั้นเพคะ” เสวี่ยหลินยอมลงให้อย่างไม่มีข้อแม้ นางเองก็ทราบดีว่ามันผิดธรรมเนียม เพียงแต่นางอยากบอกให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความคิดของนาง

“เจ้าไปเที่ยวเล่นก่อนเถิด หลินเอ๋อร์ เรื่องนี้ขอเวลาพ่อกับแม่คิดสักหน่อยว่าสมควรอนุญาตให้เจ้าทำหรือไม่ คิดได้แล้ว พ่อค่อยเรียกเจ้ามาพบ” ราชาเสวี่ยหมิงหาทางออกเฉพาะหน้าในเรื่องครั้งนี้ เขาต้องคิดหนักจริงๆ

“เพคะ”

ผ่านไปหนึ่งเดือน วันนี้เป็นวันที่ราชาเสวี่ยหมิงและราชินีเหม่ยเมิ่งเรียกเสวี่ยหลินมาพบ

“หลินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพ่อกับแม่จะอนุญาตเจ้าหรือไม่ในเรื่องที่เจ้าขอ” ราชาเสวี่ยหมิงถามขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวนั่งลงเรียบร้อย

“ลูกไม่ได้คาดหวังเพคะ เพราะทราบอยู่ว่ามันผิดธรรมเนียม ยากที่จะยอมรับ แต่ถ้าเสด็จพ่ออนุญาต ลูกก็ไม่แปลกใจเช่นกัน ลูกเชื่อว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ต้องมั่นใจในตัวลูกจึงอนุญาตให้ลูกทำ” คำตอบของนางราวกับนางเซียนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วมิใช่เด็กน้อยเยาว์วัย

“แล้วถ้าพ่ออนุญาตให้เจ้าทำ เงินทองที่เจ้าได้มา เจ้าคิดจะเอาไปทำอะไร”

“ก็ให้เสด็จพ่อเก็บไว้ในคลังเพคะ เพราะลูกมองว่าหากมีเหตุจำเป็นอย่างเช่น สงครามระหว่างเผ่า หรืออะไรก็ตามที่เป็นเหตุจำเป็นหรือเหตุฉุกเฉิน เงินทองเหล่านี้จะได้ใช้จ่ายในยามนั้น”

เสวี่ยหลินตอบออกมาราวกับตาเห็น นั่นเพราะระหว่างเล่นเกมออนไลน์ที่จัดให้มีสงครามระหว่างเมือง แม้ทางเกมจะมีรางวัลให้กับผู้ชนะและรางวัลปลอบใจให้ผู้แพ้ แต่เพื่อโน้มน้าวให้ทุกคนมาช่วยกัน หัวหน้ากิลด์ยังต้องตั้งรางวัลต่างหากเพื่อจูงใจลูกกิลด์ และยามนั้นรางวัลที่หัวหน้ากิลด์ตั้งให้ก็ต้องล่อตาล่อใจไม่แพ้ของทางเกมเลยทีเดียว

“คำตอบของหลินเอ๋อร์ ท่านพอใจหรือไม่ ฟูจวิน” เหม่ยเมิ่งหันมาถามเสวี่ยหมิงด้วยรอยยิ้ม

“พอใจมาก” เขาหันไปตอบนางก่อนจะหันกลับมาหาบุตรสาวตัวน้อยที่ดูเหมือนความคิดของนางไม่น้อยแล้ว

“พ่อกับแม่อนุญาตให้เจ้าทำตามที่ขอ มีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว ห้ามให้บุรุษใดมายุ่งเกี่ยวกับท่านแม่ของเจ้าเด็ดขาด”

“ขอบพระทัยเพคะ” เสวี่ยหลินตอบรับอย่างดีใจ

“เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลเพคะ บริเวณที่เสด็จแม่นั่งคิดเงินนับเงิน ลูกจะจัดที่นั่งไว้ให้องครักษ์ของเสด็จพ่อที่หนึ่ง ให้เขาคอยดูแลมิให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับเสด็จแม่มากเกินไป อีกทั้งเสด็จแม่จะอยู่ในสายตาของนางกำนัลที่มีหน้าที่ชงชาด้วย หากมีผู้ใดมาทำรุ่มร่ามกับเสด็จแม่ องครักษ์ของเสด็จพ่อและคนรอบข้างย่อมจัดการได้ทันที” นางบอกให้บิดาและมารดาสบายใจ

“พ่ออนุญาตแล้ว คราวนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel