บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 เตรียมพร้อม (2/3)

เหม่ยเมิ่งมองดูบุตรสาวของนางด้วยความประหลาดใจ นางเพิ่งทราบว่าการสังหารสัตว์อสูรก็สามารถเลื่อนระดับลมปราณได้ด้วย แต่นี่เกิดขึ้นได้เพราะเป็นเสวี่ยหลิน หากเป็นผู้อื่นย่อมไม่สามารถกระทำได้

เมื่อมีวัตถุดิบครบถ้วนแล้ว เสวี่ยหลินจึงเริ่มสร้างเครื่องประดับอันได้แก่ แหวนจิ้งจอก สร้อยจิ้งจอก ต่างหูจิ้งจอก และปิ่นจิ้งจอก ทันที เหม่ยเมิ่งมองเห็นเสวี่ยหลินนำวัตถุดิบสี่ถึงห้าอย่างมาวางรวมกัน ก่อนจะใช้คทาห้วงฝันแห่งจิ้งจอกร่ายเวท ประกายเวทมนตร์จากคทาพุ่งลงครอบคลุมวัตถุดิบเหล่านั้น ก่อนจะค่อยๆ หลอมรวมกันอย่างแช่มช้า ผ่านไปราวครึ่งเค่อ ประกายแสงสีทองก็เจิดจ้าจนแสบตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดับวูบลง เบื้องหน้าของเสวี่ยหลินปรากฏดวงแสงสว่างนวลสบายตา กลางดวงแสงเป็นต่างหูรูปจิ้งจอกตัวน้อยกำลังเปล่งประกายอันงดงามคู่หนึ่ง

“ต่างหูจิ้งจอก?” เหม่ยเมิ่งกล่าวออกมาแผ่วเบา เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเครื่องประดับรูปจิ้งจอกที่งดงามน่ารักเช่นนี้

เสวี่ยหลินถอดต่างหูคู่เดิมออกก่อนจะใส่ต่างหูจิ้งจอกคู่ใหม่นี้ไว้ทันที จากนั้นจึงเริ่มสร้างแหวนจิ้งจอก สร้อยจิ้งจอก และปิ่นจิ้งจอกจนครบถ้วนทั้งหมด เมื่อนางสวมใส่เครื่องประดับครบสี่ชิ้น ร่างของเสวี่ยหลินก็มีแสงสีทองทอประกายขึ้นอีกครั้ง แสงสีทองคงอยู่ครู่หนึ่งก็ดับวูบ เหม่ยเมิ่งก็รับรู้ได้ทันทีว่าบุตรสาวตัวน้อยของนางแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับ

“เรียบร้อยแล้ว?”

“เรียบร้อยแล้วเพคะ เครื่องประดับที่ลูกต้องการเสร็จสิ้นหมดแล้ว”

“ได้ของครบหมดแล้ว เช่นนั้น พวกเราก็กลับกันเถิด”

“อย่าเพิ่งกลับเลยนะเพคะ เสด็จแม่ ลูกอยากสร้างของให้เสด็จแม่ได้ใช้”

“เจ้าน่ะรึ?” เหม่ยเมิ่งเอ่ยถามกลั้วหัวเราะ

“แหม เสด็จแม่ อย่าหัวเราะลูกสิเพคะ ลูกน่ะคิดไว้แล้วว่าจะสร้างของสิ่งใดให้เสด็จแม่บ้าง ไหนๆ ก็พวกเรายังมีเวลาอีกห้าเดือน ลูกเชื่อว่าลูกจะสร้างของวิเศษให้เสด็จแม่สำเร็จแน่นอนเพคะ”

“เจ้าจะสร้างอะไรให้แม่”

“เสด็จแม่เป็นจิ้งจอกแดง บทเวทของเสด็จแม่ย่อมต้องเน้นอัคคีธาตุ แต่อัคคีธาตุนี้หากเสด็จแม่ไม่มีจตุธาตุอัญมณี ความรุนแรงของมันต้องเป็นรองเผ่าหงส์แดง แต่ในเมื่อเสด็จแม่มีจตุธาตุอัญมณีแล้ว อัคคีธาตุของเสด็จแม่ย่อมทัดเทียมกับเผ่าหงส์แดงได้ เพราะฉะนั้น...” เสวี่ยหลินกล่าวอย่างครุ่นคิดก่อนจะจ้องมองมารดาอย่างละเอียดอีกครั้ง นางกำลังมองค่าสถานะของมารดา และดูว่ามีจุดอ่อนที่ใด จุดแข็งที่ใด

ผ่านไปครู่ใหญ่ เหม่ยเมิ่งก็มองเห็นเสวี่ยหลินวาดฝ่ามือ แม้มิได้มีสิ่งใดปรากฏขึ้นแต่นางก็ทราบว่าเสวี่ยหลินต้องมองเห็นอะไรบางอย่างเสวี่ยหลินจับจ้องความว่างเปล่าอย่างละเอียด นางก็ปล่อยให้บุตรสาวทำตามใจตนเอง ส่วนนางก็เอนอิงพิงต้นไม้หลับตานอนพักผ่อน ทว่า...

“เสด็จแม่เพคะ ตื่นมาชิมชากับขนมหวานนี่สักหน่อยสิเพคะ ว่าจะถูกใจเสด็จแม่หรือไม่” เสียงใสเล็กๆ ของบุตรสาวเรียกนางพร้อมกับกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ บางอย่างโชยแตะจมูก

เหม่ยเมิ่งลืมตาขึ้นก็มองเห็นโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่ง บนโต๊ะวางไว้ด้วยชาร้อนในกาขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ยังมีถ้วยชา จานรอง และช้อนคันเล็ก ข้างๆ กันมีจานกระเบื้องสีขาวใบเล็ก วางไว้ด้วยขนมก้อนกลมหกชิ้น เป็นขนมที่สีสันสวยงามเลยทีเดียว

“อะไรน่ะ หลินเอ๋อร์ ชาหอมจริงๆ ขนมก็น่ารับประทาน”

“เสด็จแม่ลองชิมฝีมือลูกหน่อยสิเพคะ ลูกเพิ่งหัดทำได้ไม่นานนัก แต่ก็เชื่อว่าเสด็จแม่น่าจะชอบ” เสวี่ยหลินคะยั้นคะยอให้มารดาชิมฝีมือของนาง

เสวี่ยหลินรินชาใส่ถ้วยให้มารดา “เสด็จแม่ลองจิบชาฝีมือลูกหน่อยสิเพคะ”

เหม่ยเมิ่งหยิบถ้วยชาขึ้นมาสูดกลิ่นหอมครู่หนึ่งก่อนจะจิบชาไปหนึ่งคำ นางต้องหลับตาพริ้มดื่มด่ำไปกับรสชาติและกลิ่นหอมของชา

“เจ้าชงชาเก่งมาก หลินเอ๋อร์ แม่ชอบ”

“เสด็จแม่ลองชิมขนมนี่สักนิดสิเพคะ” เสวี่ยหลินเลื่อนจานขนมให้มารดา เหม่ยเมิ่งหยิบขึ้นมากัดไปชิม เพียงขนมเข้าปาก นางต้องเบิ่งตากว้าง ก่อนจะหลับตาดื่มด่ำกับรสชาติหอมหวานกำลังดี

“ขนมอะไรลูก อร่อยจริง แม่ชอบเสียแล้วสิ ที่สถานศึกษาพายัพมีสอนชงชาและทำขนมแบบนี้ด้วย?”

“ไม่ใช่เพคะ นี่เป็นชาและขนมที่ลูกคิดขึ้นเอง ใช้เวลาคิดค้นและแก้ไขอยู่นานพอดูเพคะ” เสวี่ยหลินจำต้องโกหกไปก่อน จะบอกได้อย่างไรล่ะว่าเป็นของจากโลกมนุษย์

“หลินเอ๋อร์ เจ้าเก่งมาก เช่นนี้ กลับไปถึงวังแล้ว เจ้าสอนแม่ทำหน่อยสิ แม่ชอบชาและขนมของเจ้ามาก พ่อของเจ้าต้องชอบด้วยแน่ๆ”

“ได้เพคะ มีหลายสูตรเลย แล้วลูกจะสอนเสด็จแม่ให้ทำได้ทุกสูตรเลยเพคะ ตอนนี้เสด็จแม่นั่งจิบชา ชิมขนม และชมทิวทัศน์ไปก่อนนะเพคะ จะได้ไม่เบื่อระหว่างนั่งรอลูก”

บอกกล่าวเสร็จแล้ว เสวี่ยหลินก็หันมาสนใจกับหน้าจออุปกรณ์ที่เปิดค้างไว้อยู่ ยามนี้นางกำลังคัดเลือกของที่เหมาะสมกับมารดา แน่นอนว่าต้องมีอาวุธ ชุดเกราะ สนับแขน สนับขา รองเท้า ครบชุด เครื่องประดับย่อมต้องเป็นปิ่น สร้อย แหวน ต่างหู

เสวี่ยหลินใช้เวลาคัดเลือกนานถึงสองชั่วยามกว่าจะคัดเลือกได้ของที่เหมาะกับมารดาที่สุด จากนั้นใช้อีกหนึ่งชั่วยามเพื่อดูว่าต้องไปล่าบอสตัวใด นางนั่งจดรายละเอียดออกมาจนครบก่อนจะเงยหน้ามาเห็นมารดาที่เอนอิงพิงต้นไม้หลับสนิทไปแล้ว ชาในกาหมดแล้ว ขนมก็หมดแล้วเช่นกัน

“เสด็จแม่เพคะ เสด็จแม่” เสียงเล็กๆ ร้องเรียกมารดา

ครู่หนึ่งเหม่ยเมิ่งลืมตาขึ้น

“เสด็จแม่เพคะ พวกเราต้องไปล่าสัตว์อสูรพวกนี้เพคะ ลูกคิดว่าไม่น่าเกินสองเดือน ก็ได้ของครบ ลูกจะได้สร้างของวิเศษให้เสด็จแม่”

“แต่สัตว์อสูรพวกนี้อยู่ทั้งในแดนพายัพเรา แดนประจิม และแดนอุดร พวกเราสามารถข้ามไปล่าพวกมันในแดนประจิมและแดนอุดรได้หรือไม่เพคะ” เสวี่ยหลินถามอย่างกังวล

“ได้สิ แดนประจิมและแดนอุดรเป็นมิตรกับพวกเรามาเนิ่นนานแล้ว ผู้คนทั้งสามแดนไปมาหาสู่กันตลอด ไม่มีปัญหาดอก”

“เยี่ยมเลย งั้นเราเริ่มที่แดนพายัพให้เสร็จเสียก่อน จากนั้นค่อยไปที่แดนประจิม ได้ของจากสองที่นี้แล้ว ลูกสามารถสร้างของวิเศษให้เสด็จแม่ได้ห้าอย่างเลย จากนั้นค่อยขึ้นไปที่แดนอุดร”

“ตกลง แล้วก็ทำเหมือนเดิมใช่หรือไม่ เจ้าต้องเป็นผู้สังหารสัตว์อสูร”

“ใช่เลยเพคะ เสด็จแม่เป็นงานแล้ว” เสวี่ยหลินยิ้มร่า

“อะไรของเจ้า เป็นงาน” เหม่ยเมิ่งถามอย่างแปลกใจ

“เอ่อ...หมายถึง เสด็จแม่เก่งขึ้นไงล่ะเพคะ” เสวี่ยหลินเลี่ยงหาข้อแก้ตัวได้สำเร็จหลังจากหลุดปากด้วยคำคุ้นเคยจากโลกมนุษย์

ไม่เกินสองเดือนตามที่เสวี่ยหลินคำนวณไว้ นางก็สามารถสร้างของวิเศษให้มารดาได้ครบถ้วน เหม่ยเมิ่งที่สวมใส่ของที่บุตรสาวสร้างให้ต้องรู้สึกนางแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากมายจริงๆ กระบี่จิ้งจอกแดงพิโรธที่นางเคยใช้เป็นประจำ เหม่ยเมิ่งโยนมันเก็บไว้ในมิติส่วนตัวอย่างไม่ไยดีอีกต่อไป กระบี่คู่กายนางยามนี้คือ กระบี่จิ้งจอกเพลิงสวรรค์ที่บุตรสาวของนางสร้างขึ้นมาให้ มันเหมาะมือนางอย่างยิ่ง และทำให้นางสามารถใช้อัคคีธาตุได้ดียิ่งกว่าเดิม

เพราะด้วยเลเวลของสัตว์อสูรในสองเดือนนี้ที่สูงกว่าเลเวลของเสวี่ยหลินกว่าเดิมไปไม่น้อย ทำให้เลเวลของนางเพิ่มขึ้นถึง 10 เลเวล เป็น 110 จากเดิม 100 ลมปราณเพิ่มขึ้นหนึ่งช่วงชั้นใหญ่เป็นเซียนกนกขั้นสิบจากแปลงเซียนขั้นสิบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel