บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 จตุธาตอัญมณี (3/3)

ยามนี้เสวี่ยหลินคิดทดลองกลยุทธ์ที่นางคิดขึ้นทันที นางกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ ในมือปรากฏคทาห้วงฝันแห่งจิ้งจอก คทาทอประกายแสงงดงาม หากประกายแสงนี้กลับเข้าตาของอสูรสี่ตาอย่างจัง มันรับรู้ได้ว่ามีศัตรูอยู่ในอาณาเขตของมัน

กร๊าซซซซซซซซซซซซซ

มันส่งเสียงกรีดร้องขู่ขวัญเสียจนนางแสบแก้วหูไปหมด เสียงร้องของมันทรงพลังและดังกระหึ่มอย่างยิ่ง

คทาในมือชี้ตรงไปที่อสูรสี่ตา พลังเวทสีแดงเข้มอันเป็นลักษณะของสกิลทลายเกราะถูกส่งไปคลี่คลุมบนร่างของอสูรสี่ตาทันที ตามด้วยพลังเวทสีแดงอ่อนของสกิลแหลมคมที่คลี่คลุมซ้อนทับลงมา

คทาในมือถูกวาดเป็นวงกลม บังเกิดดวงแสงสีทองขึ้นครอบคลุมร่างของเสวี่ยหลิน นี่ย่อมเป็นสกิลเกราะทองคำ

คทาในมือถูกชี้ตรงไปที่อสูรสี่ตาอีกครั้ง พลังเวทสีน้ำเงินอันเป็นสกิลห้วงนิทราถูกครอบคลุมลงบนร่างของอสูรสี่ตา ตามด้วยพลังเวทสีฟ้าอ่อนที่เป็นสกิลเคลิ้มฝันก็ยิงเข้าใส่มันทันที

มองเห็นอสูรสี่ตายืนมึนงง ท่าทีสับสนวุ่นวาย เสวี่ยหลินรีบโจมตีด้วยพลังเวทอันรุนแรงสลับกับการยิงสกิลทลายเกราะและแหลมคมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยามนี้นางเห็นชัดเจนว่าอสูรสี่ตาไม่มีเกราะเหลือแล้ว CC Resistance ของมันก็เป็นศูนย์ ทำให้มันติด CC มึนงงและหลับใหลจากการลงมือของนางตลอดเวลา

หลอดเลือดของอสูรสี่ตาค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเลือดของมันลดลง 10% พลันร่างของอสูรสี่ตาก็สาดประกายสีดำก่อนแสงสีดำนั้นจะพุ่งทะลวงเข้าหานาง เสวี่ยหลินโบกคทาอีกครั้ง ดวงแสงสีทองของเกราะทองคำก็ครอบคลุมร่างของนาง

เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง

เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง

เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง

แสงสีดำนั้นกระทบกับเกราะทองคำของนาง หากเสวี่ยหลินปลอดภัยทุกประการ เพราะเกราะทองคำป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้

เมื่อสิ้นเสียงนี้ เสวี่ยหลินก็วาดคทาในมืออีกครั้งเพื่อโจมตีอสูรสี่ตาต่อไป นางเวียนวนทำเช่นนี้อยู่ราวหนึ่งเค่อ อสูรสี่ตาจึงค่อยล้มลงสิ้นใจตาย ก่อนมันจะตายมันกรีดเสียงร้องดังก้องไปทั้งหุบเขา

เสียงไร้ที่มาดังขึ้นในใจของนาง

ปราณเซียนจิ้งจอกเพิ่มขึ้น 5%

แต้มสกิลจำนวน 5 แต้ม

ที่เหลือก็เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ หากไม่มีจตุธาตุอัญมณี เสวี่ยหลินนั้นทำใจไว้ก่อนแล้วว่ามันจะไม่ดรอป เพราะอัตราดรอปคือ 0.5% ตอบไม่ได้เลยว่านางต้องสังหารอสูรสี่ตาอีกกี่ตัว มันถึงจะดรอปให้นาง

เสวี่ยหลินเดินไปเก็บวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างอุปกรณ์ที่ดรอปออกมา นางไม่ทราบว่าหากตนเองร่วมล่าสัตว์อสูรกับผู้อื่น พวกเขาจะมองเห็นของเหล่านี้และแย่งชิงของไปได้หรือไม่

“ไม่ได้หรอก พวกเขาจะมองไม่เห็นและไม่ได้ของไป นอกจากเจ้าจะหยิบยื่นให้พวกเขาเอง” เสียงของผู้เฒ่าตว๋อเทียนดังขึ้นในใจนาง

“คุณตา !” นางอุทานเรียกอย่างดีใจ

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าชอบโลกแห่งเซียนนี้หรือไม่”

“ชอบค่ะ” ความเคยชินสมัยยังเป็นฮุ่ยหลันพลันกลับมา

“เจ้าชอบก็ดีแล้ว ใช้ชีวิตให้ดี อย่าประมาทในการใช้ชีวิต”

“ค่ะ เอ่อ...คุณตา หนูอยากกลับไปที่โลกมนุษย์ที่หนูจากมาบ้างได้มั้ยคะ”

“เจ้าสามารถท่องเที่ยวไปได้ทุกที่ ข้าอนุญาต เจ้าอยากเอาของในโลกมนุษย์มาใช้ที่แดนเซียนล่ะสิ”

“ก็คงมีบ้างค่ะ แต่หนูคิดว่าหนูไม่ทำดีกว่า แต่ละโลกก็มีสภาพแวดล้อมเป็นของตนเอง หนูไม่ควรทำให้มันวุ่นวาย”

“เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว”

“แต่ถ้าหนูอยากจะสร้าง...เอ่อ...อย่างสร้างบ้านหรือตกแต่งแบบมนุษย์ หนูทำได้ใช่มั้ยคะ”

“ได้ อย่างมากพวกเทพเซียนทั้งหลายก็เห็นเป็นของแปลกตาเท่านั้น”

“ข้าไปล่ะ แล้วจะคอยดูเจ้าอยู่เสมอ อ้อ ! เมื่อถึงวัยแต่งงานได้ บิดามารดาของเจ้าก็คงหาคู่ให้”

“ไม่ล่ะค่ะ หนูรักชีวิตโสด หนูจะบอกพวกท่านว่าหนูไม่แต่ง หนูจะอยู่เป็นโสด แต่งงานเนี่ย หนูว่าเหมือนเล่นพนัน แถมเป็นการพนันที่โอกาสถูกรางวัลต่ำสุดๆ หนูไม่เอาชีวิตดีๆ ของหนูไปเสี่ยงแน่” เสวี่ยหลินปฏิเสธทันที

“แล้วถ้าบุรุษผู้นั้น เขาเป็นคนดีจริงๆ ล่ะ”

“โอ๊ยยยย คุณต๊า” เสวี่ยหลินขึ้นเสียงสูง

“ไอ้ที่ดีเลิศประเสริฐศรีแบบนั้น มันมีแต่ในนิยายค่ะ ชีวิตจริงนี่ หนึ่งในร้อยล้านมั้งคะ”

“แล้วถ้าบุรุษผู้นั้นเป็นหนึ่งในร้อยล้านจริงๆ ล่ะ”

“เหลือมาไม่ถึงหนูหรอกค่ะ หนูมั่นใจ ดีขนาดนั้น ร้อยทั้งร้อยแต่งงานมีเจ้าของหมด แล้วหนูก็ไม่คิดจะสมัครเป็นเมียน้อยด้วย หนูอยู่คนเดียวนี่แหละดีสุด ใครจะว่าเป็นสาวเทื้อ สาวทึนทึก ขึ้นคานก็ช่าง สวย รวย เสียอย่าง No สน No แคร์ค่ะ” คำตอบแบบสาวมั่นมาเต็ม

“ผู้ชายที่แต่งกับหนูได้ ต้องรักเดียวใจเดียว มีหนูคนเดียว ถ้ามีคนอื่นเมื่อไหร่ คือหย่าทันที เพราะเรื่องแบบนี้ ตบมือข้างเดียวไม่ดังค่ะ ถ้ามีลูก หนูเลี้ยงลูกคนเดียวได้ ไม่ง้อ”

“ในสายตาเจ้า บุรุษคนใดดีที่สุด”

“คุณพ่อเสวี่ยหมิงของหนูในชาติภพนี้ค่ะ ไม่ต้องรูปงามเท่าท่านพ่อหรอก ขอแค่ดีให้ได้เท่าท่านพ่อ หนูก็ OK แล้ว”

“หนูไม่ได้ต้องการผู้ชายหล่อ เพราะผู้ชายหล่อมักมีปัญหา มีแต่หญิงมาเสนอตัว สุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องพลาดมีเมียน้อยจนได้ หนูจึงขอแค่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ ไม่อายใครก็พอ แต่นิสัยใจคอความประพฤติ หนูอยากได้อย่างคุณพ่อเสวี่ยหมิง” เรียกได้ว่าราชาเสวี่ยหมิง บิดาของนางคือไอดอลของเสวี่ยหลินเลยทีเดียว

“อืมมม แล้วข้าจะหาทางบอกเขาให้” เสียงของผู้เฒ่าตว๋อเทียนรำพึงขึ้นมาเบาๆ

“คุณตาว่าอะไรนะคะ หนูฟังไม่ถนัด”

“ไม่มีอะไร ข้าไปล่ะ โชคดีนะนังหนู”

เสวี่ยหลินได้แต่งุนงง อยู่ดีๆ ก็มา อยู่ดีๆ ก็ไป อะไรของคุณตาเนี่ย

แต่เราสำรวจเทือกเขาครองพายัพดีกว่าระหว่างรออสูรสี่ตาเกิดใหม่ เผื่อจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง แถมก่อนอสูรสี่ตาจะตาย มันร้องดังมาก ไม่รู้จะมีใครมาได้ยินรึเปล่า ถ้ามีคนอื่นมาแถวนี้ เราจะล่าอสูรสี่ตาลำบาก เสวี่ยหลินครุ่นคิดอย่างกังวล

นางเหินร่างขึ้นกลางฟ้า ก่อนจะแผ่ปราณเซียนจิ้งจอกออกเป็นวงกว้างเพื่อสำรวจดูว่ามีผู้ใดเข้ามาในเทือกเขาครองพายัพหรือไม่ โชคดีว่าไม่มีเทพเซียนคนใดอยู่เลย นั่นเพราะเทือกเขาครองพายัพอยู่ห่างไกลและยังเป็นเทือกเขากั้นเขตแดนพายัพกับแดนอุดร เผ่าจิ้งจอกเก้าหางและเผ่าเต่ามังกรเองก็ไม่ได้จัดกำลังทหารมาเฝ้ารักษาเขตแดน เพราะเห็นว่าเป็นเทือกเขาสูงใหญ่และกว้าง อีกทั้งสองแดนก็เป็นมิตรกันมาเนิ่นนาน

เสวี่ยหลินมีเวลาสำรวจเทือกเขาครองพายัพถึงสี่ชั่วยามกว่าที่อสูรสี่ตาจะเกิดใหม่อีกครั้ง นางจึงตั้งใจสำรวจอย่างละเอียดว่าเทือกเขาแห่งนี้จะมีพืชพันธุ์ใดบ้างหรือมีสัตว์อสูรใดที่น่าสนใจ นางพบเจอสัตว์อสูรระดับบอสอีกสองตัว หากเมื่อตรวจดูของที่มันจะดรอปให้แล้ว นางก็ยังไม่สนใจ แต่นางก็พบสมุนไพรวิเศษทั้งพืชผักผลไม้และบุปผามากมาย จึงตั้งใจว่าเมื่อนางจะกลับก็ค่อยมาเก็บพวกมันไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel