4 เว่ยอ๋อง
ฟู่ลี่อิ๋งไม่ได้คาดหวังให้เด็กชายกลับมาช่วย แค่เขาเอาตัวเองให้รอดจากคนพวกนี้ไปได้ นางก็พึงพอใจมากแล้ว เด็กตัวแค่นั้นจะเอาอะไรมาช่วยนางกัน ดิ้นรนสู้แรงบุรุษตัวใหญ่กว่านาหลายเท่าอยู่พักใหญ่ ฟู่ลี่อิ๋งก็หมดแรง ยอมให้คนพวกนี้จับนางมัดแขนมัดขาโยนเข้าไปในห้องเก็บของเหม็น ๆ อย่างว่าง่าย
ทั้งมือทั้งเท้าถูกคนพวกนั้นจับมัดจนแน่น พวกนั้นคงกลัวว่านางจะหนีไปได้ ร่างเล็กได้ยินพวกมันพูดคุยกันทุกประโยค นางเวียนหัวตาลายเพราะกลิ่นในห้อง หิวก็หิวตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้กินข้าวสักคำ ถ้ารู้ว่าจะถูกจับตัวโยนเป็นหมูเป็นหมา คงยอมกินอาหารพวกนั้นอย่างน้อยก็ให้ตัวเองได้อิ่มท้อง มีเรี่ยวแรงเอาไว้คิดหลบหนี
โชคดีหนึ่งสิ่งที่อย่างน้อย ๆ ในเวลานี้พวกมันก็จะยังไม่ทำอะไรนาง ให้นางเจ็บตัวน้อยที่สุดเพื่อที่จะได้เอาไปขายให้ได้ราคาดี ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หากนางโดนคนในหอนางโลมย่ำยีสู้ให้นางฆ่าตัวตายเสียยังจะดีกว่า ในเวลานี้นางได้แค่หวังให้ท่านพ่อ ท่านพี่ นึกเป็นห่วงนาง คุณหนูใหญ่จวนโหวออกจากบ้านมานานขนาดนี้พวกเขาควรเป็นกังวลกันบ้างสิ
--------------------------
ตั้งแต่วันที่รู้ว่าขบวนเดินทางของบุตรชายเพียงคนเดียวถูกคนลอบโจมตี เว่ยเจิ้งหยางก็ร้อนรนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาไม่น่าตามใจเด็กชายจนเกิดเรื่องเช่นนี้ หากในวันนั้นเขาออกเดินทางมาด้วย คงจะสามารถปกป้องบุตรชายให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
ตั้งแต่หวางเฟยจากไป คนที่เขารักและหวงแหนที่สุดก็คือเด็กชายผู้นี้ เขาผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ มีสตรีมากมายอาสาจะเข้ามาทำตัวเป็นมารดาให้กับเด็กชาย อ๋องหนุ่มก็ปฏิเสธบ่ายเบี่ยงไปเสียทั้งหมด
“ท่านอ๋อง หากเราไม่เจออ๋องน้อยที่เมืองนี้เราจะทำอย่างไรดี” ลู่เจียงองครักษ์คู่ใจเป็นกังวล เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ตามหาเด็กชายแต่ก็ยังไร้วี่แวว เวลาผ่านมานานเช่นนี้เขาเกรงว่า...อ๋องน้อยอาจจะไม่รอด
“อย่างไรก็ต้องหาเขาให้เจอ หากหาไม่เจอก็หาซ้ำจนกว่าจะเจอ” เว่ยเจิ้งหยางกล่าวหนักแน่น เขาไม่เชื่อว่ากำลังพลของเขามากมายเช่นนี้จะหาเด็กชายตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวไม่เจอ และยังเชื่อว่าสวรรค์จะปกป้องเด็กชายผู้บริสุทธิ์
“ท่านพ่อ”
ทันทีที่เด็กชายเห็นเงาของบุรุษผู้หนึ่งเขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร เด็กชายตัวน้อยวิ่งหน้าตาตื่น ตามหลังผู้เป็นบิดาออกมาจากร้านอาหาร
“ท่านพ่อ” เด็กชายตะโกนดังขึ้นอีก “ท่านพ่อข้าเองไคไค ท่านพ่ออย่าเพิ่งไป อย่าทิ้งข้าไปอีกครั้ง ท่านพ่อ!!”
ในครั้งแรกเว่ยเจิ้งหยางคิดว่าตัวเองหูแว่ว จึงไม่ได้สนใจ แต่พอได้ยินอีกครั้งจึงหันหลังกลับไปดู
“ท่านพ่อ” เด็กชายปรี่ถลาเข้ามากอดขาเอาไว้ “ฮื้อ ท่านพ่อ ข้าได้เจอท่านแล้ว” เขาร้องไห้จนใบหน้าเล็ก ๆ เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“ลูกไค” เว่ยเจิ้งหยางรีบอุ้มบุตรชายตัวน้อยขึ้นแนบอก ถึงแม้เนื้อตัวเขาจะสกปรกก็ไม่คิดรังเกียจ
“ท่านพ่อข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ฮื้อ”
“พ่อก็คิดถึงเจ้า” ร่างสูงกอดบุตรชายเอาไว้แนบแน่นไม่ยอมปล่อย
“ท่านพ่อ ข้าเจอท่านก็ดีแล้ว ช่วยพี่สาวด้วย” แม้ดีใจที่ได้เจอบิดาแต่ก็ยังไม่ลืมพี่สาวแสนสวยที่เคยช่วยเหลือเขาเอาไว้ ซึ่งตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในความลำบาก
“พี่สาว”
“ใช่ขอรับ พี่สาว พี่สาวที่พาข้าไปเลี้ยงข้าวนางกำลังลำบาก คนพวกนั้นบอกว่าพี่สาวไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารให้ข้า และจะจับนางไปขายที่หอนางโลม ท่านพ่อได้โปรดช่วยนางด้วย” เด็กชายร้องไห้จ้า
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยงั้นหรือ”
ได้ฟังสิ่งที่บุตรชายร้องขอ ขบวนของเว่ยอ๋องก็เปลี่ยนเป้าหมาย รีบมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่เกิดเรื่องในทันที
กองทหารกว่าร้อยนายปิดล้อมร้านอาหาร ที่เด็กชายไปกินอาหารกับพี่สาวเมื่อครู่ พร้อมกับประกาศให้ชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในร้านวันนี้ออกไปให้หมด
เสี่ยวเอ้อเห็นเด็กชายมอมแมมเมื่อครู่อยู่ในอ้อมอกของบุรุษท่าทางสูงศักดิ์ผู้หนึ่งก็รู้สึกหวาดกลัว เมื่อกี้เด็กชายผู้นั้นยังดูสกปรกไม่ต่างอะไรจากพวกขอทาน แต่เวลานี้กลับเต็มไปด้วยรัศมีแห่งความน่าเกรงขาม
“นะ นายท่านข้าน้อยทำอะไรผิดหรือขอรับ”
“ปล่อยพี่สาวออกมาเดี๋ยวนี้”
“พะ พี่สาวของเจ้าเหรอ” เสี่ยวเอ้อคิดออกแล้วว่าสิ่งที่เด็กชายพูดหมายถึงสิ่งใด แต่ก็ยังทำเฉไฉ “ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง เมื่อครู่เจ้ามาคนเดียวไม่ใช่หรือ ข้ายังให้ข้าวให้น้ำเจ้าดื่มอยู่เลย”
“ข้าไม่ได้โกหกเสียหน่อย”
“พวกท่านเป็นผู้มีอำนาจ เชื่อฟังแต่คนของตัวเองใส่ร้ายประชาชนตาดำ ๆ ใช้ได้ที่ไหน เอาเลย ข้าจะไปร้องทุกข์กับเว่ยอ๋องให้จัดการพวกเจ้าเสีย รู้ไหมว่าร้านอาหารแห่งนี้เจ้าของร้านเป็นใครและสนิทกับเว่ยอ๋องมากแค่ไหน”
เว่ยเจิ้งหยางฟังสิ่งที่คนสารเลวสำรอกออกมา ก็แทบกลั้นโทสะเอาไว้ไม่อยู่ คนประเภทไหนกันที่กล้าเอาเขาไปแอบอ้าง พวกมันไม่อยากตายดีหรืออย่างไร ชายหนุ่มผินหน้าไปทางลู่เจียงหนึ่งครั้ง อีกฝ่ายก็ลงมืออย่างรู้หน้าที่
“อยู่ต่อหน้าเว่ยอ๋องยังคิดโกหก เหิมเกริมเกินไปแล้ว เห็นทีจะต้องตรวจสอบที่นี่เสียแล้วว่า มีเรื่องลับลมคมในอีกอะไรอีกหรือไม่” ลู่เจียงเป็นผู้พูดแทน เจ้านายของตัวเอง เขาเดาจากท่าทางคนตรงหน้าที่ท่าทางมีพิรุธ คงจะมีอะไรมากกว่าการจับตัวสตรีไปกักขังเอาไว้อย่างแน่นอน
“วะ เว่ยอ๋อง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าไอ้หมอนี่คือเว่ยอ๋อง” เขาไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าคือเว่ยอ๋อง ได้ยินว่าเว่ยอ๋องกลับไปเมืองหลวงนานแล้ว จะมาโผล่อยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
“สารเลว” ลู่เจียงเตะคนสามหาวไปหนึ่งที ก่อนจะแสดงตราหยกที่บ่งบอกว่าบุรุษที่ยืนอุ้มเด็กชายเป็นใคร “ถ้าไม่เชื่อให้ข้าตัดคอของเจ้าเสียตอนนี้ก็ยังได้” กระบี่สีเงินคมกริบถูกชักออกมาจากฝักชี้ไปที่คอของเสี่ยวเอ้อ
ครั้นพอคนในโรงเตี๊ยมเห็นตราประทับสลักเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นผู้ใด ก็อกสั่นขวัญแขวนเป็นลมสลบกันไปแถบ ๆ
เด็กชายเห็นคนของท่านพ่อกำลังลีลาก็รู้สึกร้อนใจ
“ท่านพ่อช่วยพี่สาวก่อน ตามหาพี่สาวก่อน” เว่ยเจี้ยนไคกระตุกคอเสื้อของผู้เป็นบิดา เพราะเกรงว่านางจะถูกทำร้าย
ลู่เจียงเองก็ได้ยินสิ่งที่อ๋องน้อยเอ่ย แค่เพียงเท่านั้นกองทหารกว่าร้อยนายก็เร่งรีบตามหาพี่สาวที่เด็กชายเอ่ยอ้างในทันที