บทย่อ
ช่วงนี้นางฝันร้ายอยู่ทุกคืนวัน ในฝันนางถูกบุรุษผู้หนึ่งบั่นคอจนตาย เลือดไหลนองไปทั่วทั้งลานหิน ฟู่ลี่อิ๋ง คุณหนูผู้ถูกตามใจมาตั้งแต่ยังเยาว์เลยสาบานต่อหน้าฟ้าดิน นางจะไม่เป็นสตรีชั่วช้าอีกต่อไปแล้ว ฟู่ลี่อิ๋งเติบโตมาแบบได้รับความรักจากทุกคนในครอบครัว จนกระทั่งวันหนึ่ง สตรีผู้นั้นก็โผล่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว นางทั้งโกรธทั้งเกลียดฟู่เหยาเหยา จึงคิดหาวิธีกลั่นแกล้งบีบบังคับให้สตรีผู้นั้นทนไม่ไหว รีบเก็บของออกไปจากจวนโหวเสียที แต่ไฉนเลยนางไม่เพียงไม่ออกไปไหนกลับได้รับความจากทุกคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย กระทั่งในค่ำคืนหนึ่งนางฝันร้าย ฝันว่ามีบุรุษผู้หนึ่งชักกระบี่หมายจะสังหารนางให้ตายตก ฟู่ลี่อิ๋งจำเหตุการณ์ในความฝันนั้นได้ดี แสงสีเงินของคมกระบี่พาดอยู่ที่คอของนาง จากนั้นในชั่วพริบตาโลหิตสีแดงฉานก็ไหลเจิ่งนองไปทั่วทั้งลานบ้าน หากฟู่ลี่อิ๋งอยากเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต นางควรจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีใช่หรือไม่ แต่ไหงกลายเป็นว่ายิ่งเป็นคนดี ยิ่งถูกทำร้าย สวรรค์ไม่ยุติธรรมจริง ๆ ก็บอกแล้วอย่างไรว่าต่อไปนี้ข้าจะเป็นสตรีที่ดี เหตุใดสวรรค์จึงไม่ฟังกันบ้าง
บทนำ
ทั่วทั้งจวนโหวมืดสนิท ไม่ว่าจะมองไปทิศทางไหน ก็ไม่มีแม้แต่แสงสว่าง ภายในใจของฟู่ลี่อิ๋งรู้สึกปวดหนึบ นางพยายามสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ เพื่อเสาะหาผู้อื่น
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านอยู่ไหนเจ้าคะ” เสียงหวานใสตะโกนก้องกังวานไปทั่วทั้งจวน
ไม่มีผู้ใดตอบรับ คล้ายกับว่าเวลานี้ ในจวนโหวเวลานี้มีแค่เพียงนางผู้เดียวเท่านั้น
ร่างเล็กบอบบางที่สวมเพียงอาภรณ์บางเบาเริ่มรู้สึกหนาวสั่น สองเท้าเปลือยเปล่าวิ่งเสาะหาผู้คนอื่น ๆ ที่คาดว่าจะอยู่ แต่กระนั้นก็มิได้พบเห็นผู้ใดอื่นอีก เหลือแค่เพียงนางผู้เดียวเท่านั้น
“เสี่ยวเยว่ เสี่ยวถิง พวกเจ้าอยู่ไหนกัน” นางตะโกนร้องเรียกชื่อสาวใช้คู่กายทั้งสองนาง
ฟู่ลี่อิ๋งวิ่งมาจนกระทั่งถึงลานบ้านและพบบุรุษผู้หนึ่ง ที่ไม่เห็นว่าหน้าตาเป็นเช่นไร ยื่นกอดก่ายประคองร่างเล็กแบบบางของนางตัวดีฟู่เหยาเหยา สตรีที่ฟู่ลี่อิ๋งเกลียดที่สุดเอาไว้แนบแน่น
“คุณชาย เป็นนางเจ้าค่ะ เป็นนางผู้นั้นที่รังแกข้ามาตลอด” สตรีร่างแบบบางพูดไปร้องห่มร้องไห้ไปพร้อมกับชี้หน้าปรามาสไปที่ฟู่ลี่อิ๋ง ยามที่นางร้องไห้ดูบอบบางน่าทะนุถนอม ไม่ว่าบุรุษใดที่ได้พบเห็นก็พร้อมจะเข้าไปปลอบประโลมเอาอกเอาใจ
“เจ้าพูดว่าอย่างไร ใครรังแกเจ้ากัน” ฟู่ลี่อิ๋งไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดน้องสาวต่างมารดาผู้นี้ถึงได้กล่าวหานางเช่นนั้น ที่ผ่านมาก็เป็นแค่เรื่องที่เด็กเล่นกัน ใยจะต้องจับเอามาเป็นประเด็นให้ขุ่นใจ ใบหน้าสวยหวานร้ายกาจของฟู่ลี่อิ๋งยังไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
“พี่หญิง ที่ผ่านมา ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าได้รับความเจ็บปวดทั้งกายและใจเพียงใด เหยาเหยาจำได้ตอนที่ข้าอายุ 15 ใกล้ถึงพิธีปักปิ่น ท่านแกล้งสาดน้ำร้อนใส่จนข้อมือได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ต้องเลื่อนพิธีมงคลของข้าออกไป ไหนจะตอนที่ท่านผลักให้ข้าตกสระบัวรู้ไหมหรือไม่ว่า ข้าล้มป่วยไปกี่วัน” ฟู่เหยาเหยา ยังคงสาธยายความชั่วช้าของสตรีตรงหน้าไม่หยุด
ฟู่ลี่อิ๋งยืนฟังด้วยสีหน้าไม่รู้สึกผิด นางไม่เห็นจำได้ว่าเคยกระทำเรื่องเช่นนั้น
“ข้าไม่เห็นจำได้ว่าเคยกระทำเรื่องพรรค์นั้น”
“หึ” บุรุษที่อยู่ประคองฟู่เหยาเหยาแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเริ่มเป็นผู้กล่าวบ้าง “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหว ชั่วช้าร้ายกาจ กระทำการเรื่องเลวร้ายได้แบบหน้าด้าน ๆ ไม่รู้สึกผิด ได้มาพบเห็นวันนี้ เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง”
ร่างสูงชักกระบี่ออกจากฝัก กระบี่สีเงินกระทบกับแสงจันทร์เกิดเงาสะท้อน กระทบไปพาดที่บริเวณลำคอขาวผ่องของสตรีที่สวมชุดนอนตรงหน้าพอดิบพอดี
“ไม่ยักรู้ว่าชื่อเสียงของข้าจะเป็นที่เล่าลือถึงเช่นนั้น” ฟู่ลี่อิ๋งยืดตัวตรงมิได้หวั่นเกรงกับสิ่งที่บุรุษตรงหน้าเอื้อนเอ่ย “เรื่องโกหกทั้งนั้น” นางเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างถือตัว
“พี่หญิง มาถึงขั้นนี้แล้วเหตุใดท่านจึงไม่รู้จักสำนึกผิด” ฟู่เหยาเหยาร้องไห้หนักเสียยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนไม่ได้สำนึกกับเรื่องชั่วช้าที่เคยกระทำ
“เหยาเหยาอย่าได้พูดสิ่งใดอีกเลย ให้ข้ากำจัดนางเสีย ถือว่าได้ตอบแทนคุณแผ่นดินทำเพื่อปวงประชา”
สิ้นเสียงของบุรุษ ร่างสูงใหญ่ของคนผู้นั้นก็กระโจนถลาเข้ามาถึงตัวนาง และใช้กระบี่เล่มนั้นปลิดชีพนางในทันที
ฟู่ลี่อิ๋งยังไม่ทันจะสิ้นชีวี นางเห็นกองโลหิตสีแดงฉานอาบไปทั่วทั้งลานหิน ในเวลาเดียวกันก็เห็นใบหน้าของฟู่เหยาเหยากำลังลอบยิ้มอย่างมีความสุข คล้ายกับดีใจที่ได้กำจัดเสี้ยนหนามอย่างนางทิ้ง