1 คุณหนูใหญ่
ฝันเดิม ๆ เหตุการณ์เดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ทุกคืนวัน ฟู่ลี่อิ๋งต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกในทุกค่ำคืนจนร่างกายที่เคยแข็งแรงเริ่มล้มป่วย
เช้าวันนี้ก็เช่นกัน ยังอุตส่าห์ดีใจที่ไม่ได้สะดุ้งตื่นกลางดึก คิดว่าคำคืนนี้คงจะได้นอนหลับพักผ่อนแบบสบาย ๆ แต่กลายเป็นว่า นางฝันอีกทีในช่วงใกล้รุ่ง หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนปวดหนึบ มือเล็กแบบบางยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าและลำคอ
เมื่อพบว่าร่างกายและศีรษะยังอยู่ครบไม่ได้ขาดจากกันฟู่ลี่อิ๋งถึงเบาใจ
เมื่อได้ยินกระดิ่งสัญญาณว่านายหญิงของเรือนตื่นนอนแล้ว สาวใช้สองนางจึงเข้ามาทำหน้าที่ ประตูไม้ถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง สาวใช้สองนางเดินเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบ ๆ และระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองกระทำการสิ่งใดให้เกิดเสียง เพราะหวั่นเกรงว่าสตรีที่อยู่บนเตียงจะโกรธเกรี้ยว
เมื่อใกล้ถึงเตียงกลับพบว่าสตรีตัวเล็กนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง นางตื่นนอนอยู่นานแล้ว ใบหน้าสวยหวานซบกับหัวเข่า เสี่ยวเยว่ เสี่ยวถิง ได้แต่มองหน้ากันไปมามิกล้าเอ่ยปาก รอจนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่าง คุณหนูผู้เป็นเจ้าของเรือนถึงก้าวขาลงจากเตียง
“ข้าจะไปศาลเจ้าท้ายตลาด” ฟู่ลี่อิ๋งเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่...” เสี่ยวถิงกำลังจะเอ่ยพูด แต่กลับถูกเพื่อนสนิทบอกให้ปิดปากงดแสดงความคิดเห็น
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเยว่รับคำง่าย ๆ
เพราะรอนานจนเกินไปทำให้น้ำร้อนในกะละมังกลายเป็นน้ำเย็น ทันทีที่เจ้าของมือเล็กบอบบางได้สัมผัสก็เริ่มเกิดความขุ่นเคือง
“พวกเจ้าเหตุใดจึงใช้น้ำเย็น” ฟู่ลี่อิ๋งหันไปตวาดสองสาวใช้ที่เนื้อตัวสั่นเทา
“คุณหนูบ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ เป็นเพราะรอท่านนานจนเกินไป ทำให้น้ำอุ่นกลายเป็นน้ำเย็น” เสี่ยวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
ทันทีที่เสี่ยวเยว่แก้ตัวเสร็จกะละมังที่ใส่น้ำเย็นก็ถูกจับราดใส่สาวใช้ทั้งสองคน
“พวกเจ้าจะโทษที่ข้าลงจากเตียงช้างั้นหรือ” ฟู่ลี่อิ๋งมองบ่าวสองคนด้วยหางตา น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว” สาวใช้ที่เนื้อตัวเปียกปอนก้มหน้าโขกหัวกับพื้นห้อง เพื่อขอให้สตรีร้ายกาจผู้นี้ให้อภัย
มือเรียวเล็กทำท่าจะกวาดออกไปแต่กลับรั้งกลับมาข้างตัว เพราะคิดถึงเหตุการณ์ในฝัน ที่ใคร ๆ ต่างก็ชี้หน้าปรามาสว่านางเป็นสตรีชั่วร้าย
“พอเถอะ ไปเอากะละมังใหม่มา” ฟู่ลี่อิ๋งกลับไปนั่งที่ข้างเตียงดังเช่นเดิม ใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยแววแห่งความร้ายกาจทอประกายหม่นเศร้า
สาวใช้สองนางเมื่อไม่ได้มือไม้เป็นของแถม ต่างก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ วันนี้อุตส่าห์ใส่เสื้อผ้าแต่งตัวหนา ๆ เพื่อมารองรับอารมณ์ร้ายกาจของคุณหนูของตน แต่นอกจากนางสาดน้ำเย็นใส่แล้ว นางก็มิได้ลงไม้ลงมือ ไม่ได้ดุด่าดังเช่นปกติ
“ยังไม่รีบไปอีก หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการณ์” ฟู่ลี่อิ๋งตะโกนซ้ำ
นางเกรงว่าหากออกจากเรือนช้าไปกว่านี้ จะไปไม่ทันหมอดูชื่อดังที่คนเขาร่ำลือกัน นางอยากให้เขาช่วยทำนายความฝันของนางเสียหน่อย จะได้รู้กันเสียทีว่าสิ่งที่นางฝันนั้นหมายความว่าอย่างไร
แปลกนัก!!
วันนี้คุณหนูใหญ่ของพวกนางแปลกไปนัก ไม่เพียงไม่ตบตีลงไม้ลงมือแต่กลับเงียบขรึมเสียยิ่งกว่าทุกวัน พวกนางสองคนว่าอย่างไร คุณหนูของนางก็ว่าอย่างนั้น ไม่หือไม่อือใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนที่ปักปิ่นลึกเกินไปจนแทงศีรษะ ไม่เพียงนางไม่โกรธ นางทำแค่เพียงส่งสายตาเบื่อหน่ายขุ่นเคืองให้เท่านั้น
ปกติคุณหนูจะเดินผ่านลานหน้าบ้านอย่างผ่าเผย แต่กลายเป็นว่าวันนี้เดินอ้อมและเร่งรีบ กระทั่งเจอหน้าคุณหนูรองฟู่เหยาเหยาก็มิได้เข้าไปหาเรื่อง ทำแค่เพียงมองผ่านและเมินไปเท่านั้น
แถมยังมิได้เรียกรถม้าให้ไปส่งดังเช่นทุกครั้ง เสี่ยวเยว่ เสี่ยวถิงไม่รู้จะพูดสิ่งใด ได้แต่ใช้ศอกสะกิดกันไปมา
“พวกเจ้าเป็นอะไร” ลี่อิ๋งนึกรำคาญจึงหันไปเอ่ยถาม
พวกนางสองคนไม่มีผู้ใดกล้าพูดได้แต่เกี่ยงกันไปมาจนสตรีตัวเล็กนึกรำคาญ
“ถ้าไม่พูดก็กลับไปที่จวนให้หมดอย่ามาอยู่ให้ข้ารำคาญ” คิ้วเรียวสวยของฟู่ลี่อิ๋งขมวดกันเป็นปม
“พูดแล้วเจ้าค่ะ บ่าวพูดแล้ว” เสี่ยวถิงเป็นผู้เอ่ยปาก
“พูดมา”
“บ่าวจะถามว่าคุณหนูจะเดินไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ ศาลเจ้าอยู่ห่างออกไปตั้งไกล” นางถามเพราะความเป็นห่วง ห่วงว่าหากนางไม่เอ่ยออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกิดสตรีเอาแต่ใจผู้นี้มารู้ความจริงเอาทีหลังจะดุด่าเอาได้
เหอะ!! ฟู่ลี่อิ๋งพ่นลมหายใจยาว ๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป
“ข้าอยากเดิน ศาลเจ้ามันจะไกลสักแค่ไหนกันเชียว” นางอยากเดินและไม่คิดว่ามันจะไกลเกินกว่าที่นางจะเดินไปได้
อันที่จริงเพราะเห็นว่าฟู่เหยาเหยาจะออกไปข้างนอกเช่นกัน รถม้าที่จอดเอาไว้เหลือเพียงแค่คันเดียว นางจึงอยากทำตัวเป็นคนดีเสียสละรถม้าให้ แต่ความจริงลึก ๆ คือนางอยากออกกำลังกายต่างหาก ใครจะเป็นคนดีก็เป็นคนดีไป