บทที่ 7
หลังจากที่ต่างก็นิ่งเงียบกันไปเป็นครู่ แฟรงค์ก็ระบายลมหายใจออกมาแรงๆ
“ที่จริง ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่าแกจะต้องพูดอย่างนี้ เอาละ ในฐานะที่แกเป็นผู้บังคับบัญชาที่นี่ ฉันก็คงทำได้เพียงแค่หวังว่า แกจะรู้นะว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป แต่สิ่งหนึ่งที่แกพึงตระหนักไว้ด้วยก็คือ อีกไม่นานหรอกแม่นั่นจะต้องก่อเรื่องเดือดร้อนให้เกิดขึ้นกับคนของเรา แกก็รู้ว่าบางคนน่ะมันทนเห็นผู้หญิงไม่ได้ มันต้องอยาก”
“ฉันรู้” แซมตอบอย่างใช้ความคิดอยู่ “เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องกันเขาให้ห่างจากคนของเราไว้ ให้อยู่แต่ในเต็นท์ก็ได้นี่ เราควรจะมอบหมายให้ไรเล่ย์เป็นคนดูแลก็ได้รับรองว่าปลอดภัยเต็มที่”
แฟรงค์ทำเสียงอย่างเห็นด้วยในลำคอ การที่ไรเล่ย์เบทส์ ไม่ให้ความสนใจในเพศตรงข้ามนั้น เป็นเรื่องล้อเลียนในหมู่เพื่อนฝูงมาเป็นเวลานานปี แต่สาเหตุสำคัญนั้นมันเกิดขึ้นจากการที่เขาออกสู่สนามรบในเกาหลี และไปเหยียบเอากับระเบิดเข้า ซึ่งทำให้อวัยวะเพศขาดไป แต่จะอย่างไรก็ตามไรเล่ย์เป็นคนที่มีความกล้าบ้าบิ่น และในสถานการณ์เช่นนี้แซมจำเป็นที่จะต้องใช้เขาอยู่แล้ว
“ก็ต้องนับว่าเป็นความคิดที่ดีนะ แต่แกก็จะต้องรู้ด้วยว่า ในบางครั้งแม่นั้นเขาก็จำเป็นที่จะต้องออกจากเต็นท์มาบ้างเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไปขี้ไปเยี่ยวบ้างละวะ” แฟรงค์ลดเสียงลง สีหน้าบอกความกระดากอยู่เมื่อต้องเอ่ยอะไรพรรค์นั้นออกมาตรงๆ
แซมอดยิ้มไม่ได้ ไรฟันขาวสะอาดตัดกับความคล้ำของใบหน้าอยู่ในท่ามกลางความสลัว รู้สึกดีใจอยู่บ้างที่มิใช่เขาเพียงคนเดียวที่จะรู้สึกขัดเขิน เมื่อจะต้องเอ่ยถึงผู้หญิงคนที่เพิ่งผ่านเข้ามาในชีวิต
“ก็ให้ไรเล่ย์เป็นหน่วยอารักขาเขาก็แล้วกัน ฉันว่ามันก็เข้าท่าดีนะ”
และทั้งสองก็หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกัน รอยยิ้มยังคงอยู่บนหน้า แม้เมื่อเข้ามาจนถึงแค้มป์แล้ว ทุกเต็นท์ที่อยู่ในกลุ่มสงัดเงียบ แฟรงค์เปิดปากหาวออกมาดังๆ เอื้อมมือไปตบหลังแซมและเดินเข้าเต็นท์ของตนไป แซมเดินตรวจไปรอบๆ แค้มป์ เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่ต้องอยู่ยามในคืนนี้ยังตื่นตัวอยู่อย่างเต็มที่และเตรียมพร้อมเสมอ จากนั้นก็เข้านอน
ประตูเต็นท์ที่ถูกตลบขึ้นทำให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาปลุกให้ลิซ่าตื่นขึ้นในตอนเช้า เธอบิดกาย หาวเบาๆ ก่อนที่ลืมตาขึ้น นอกเหนือจากความเจ็บปวดเนื้อตัวบ้างเล็กน้อยแล้ว เช้าวันนี้เธอรู้สึกว่าความตึงเครียดในร่างกายผ่อนคลายลงอย่างมาก ไม่เคยรู้สึกสบายอย่างนี้มาก่อนเลย และแล้วเธอก็ใช้ความคิดอยู่ว่า อะไรเล่าที่ทำให้เธอรู้สึกสบายขึ้นมากอย่างนี้..มันคืออะไรกันแน่
และแล้ว เธอก็เริ่มรู้สึกว่าเนื้อตัวที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มยามนี้ไม่มีเสื้อผ้าเหลือติดกายอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว เมื่อลองลูบไปตามเนื้อตัวแข้งขา ก็ยืนยันในความรู้สึกดังกล่าวและแล้วเธอก็สำนึกว่า เมื่อคืนนี้มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่ทาบทับอยู่กับเรือนร่างของเธอ
คุณพระช่วย...นี่เธอได้ทำอะไรลงไปแล้ว ได้โปรดเถอะ...ได้โปรดอย่าให้เธอต้องได้รับคำตอบว่าตัวเองถูกผู้ชายคนนั้นข่มขืนเลย แต่แล้วเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็ทำให้สีหน้าแดงจัดขึ้น ทำไมนะ...ทำไมเธอจึงได้กระทำในสิ่งที่เหมือนไร้ยางอายลงไปอย่างนั้น เพราะอะไรเธอจึงได้ขอร้องให้เขาได้ร่วมรักกับเธอ และเธอยังสัมผัสร่างกายเนื้อตัวของเขา ราวไร้สำนึกแห่งความอับอายได้ถึงขนาดนั้น
ลิซ่าหลับตาลง ครางออกมาเบาๆ อะไรหนอที่ทำให้เธอถึงกับหน้ามืดตามัวไปถึงเพียงนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเป็นหญิงสาวที่มีแต่ความสงบเสงี่ยม คอยระมัดระวังกิริยาท่าทีของตัวเองอยู่ แล้วทำไมเธอจึงทำอะไรอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้นลงไปได้ และทำกับผู้ชายประเภทนั้น..คนที่เป็นเพียงทหารรับจ้างคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ตามบัดนี้เธอได้ตระหนักแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นความจริงทั้งสิ้น
เธอครางออกมาเบาๆ อย่างอับอายเหลือจะกล่าว ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะไว้ราวจะปิดกั้นสายตาของโลกมิให้มองเห็นตัวเธอ นี่เขาจะคิดถึงเธอในแง่ไหนกันเล่า
และแล้วความโกรธแค้นก็เริ่มแผ่ซ่านขึ้นในเรือนกายบางทีแซมอาจจะมิใช่คนบริสุทธิ์เช่นที่เธอคิดถึงเขาในตอนแรกก็ได้ เธอจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาฉีดยาให้เธอถึง 2 เข็ม และไม่มีใครรู้ด้วยว่าเขาจะฉีดมากกว่านั้นอีกหรือเปล่า และใครจะรู้ว่าในยาฉีดนั้นมีอะไรผสมอยู่บ้าง บางทีเขาอาจจะตั้งใจทำอะไรบางอย่างกับเธอก็ได้ เขาหวังที่จะให้เธอแสดงอาการเชิญชวนเช่นนั้นออกมา
แต่จะอย่างไรก็ตามทีเถิด ลิซ่ายอมรับว่าเมื่อคืนนี้เธอมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่น้อยมาก ซึ่งเธอเชื่อว่าแซมจะต้องรู้และแล้วก็ถือประโยชน์จากการที่เธอจิตใจไม่ใคร่อยู่กับเนื้อตัวนั่นเองสนองราคะจริตของตน
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกเต็นท์ ทำให้ลิซ่าต้องดึงผ่าห่มลงและหันขวับไปมอง ใบหน้าแดงก่ำ มือที่จับผ้าห่มคลุมไว้ถึงไหล่สั่นสะท้าน อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เธอจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น คนที่กำลังจะเดินผ่านประตูเต็นท์เข้ามา
แต่มันกลับมิได้เป็นเช่นที่เธอคิด เป็นเพียงใครคนหนึ่งที่โผล่หน้าเข้ามาดู ศีรษะตอนบนของเขาล้านเลี่ยนมิได้ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดำเช่นของแซม ผู้ชายคนนี้มีผมสีเทา และดวงตาคู่ที่ประสานกับเธอก็เป็นสีน้ำตาลมิใช่สีฟ้าเข้มด้วย
“คุณ...คุณเป็นใคร” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ผู้ชายคนนี้ดูจะแปลกหน้าสำหรับเธออย่างแท้จริง และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เธอไม่ไว้วางใจเขาเลย
“ผมชื่อ ไรเล่ย์ เบทส์” เขาตอบพร้อมกับก้าวเข้ามาในเต็นท์ จากน้ำเสียงที่ตอบมานั้นมิได้บอกความเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย แต่ชื่อที่คุ้นหูทำให้ลิซ่ารู้สึกคลายใจลงบ้าง เพราะเมื่อคืนนี้เองที่เธอได้ยินแซมเรียกชื่อเขาคนนี้
“คุณต้องการอะไรหรือ” เธอยังคงใช้ผ้าห่มคลุมกายไว้ กวาดสายตามองหน้าไรเล่ย์อย่างพิจารณา เขาเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างผอม ใบหน้าเสี้ยม อายุอานามคงจะประมาณ 50 และเช่นเดียวกับแซมก็ตรงที่แต่งชุดสีกากีเช่นกัน
“หิวหรือยังล่ะ” เขาถามห้วนๆ ลิซ่าใช้ความคิดอยู่เพียงครู่ และก็พยักหน้ารับ “งั้นเดี๋ยวจะเอาอะไรมาให้กิน”
เมื่อเขาลับร่างไปแล้ว ลิซ่าก็พิจารณาถึงทัศนคติที่ผู้ชายคนนี้มีต่อตัวเธอ เห็นได้ชัดว่าเขามิได้แสดงออกถึงความเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย แต่...เพราะเหตุใดเล่า เท่าที่ผ่านมา ดูเหมือนเธอไม่เคยทำให้เขาเกิดความขุ่นเคืองเลยนี่นา บางทีเขาอาจจะไม่พอใจที่จะต้องมาคอยรับใช้เธอก็เป็นได้ หรือไม่เขาก็อาจไม่ชอบผู้หญิงเท่าไรนัก
ก่อนที่เธอจะทันหาคำตอบได้ ไรเล่ย์ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมด้วยถาดสังกะสี เช่นเดียวกับที่เขาใส่อาหารมาให้เธอกินเมื่อคืนนี้ เมื่อถึงตัวก็ยื่นมาให้ตรงหน้า และลิซ่าก็พบว่าตัวเองกำลังชั่งใจ ถ้าเธอจะเอื้อมมือไปรับถาดนั้นก็จะต้องปล่อยมือจากผ้าห่ม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เธอกัดริมฝีปากอยู่ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังมีปัญหาไรเล่ย์ก็ทำเสียงไม่พอใจออกมา กระแทกถาดวางลงบนหลังลังพร้อมด้วยช้อนส้อม และถ้วยดินเผาที่ภายในลิซ่าหวังว่าจะใส่กาแฟไว้ จากนั้นเขาก็เดินออกจากเต็นท์ไปโดยไม่พูดจาอะไรเลย
ครั้งนี้ ลิซ่าไม่คิดที่จะพิจารณาในท่าทีที่เขาแสดงออกต่อเธออีกต่อไป อาหารที่ตั้งรออยู่ตรงหน้าทำให้ท้องร้องขึ้นด้วยความหิว เธอรีบผลุดลุกขึ้นยืนใช้ผ้าห่มนั่นเองกระโจมอกไว้จากนั้นก็นั่งลงตรงขอบเตียง ลากถาดอาหารเข้ามาใกล้ตัว
เธอมองดูอาหารเขละๆ ที่กองอยู่ในถาดใบนั้น...หน้าตามันเหมือนไข่กวน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงรสชาติของมันก็คงจะเลวกว่าที่เธอเคยกินมาจากที่ไหนแน่ๆ ถ้าไม่หิวแทบขาดใจเช่นนี้เธอคงจะกลืนกินมันไม่ลงอย่างแน่นอนที่สุด แต่ถึงอย่างไร ในยามนี้มันก็ยังดีกว่าจะไม่ได้กินอะไรเสียเลย ดังนั้นเธอจึงฝืนใจกล้ำกลืนเข้าไป...แต่สำหรับกาแฟนั้นพอจะใช้ได้มันทั้งร้อนและขม แต่ก็ช่วยให้เธอสบายขึ้นมาก