ตอน "เวลาชีวิต" 5
สามสิบนาทีต่อมา...
ตะวันฉายนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าของเขาหม่นหมอง ดวงตาสีนิลเอ่อน้ำตาไม่ยอมกะพริบจ้องมองประตูห้องไอซียูซ้ายที ขวาที
“คุณพยาบาลครับ! ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ” ตะวันฉายรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปถามนางพยาบาลสองคนที่จะเดินเข้าไปในห้องที่ภรรยานอนอยู่
“รอให้คุณหมอออกมาแจ้งดีกว่านะคะ” นางพยาบาลตอบเพียงสั้นๆ
“ดะ เดี๋ยวสิครับ แล้วอีกนานไหมครับหมอถึงจะออกมา” ตะวันฉายเดินไปดักหน้านางพยาบาล
“ฉันตอบคุณไม่ได้หรอกค่ะ ช่วยหลีกทางให้พวกเราด้วยค่ะ”
ตะวันฉายถูกนางพยาบาลต่อว่า เขาจึงพยักหน้าหลีกทางให้นางพยาบาลแล้วเดินคอตกกลับไปนั่งที่เดิม
แอ๊ดด!!
เสียงเปิดประตูห้องด้านขวาทำให้ตะวันฉายหยุดทุบตีท้ายทอยตัวเอง หน้าตาของคนหล่อบูดเบี้ยวเพราะเจ็บระบมเข้าไปถึงเนื้อสมองด้านใน ตะวันฉายปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเงยขึ้น
“หมอ! แม่ยายของผมเป็นยังไงบ้างครับ” ตะวันฉายปวดศีรษะจนดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัว ชายหนุ่มลูบหน้าขยี้ตาแรงๆ เมื่อเห็นหมอมีสามสี่ร่างยืนอยู่ตรงหน้า
“จมูกคุณเลือดออก เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” หมอไม่ได้ตอบคำถามของตะวันฉาย แต่กลับถามเมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของเขา
“น้าเพ็ญเป็นยังไงบ้างครับ” ตะวันฉายเช็ดเลือดออกจากร่องจมูกด้วยแขนเสื้อเชิ้ต ดวงตาสีเข้มเหลือบมองหน้าหมอแล้วก้มมองมือสั่นเทาหยิบยาแก้ปวดในกล่องเล็กๆ ออกมากิน
“คุณไม่สบายหรือครับ?” หมอเดินนำหน้าตรงไปที่ห้องคนไข้ ก่อนที่หมอจะเปิดประตูก็หันหน้ามาถามอาการของตะวันฉาย และยังแอบมองความแข็งแรงสมบูรณ์แบบของชายหนุ่ม
“ผมคงเครียดน่ะ” ตะวันฉายตอบเพียงสั้นๆ
“แผนกตรวจสุขภาพอยู่ตึกสอง...คุณควรไปตรวจนะ” หมอยื่นนามบัตรของหมออีกคนให้
ตะวันฉายขอบคุณหมอ รับนามบัตร เขากระตุกยิ้มเมื่ออ่านชื่อของหมอในใจ แล้วเก็บนามบัตรนายแพทย์ไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต
“น้าเพ็ญ!” ตะวันฉายแทบจะก้าวขาเดินต่อไปไม่ได้ เมื่อเห็นร่างของหญิงชรานอนหายใจรวยริน ตะวันฉายน้ำตาซึมพยักหน้ารับฟังหมอบอก ว่าน้าเพ็ญจะอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ ถ้าวันไหนถอดเครื่องช่วยหายใจออกเมื่อไรน้าเพ็ญก็จะสิ้นใจทันที
“แม่ยายของคุณเป็นโรคหัวใจมานานแล้วนะ คุณไม่รู้หรือ ส่วนโรคเส้นเลือดในสมองแตกฉับพลันเข้ามาแทรกซ้อน เมื่อมีเรื่องกระทบจิตใจอย่างรุนแรงเลยทำให้คนป่วยเกิดอาการชักกระตุกอย่างที่เห็นเมื่อครู่นี้”
คุณหมออ่านประวัติคนไข้แต่ไม่พบว่าคนไข้เคยมาที่โรงพยาบาลนี้ ทำให้พอจะเดาได้ว่าน้าเพ็ญอาจไม่เคยเข้ารับการรักษาที่ไหน ตะวันฉายได้แต่พยักหน้าฟังคุณหมอเล่าอาการป่วยของวันเพ็ญ ชายหนุ่มทุกข์และทรมานหัวใจมากยิ่งกว่าเก่าเมื่อนึกถึงจันทร์ฉัตร ซึ่งเขาแน่ใจว่าน้องก็คงจะไม่รู้ ว่าแม่ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วมานานแล้ว
“น้าเพ็ญจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนแบบนี้อีกนานไหมครับ?” ตะวันฉายเดินไปยืนข้างเตียง เขาเอื้อมมือจับมือเย็นเฉียบของวันเพ็ญข้างที่ไม่มีเข็มน้ำเกลือ
“หมอเสียใจด้วยครับ ถ้าคนป่วยฟื้นขึ้นมาก็อาจจะมีร่างกายไม่เหมือนเดิม อาจจะเดินไม่ได้ หรือขยับแขนขาไม่ได้” หมอถอนหายใจเบาๆ รู้สึกเห็นใจคนป่วยและชายหนุ่ม
“หมายความว่า ถ้าน้าเพ็ญฟื้น...น้าเพ็ญก็จะเป็นอัมพาธ เดินไม่ได้หรือครับ” ตะวันฉายจูบมือของวันเพ็ญด้วยความรัก รักเหมือนแม่ผู้ให้กำเนิด เขาร้องไห้ไม่มีเสียง มีเพียงน้ำตาไหลออกจากดวงตาแดงก่ำเพราะสงสารหญิงชรามาก ขณะนี้ เขาอยากจะถ่ายทอดเอาความเจ็บปวดของพวกเธอทั้งสองมาไว้บนตัวของเขาเสียเหลือเกิน ถ้าตายแทนได้ เขาก็พร้อมที่จะตายแทนพวกเธอทั้งสอง
“คนป่วยทุกคนที่ล้มป่วยเป็นโรคนี้มีโอกาสรอดชีวิตยาก ที่จะกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปก็น้อยเต็มที” คุณหมอตอบ
“น้าเพ็ญ...อึกก”
เสียงอธิบายเรื่องการรักษาโรคนี้และต้องใช้เงินอย่างมากไม่ได้ทำให้ตะวันฉายอยากรับรู้เลย เพราะในเวลานี้ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้สองแม่ลูกฟื้นขึ้นมาโดยเป็นคนปกติสมบูรณ์ ไม่ใช่ตื่นมาแล้วต้องมารับรู้ว่าตัวเองต้องกลายเป็นคนพิการทั้งแม่และลูกแบบนี้...
